เมื่อหลอมโอสถกร่อนวิญญาณได้สำเร็จ ขั้นตอนต่อจากนั้นก็ง่ายดายขึ้นมาก
ฉินอี้เฟยไม่ลังเลและโยนโอสถกร่อนวิญญาณสองเม็ดลงในหลุมดำมิติทันทีในขณะที่ทุกคนถอยหลังออกไป
“ท่านลุงหลง ให้สมาชิกในเมืองอพยพออกไปก่อนจะดีกว่าเจ้าค่ะ และให้พวกเขากลับมาก็ต่อเมื่อวิกฤตของที่นี่ได้รับการคลี่คลายอย่างสมบูรณ์แล้ว”
ฉินอวี้โม่กล่าวเสนอออกไป
แม้ว่าโอสถกร่อนวิญญาณจะทำลายหลุมดำมิติได้จริง นางก็มิอาจคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดผลกระทบขึ้นมาอย่างไรบ้าง
ถึงแม้สมาชิกทุกคนในเมืองนี้จะเป็นจอมยุทธ์ที่มากฝีมือ ทว่าพวกเขาก็คงจะต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากหลุมดำมิติไม่ได้ การอพยพพวกเขาออกจากที่นี่เป็นการชั่วคราวและรอให้หลุมดำมิติหายไปอย่างสิ้นเชิงก่อนกลับมาที่นี่อีกครั้งก็ยังไม่สายจนเกินไป
“ข้าก็วางแผนไว้เช่นนั้น อย่างไรก็ตาม หากทำลายหลุมดำมิติได้สำเร็จ บางทีอาณาเขตของเมืองนี้ก็อาจหายไปบางส่วนเช่นกัน เพราะเหตุนั้น ข้าจึงวางแผนที่จะให้บุตรสาวของข้านำสมาชิกของเมืองนี้ออกไปก่อน หากที่นี่ได้รับความเสียหายจริง อย่างน้อยทุกคนก็จะยังมีที่ประจำการใหม่ในอนาคต”
หลงอวี้เทียนพยักศีรษะ เขาเองก็วางแผนเช่นนี้ไว้ในใจแล้ว
ในดินแดนมหาเทพ เขาเป็นบุคคลที่ทราบเกี่ยวกับพลังทำลายล้างของหลุมดำมิติมากที่สุด ต่อให้ใช้โอสถกร่อนวิญญาณทำลายหลุมดำมิติได้สำเร็จ เขาก็ทราบดีว่าอาณาเขตของเมืองราชวงศ์อาจจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
ต่อให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ สภาวะพลังของที่นี่ก็คงจะสูญหายไปมากและคงอยู่ไม่มากเช่นเดิมอีกต่อไป
การอพยพสมาชิกส่วนใหญ่ในเมืองราชวงศ์ออกไปก่อนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
หลงเพ่ยเอ๋อร์และหลงซินเอ๋อร์ได้รับมอบหมายหน้าที่ในการจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ ในขณะที่หลงอวี้เทียนจะเฝ้าสังเกตการณ์อยู่กับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เพื่อคอยดูการเปลี่ยนแปลงของหลุมดำมิติอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากโยนโอสถกร่อนวิญญาณลงไปในรอยแยก มันก็ยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้
ฤทธิ์ทางยาของโอสถกร่อนวิญญาณจะไม่ปรากฏออกมารวดเร็วนัก มันจะแทรกซึมเข้าไปในจุดศูนย์กลางของหลุมดำมิติและค่อย ๆ ดูดกลืนมันอย่างช้า ๆ จนกระทั่งหลุมดำมิติสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับการอพยพภายใต้ความดูแลของเจ้าหญิงทั้งสองแห่งเมืองราชวงศ์ สมาชิกในเมืองราชวงศ์ก็ทยอยเดินทางกันออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงสามวัน เมืองทั้งเมืองก็แทบจะกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว
สมบัติและสิ่งของสำคัญบางส่วนถูกขนย้ายออกไปชั่วคราวและสมาชิกส่วนใหญ่ก็แยกย้ายกันไปยังขุมกำลังต่าง ๆ ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อพักอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นการชั่วคราว
