เมื่อพลังวิญญาณของฉินอวี้โม่และมารยาแผ่เข้าไปที่จิตของวานรน้อยพร้อมกัน พลังของอาคมในร่างของมันก็เริ่มแสดงปฏิกิริยาต่อต้านทันที
“มารยา ปิดผนึกพลังนั้นไว้ !”
ฉินอวี้โม่ถ่ายทอดคำสั่งไปโดยตรง
มารยาไม่รอช้าและจัดวางข่ายอาคมหลายชั้นในจิตของวานรน้อยเพื่อป้องกันจากพลังที่พยายามโจมตีพวกตน
“พี่ใหญ่ เตรียมตัวทำพันธสัญญา !”
ฉินอวี้โม่ส่งสัญญาณให้กับฉินอี้เฟยเพื่อให้เขาแผ่พลังวิญญาณตรงเข้าไปในจิตของวานรตัวน้อยเช่นกัน
ปฏิกิริยาของฉินอี้เฟยก็ไม่เชื่องช้าแต่อย่างใด เขาแผ่พลังวิญญาณเข้าไปในจิตของวานรโดยตรงและเริ่มกระบวนการทำพันธสัญญาทันที
วานรตัวน้อยก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาทำร้ายตน มันจึงยินยอมแต่โดยดีและไม่ต่อต้านขัดขืนใด ๆ จากนั้นพลังวิญญาณของหนึ่งมนุษย์และหนึ่งอสูรก็ผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่กระบวนการราบรื่นต่อไปเช่นนี้ระยะหนึ่ง พันธสัญญาระหว่างทั้งสองก็จะสำเร็จโดยสมบูรณ์
เวลานี้ พลังของอาคมที่มารยาพยายามปิดผนึกไว้เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา
พลังนั้นปะทะเข้ากับข่ายอาคมที่มารยาวางไว้และพยายามฝ่าผ่านมันเพื่อโจมตีพลังวิญญาณของฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟย รวมถึงปลิดชีพวานรตัวน้อยไปเสีย
หลังจากถูกโจมตีหลายครา เป็นธรรมดาที่ข่ายอาคมหลายชั้นของมารยาจะเริ่มอ่อนกำลังลง
“นายหญิง ข้าต้องการความช่วยเหลือ”
มารยาส่งกระแสจิตหาฉินอวี้โม่เมื่อตระหนักว่าพลังของตนใกล้จะหมดลงเต็มที
ฉินอวี้โม่เข้าใจดีและใช้พลังวิญญาณของตนในการครอบงำพลังที่พยายามโจมตีข่ายอาคมอย่างรวดเร็ว
พลังนี้เป็นพลังที่แกร่งกล้ายิ่งนัก หากสามารถดูดกลืนมันเข้ามาได้ มันจะเป็นผลดีสำหรับนางอย่างมาก
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรงและวานรน้อยก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม การทำพันธสัญญาระหว่างมันและฉินอี้เฟยกำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญแล้ว เพราะเหตุนั้น แม้เกิดความเจ็บปวดที่ทุกข์ทรมาน มันก็ยังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อควบคุมตัวเองและฝืนทำพันธสัญญาต่อไปเพื่อให้กระบวนการเสร็จสมบูรณ์
พลังวิญญาณของฉินอวี้โม่ครอบงำพลังในร่างของวานรน้อยไว้และค่อย ๆ ดูดกลืนมันเข้ามา
นี่คือวิธีการเดียวที่นางนึกออกในตอนนี้ ตราบใดที่ปิดผนึกพลังนั้นได้สำเร็จและดูดกลืนมันเข้ามาได้ มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อวานรตัวน้อยและหญ้าเทียนหมาบนศีรษะของมันก็จะไม่ถูกทำลายไป
ยิ่งไปกว่านั้น พลังนั้นก็จะเป็นประโยชน์ต่อฉินอวี้โม่อย่างมาก กล่าวได้ว่าครานี้เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอย่างแท้จริง
พลังในร่างของวานรน้อยสัมผัสได้ถึงภยันตรายและตอบโต้กลับอย่างรุนแรง พลังนี้ก็แกร่งกล้ามากเสียจนฉินอวี้โม่รู้สึกราวกับพลังวิญญาณของตนได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักและยากที่จะรับมือได้
อย่างไรก็ตาม เดิมทีพลังวิญญาณของฉินอวี้โม่ก็เหนือยิ่งกว่าคนธรรมดาถึงหลายต่อหลายเท่า เพราะเหตุนั้น นางจึงสามารถขวางกั้นผลกระทบที่รุนแรงจากพลังนั้นก่อนเริ่มดูดกลืนมันอย่างช้า ๆ ส่งผลให้มันสลายหายไปจากร่างของวานรน้อยอย่างต่อเนื่อง
กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปถึงหนึ่งชั่วยามครึ่ง เมื่อฉินอวี้โม่ดูดกลืนพลังนั้นได้สำเร็จ พันธสัญญาระหว่างวานรตัวน้อยและฉินอี้เฟยก็เสร็จสมบูรณ์เช่นกัน
“เรียบร้อย”
ฉินอวี้โม่ถอนพลังวิญญาณของตนกลับมาขณะปาดเหงื่อที่ชุ่มโชกทั่วหน้าผากพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เจ้าคงจะเหนื่อยไม่น้อย ขอบคุณมาก”
ฉินอี้เฟยและวานรน้อยลืมตาขึ้นพร้อมกัน ก่อนฉินอี้เฟยจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้กับผู้เป็นน้องสาวและกล่าวด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใย
“นายท่าน นายท่าน”
น้ำเสียงเยาว์วัยดังขึ้นในหูของทั้งสอง เวลานี้ วานรตัวน้อยกลายเป็นเด็กชายอายุห้าขวบแล้ว
“นายท่าน ตอนนี้ข้าสามารถแบ่งปันพลังของหญ้าเทียนหมาให้กับท่านได้แล้ว เมื่อท่านหลอมโอสถกร่อนวิญญาณ ท่านเพียงต้องยืมพลังชีวิตของข้าเล็กน้อยและท่านก็จะหลอมมันได้สำเร็จ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตน วานรน้อยก็กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างไม่ปิดบัง
“ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป ข้าจะเริ่มกระบวนการหลอมโอสถทันที”
เวลานี้ วัตถุดิบสำหรับการหลอมโอสถกร่อนวิญญาณรายการสุดท้ายซึ่งก็คือหญ้าเทียนหมาอยู่ในมือของฉินอี้เฟยแล้วและการเดินทางกลับไปยังเมืองราชวงศ์จะต้องใช้เวลาพอสมควร เขาจึงจะใช้เวลาในระหว่างนี้เพื่อหลอมโอสถกร่อนวิญญาณให้สำเร็จและเตรียมโยนมันลงในรอยแยกหลุมดำมิติเพื่อคลี่คลายวิกฤตของดินแดนมหาเทพ
จากนั้นฉินอวี้โม่ก็ปล่อยให้ฉินอี้เฟยและวานรน้อยอยู่ในห้องต่อไปในขณะที่ตนแยกตัวออกมา
หลังจากพูดคุยกับอวิ๋นซื่อเทียนและคนอื่น ๆ ทุกคนก็ได้ทราบความคืบหน้าของสถานการณ์และไม่กล่าวสิ่งใดขณะเฝ้ารออย่างใจเย็น
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่และทุกคนก็ใช้เวลาครึ่งเดือนในการเดินทางไปถึงเมืองราชวงศ์
ทันทีที่มาถึงอาณาเขตของเมือง พวกนางก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวและหดหู่อย่างที่สุด พลังลึกลับจากหลุมดำมิติครอบงำไปทั่วเมืองราชวงศ์ของมณฑลกลางแล้ว ในเวลานี้ ราวกับว่าทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมอยู่ภายใต้กลุ่มเมฆที่หนาทึบและมืดหม่น เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายยิ่งนัก
“ดูเหมือนว่าหลุมดำมิติจะขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้งแล้ว”
ฉินอวี้โม่อดขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ ก่อนที่พวกนางจะเดินทางออกไปตามหาสมุนไพรทั้งสองชนิด ในเมืองราชวงศ์ก็ไม่เคยมีแรงกดดันที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ไม่คาดคิดเลยว่าหลุมดำมิติจะขยายใหญ่ขึ้นจนทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้
ภายในเมืองราชวงศ์ สีหน้าของฟู่ชางและคนอื่น ๆ ดูตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ร่วมมือกันและเสริมความแข็งแกร่งให้กับม่านป้องกันรอบหลุมดำมิติแล้ว ทว่ามันกลับไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ
ในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาก็จับตาดูหลุมดำมิติอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดบุกรุกเข้าไปได้และทำลายผนึกรอบ ๆ มันอีก
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่สามารถต้านทานหรือระงับการขยายวงกว้างของหลุมดำมิติได้เลย
ความเร็วของการที่หลุมดำมิติดูดกลืนสภาวะพลังของสภาพแวดล้อมโดยรอบนั้นรวดเร็วจนเกินไป ส่งผลให้สภาวะพลังของดินแดนมหาเทพสูญหายไปอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถขัดขวางมันได้อีกต่อไป
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ กลับมา ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของฟู่ชาง
“เป็นอย่างไรบ้าง ?”
หลงอวี้เทียนเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเมืองราวกับตกอยู่ภายใต้เมฆทึบที่คลุมเครือและสถานการณ์ของบรรดาศิษย์เริ่มไม่สู้ดีนัก การที่สภาวะพลังรอบเมืองถูกดูดกลืนไปส่งผลกระทบต่อการฝึกยุทธ์ของพวกเขาและนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง
หากหลุมดำมิติขยายใหญ่ขึ้นหรือแผ่พลังรุนแรงออกมามากขึ้น เกรงว่าพวกเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอพยพสมาชิกทั้งหมดออกจากเมืองเป็นการชั่วคราวเพื่อให้มั่นใจว่าคนเหล่านั้นจะปลอดภัย
“โชคดีที่ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มซึ่งทำให้ฟู่ชาง หลงอวี้เทียนและคนอื่น ๆ คลายกังวลไปได้มาก
“พี่ใหญ่กำลังหลอมโอสถกร่อนวิญญาณอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเจ้าค่ะ จากที่คำนวณเวลาไว้ ข้าคิดว่ากระบวนการใกล้ที่จะเสร็จสมบูรณ์เต็มที”
แม้ว่าในคฤหาสน์เฟิงหัวจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากนัก ฉินอวี้โม่ก็รับรู้ได้ว่าห้องที่ฉินอี้เฟยอาศัยอยู่มีพลังมายาไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง เพราะเหตุนั้น นางจึงเชื่อว่าฉินอี้เฟยจะหลอมโอสถได้สำเร็จและออกมาจากห้องนั้นในไม่ช้า
แน่นอนว่าทุกคนไม่นึกสงสัยหรือกังขาในความสามารถในการหลอมโอสถของฉินอี้เฟย
ฟู่ชางถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวขึ้น “พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ หลังจากเดินทางไกลและทำภารกิจอย่างยาวนาน พวกเจ้าคงจะเหนื่อยล้ากันมาก ในระหว่างที่อี้เฟยยังไม่ออกมา คงจะไม่เกิดเรื่องใดขึ้นหรอก”
แม้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะดูสบายดีและไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บ ฟู่ชางก็ทราบดีว่าการครอบครองสมุนไพรในตำนานเช่นหล่อฮั้งก้วยและหญ้าเทียนหมามิใช่ภารกิจที่ง่ายดาย
“ท่านลุงฟู่ ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ พวกเรายังสบายดีและสถานการณ์ที่พวกเราเผชิญไม่ได้อันตรายอย่างที่ท่านคิด”
ฉินอวี้โม่โบกมือพร้อมรอยยิ้ม ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้พวกนางก็ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างสงบจิตสงบใจ
“ไปดูหลุมดำมิติกันก่อนเถอะ”
ทุกคนเข้าใจตรงกันและมุ่งหน้าไปยังจุดที่หลุมดำมิติถูกปิดผนึกไว้
เวลานี้ หลุมดำมิติขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับห้องหนึ่งห้องแล้ว สภาวะพลังโดยรอบก็ถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างต่อเนื่องในขณะที่รอยแยกขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“เอาล่ะ ถือว่ายังไม่สายเกินไป”
ทันใดนั้น เสียงของฉินอี้เฟยก็ดังขึ้นในโสตประสาทของทุกคน และอึดใจต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับโอสถสีฟ้าสามเม็ดในมือ