ส่วนบรรดาบุคคลสำคัญของดินแดน พวกเขาล้วนเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวด้วยกันกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ พวกเขาต้องการที่จะเห็นหลุมดำมิติหายไปด้วยตาตนเองและอีกจุดประสงค์หนึ่งก็คือการอยู่ช่วยแก้ไขปัญหาหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นมา
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ทุกคนรวมตัวกันและมองดูการเปลี่ยนแปลงของหลุมดำมิติอย่างเงียบ ๆ
โอสถกร่อนวิญญาณถูกโยนลงไปแล้วทว่ารอยแยกดังกล่าวยังไม่เกิดการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากนัก มันยังคงดูดกลืนสภาวะพลังโดยรอบอย่างต่อเนื่องและขยายใหญ่ขึ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่ร้อนใจและทราบดีว่าระยะเวลาออกฤทธิ์ของโอสถกร่อนวิญญาณอยู่ในช่วงสิบถึงสิบห้าวัน เมื่อถึงตอนนั้น หลุมดำมิติจะเริ่มสิ้นสลายจากข้างในจนกระทั่งหายไปโดยสมบูรณ์
เป็นจริงดังที่คิดไว้ หลังจากเวลาผ่านไปสิบวัน จู่ ๆ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับหลุมดำมิติ
จู่ ๆ สภาวะพลังปริมาณมหาศาลที่รอยแยกประหลาดเคยดูดกลืนเข้าไปก็เริ่มรั่วไหลออกมา แม้เป็นความเร็วที่ไม่มากนัก แต่ทุกคนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน
สภาวะพลังรอบบริเวณที่หายไปก่อนหน้านี้ค่อย ๆ หนาแน่นขึ้นมาอีกครั้ง ตราบใดที่มีเวลามากพอ คาดว่าสภาวะพลังทั่วเมืองราชวงศ์จะฟื้นฟูกลับสู่ระดับเดิมอย่างแน่นอน
“ดูเหมือนว่าโอสถกร่อนวิญญาณจะแสดงบทบาทของมันแล้ว”
ภายในคฤหาสน์ล่องหน ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่โอสถกร่อนวิญญาณเป็นประโยชน์และมีฤทธิ์ดังที่คาดไว้ วิกฤตของดินแดนมหาเทพก็จะได้รับการคลี่คลายไปโดยปริยายและจะไม่เผชิญภยันตรายของการสูญสลายอีกต่อไป
“รอดูต่อไปเถอะ อยากรู้นักว่าเมื่อวิกฤตในดินแดนมหาเทพได้รับการคลี่คลายไป คนของดินแดนแห่งนั้นจะเคลื่อนไหวหรือไม่…”
ฟู่ชางไตร่ตรองครู่หนึ่งและตระหนักว่ายังนิ่งนอนใจไม่ได้ แม้วิกฤตตรงหน้าจะคลี่คลายแล้ว มันก็อาจมีภัยร้ายที่ซ่อนเร้นและยังไม่แสดงออกมา
ผู้ที่ต้องการทำลายผนึกรอบรอยแยกคราก่อนยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมา หากขุมกำลังสังกัดของเขาทราบว่าฉินอวี้โม่และทุกคนมีทางแก้เกี่ยวกับหลุมดำมิติแล้ว ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าคนเหล่านั้นจะลงมือทำสิ่งใดอีกหรือไม่…
เมื่อเวลาผ่านไป หลุมดำมิติก็ค่อย ๆ หดเล็กลงและยุบตัวลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อมีขนาดเท่ากับกำปั้น ความเร็วในการยุบตัวของมันจึงเริ่มช้าลง
สภาวะพลังของดินแดนมหาเทพก็เริ่มฟื้นฟูกลับคืนมาและเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จอมยุทธ์ทุกคนในดินแดนสัมผัสได้อย่างชัดเจน
*ฮึมมม..*
ในเวลานี้ ทุกคนในคฤหาสน์เฟิงหัวล้วนได้ยินเสียงประหลาดที่ดังขึ้นในส่วนลึกของจิตวิญญาณและทำให้พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่าง
ทันใดนั้น หลุมดำมิติขนาดเท่ากำปั้นก็อันตรธานหายไปต่อหน้าราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ในที่สุดมันก็หายไปเสียที !”
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนก้าวออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวตาม ๆ กัน
บนพื้นใต้ดินของเมืองราชวงศ์ เวลานี้ไม่มีร่องรอยของหลุมดำมิติหลงเหลืออีกแม้แต่น้อย หากมิใช่เพราะเผชิญกับมันด้วยตัวเองก่อนหน้านี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่ารอยแยกนั้นปรากฏขึ้นที่นี่จริงหรือไม่
สภาวะพลังโดยรอบหนาแน่นกว่าก่อนมาก เห็นได้ชัดว่าหลังจากหลุมดำมิติหายไป พลังทั้งหมดที่มันดูดกลืนเข้าไปก่อนหน้านี้ก็ถูกปล่อยกลับออกมาซึ่งส่งผลดีต่อทุกคนในดินแดน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันดังกล่าวทำให้หลายคนที่ติดอยู่ในสภาวะคอขวดมานานพบโอกาสในการทะลวงพลังใหม่ พวกเขาจึงไม่รอช้าและรีบเก็บตัวเพื่อบ่มเพาะพลังกันทันที
แม้แต่ฟู่ชางและยอดฝีมือคนอื่น ๆ ของดินแดนมหาเทพก็รู้สึกว่าจุดติดขัดของพวกเขาคลายตัวออกมากขึ้น และส่งผลให้พลังของพวกเขาพัฒนาขึ้นเล็กน้อย
“ตอนนี้ข้ารู้สึกผ่อนคลายจริง ๆ ราวกับยกภูเขาออกจากบ่า”
หลงอวี้เทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลุมดำมิติเป็นภยันตรายที่ทำให้เขากังวลจนอยู่ไม่ติดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ในเมื่อภัยดังกล่าวถูกกำจัดไปแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจยิ่งนัก
ในอนาคตข้างหน้า พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าดินแดนของพวกเขาจะถูกกลืนกินโดยหลุมดำที่น่าสะพรึงกลัวและดินแดนมหาเทพก็จะดำรงอยู่ต่อไปท่ามกลางจักรวาลที่กว้างใหญ่แห่งนี้
“พวกเราก็รู้สึกเช่นเดียวกัน”
ทุกคนกล่าวตาม ๆ กันและล้วนรู้สึกว่าแรงกดดันที่กดทับอยู่บนร่างตลอดเวลาที่ผ่านมาได้สูญสลายไปแล้ว
ฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟยมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้ม ในเมื่อวิกฤตที่นี่คลี่คลายแล้ว พวกนางก็มีความคิดอื่นอยู่ในใจ
วิกฤตของดินแดนมหาเทพได้รับการสะสางแล้วและนั่นหมายความว่าพวกนางสามารถเดินทางไปที่ดินแดนระดับสูงเพื่อตามหาเสี่ยวอ้ายฉือ เสี่ยวอ้ายโม่และบิดาของพวกตนได้
หลังจากได้พบกับบุตรน้อยทั้งสอง ฉินอวี้โม่วางแผนที่จะเก็บตัวฝึกวิชาสักระยะเพื่อพัฒนาพลังของตน เมื่อแกร่งกล้ามากพอ นางก็จะไปที่โลกปีศาจเพื่อช่วยหานโม่ฉืออีกแรง
วันที่ครอบครัวของนางจะได้รวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาคงจะมาถึงในอีกไม่นาน…
หลังจากรอเวลาหนึ่งวันและเห็นว่าหลุมดำมิติไม่มีทีท่าว่าจะปรากฏขึ้นมาอีก ทุกคนก็มั่นใจได้ว่าวิกฤตของดินแดนได้รับการคลี่คลายแล้วและถอนหายใจด้วยความโล่งอกอีกครั้ง
“ท่านลุงหลง ท่านสามารถเรียกให้ประชากรของเมืองที่อพยพออกไปก่อนหน้านี้กลับมาที่นี่ได้เลยเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับหลงอวี้เทียนซึ่งเป็นคนจัดการเรื่องนี้พร้อมรอยยิ้ม สมาชิกของเมืองราชวงศ์ไม่จำเป็นต้องแยกย้ายไปในขุมกำลังต่าง ๆ และสามารถกลับมาที่บ้านเมืองของตนได้ตามเดิม
โชคดีที่โอสถกร่อนวิญญาณสามารถทำลายหลุมดำมิติได้อย่างราบรื่นและไม่เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันใด ๆ อีกทั้งคนจากโลกแห่งเทพก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีก มิเช่นนั้น สถานการณ์อาจจะไม่ไหลลื่นเช่นนี้
“ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะส่งคนไปเรียกให้สมาชิกทั้งหมดของเมืองกลับมาที่นี่ ในเมื่อหลุมดำมิติถูกทำลายแล้ว พวกเราก็ควรจะเฉลิมฉลองกันสักหน่อย ข้าตั้งใจที่จะเชิญคนของขุมกำลังใหญ่ ๆ มาที่นี่เพื่อพบปะสังสรรค์กัน…”
หลงอวี้เทียนพยักศีรษะและกล่าวความตั้งใจของตน
แน่นอนว่าทุกคนไม่คัดค้านแต่อย่างใด เวลานี้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ กระตือรือร้นที่จะเดินทางไปที่ดินแดนระดับสูงและพร้อมจะไปจากที่นี่โดยเร็ว เพราะเหตุนั้น พวกนางจึงวางแผนที่จะออกเดินทางหลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองครานี้