ทันทีที่จดหมายเชิญถูกส่งออกไป หลายขุมกำลังในดินแดนมหาเทพก็รีบเดินทางมายังเมืองราชวงศ์ของมณฑลกลาง และภายในเวลาหนึ่งเดือน ทุกคนก็ได้มารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองให้กับการที่วิกฤตของดินแดนได้รับการคลี่คลาย
ตลอดช่วงหนึ่งเดือนนี้ ฉินอวี้โม่เก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวและพัฒนาพลังของตนต่อไป เพราะเหตุนั้น พลังของนางจึงพัฒนาขึ้นอีกครั้ง
พลังของฉินอวี้โม่ในปัจจุบันบรรลุขอบเขตเทพสวรรค์ขั้นสูงสุดแล้วและเหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะพัฒนาไปสู่ขอบเขตต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม การทะลวงพลังจากขอบเขตเทพสวรรค์ไปสู่ขอบเขตเทพเซียนมิใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในช่วงสั้น ๆ หากแต่จะต้องสั่งสมพลังเป็นปริมาณมากและต้องไขว่คว้าหาโอกาสในการทะลวงพลังเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าฉินอวี้โม่ไม่มีทางที่จะทะลวงพลังได้สำเร็จในดินแดนมหาเทพแห่งนี้
ทว่าหลังจากเดินทางไปยังโลกแห่งเทพ นางวางแผนที่จะเก็บตัวเป็นระยะเวลาหนึ่งและคาดว่าจะทะลวงพลังได้สำเร็จตามที่หมายมั่น
เวลานี้ ทุกคนในเมืองราชวงศ์ทราบแล้วว่าฉินอวี้โม่ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังโลกแห่งเทพในเวลาอีกไม่นาน
“อวี้โม่ แม้พลังของเจ้าในตอนนี้จะถือว่าไร้เทียมทานในดินแดนมหาเทพ แต่เมื่อไปถึงที่โลกแห่งเทพ เจ้าก็ต้องระวังตัวให้มาก พลังของจอมยุทธ์ที่นั่นลึกล้ำเกินหยั่งถึงและขุมกำลังของพวกเขาก็มีศิษย์อัจฉริยะอยู่มากมายนับไม่ถ้วน แม้พลังของเจ้าจะอยู่ในขอบเขตเทพสวรรค์แล้ว หลังจากไปถึงที่นั่น ข้าขอแนะนำให้เจ้าหาทางทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเทพเซียนโดยเร็วที่สุดเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับตนเองได้”
แม้ทราบว่าฉินอวี้โม่มิใช่คนที่จะตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น แต่ฟู่ชางก็อดกล่าวกำชับไม่ได้
เขาไม่เคยเดินทางไปที่โลกแห่งเทพมาก่อน ทว่าเคยอ่านจากบันทึกของบรรพบุรุษและทราบข้อมูลเกี่ยวกับที่นั่นพอสมควร
โลกแห่งเทพเป็นดินแดนที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง…
กล่าวได้ว่าที่นั่นเต็มไปด้วยจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าและมากฝีมือ แม้ผู้ที่กล่าวได้ว่าเป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจของดินแดนมหาเทพเช่นพวกเขา หากไปถึงที่โลกแห่งเทพ เกรงว่าคงมิอาจเป็นจอมยุทธ์ระดับสามของดินแดนได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการที่จะคิดไปต่อกรกับยอดฝีมือของที่นั่น
พรสวรรค์ของฉินอวี้โม่เหนือชั้นกว่าพวกเขามากนัก ทว่านางก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือการหลบซ่อนตัวในคฤหาสน์เฟิงหัวและพัฒนาพลังความแข็งแกร่งไปสู่ขอบเขตเทพเซียนให้สำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้น นางก็จะมีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเองในโลกแห่งเทพได้
“ท่านลุงฟู่ ข้าทราบดีเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะพร้อมรอยยิ้ม อันที่จริงสิ่งที่เขากล่าวมาก็เป็นสิ่งที่นางวางแผนไว้เช่นกัน
“อวี้โม่ บิดาของเจ้าพาเสี่ยวอ้ายโม่ไปตามหาเสี่ยวอ้ายฉือที่โลกแห่งเทพ ข้าเชื่อว่าตอนนี้ทั้งสองคงจะได้พบกับเขาแล้ว ไม่ว่าเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่จะได้เผชิญกับสิ่งใด มันก็ถือเป็นโชคชะตาของพวกเขา ข้าแนะนำว่าเจ้าควรเริ่มจากการหาขุมกำลังสักแห่งเพื่อเข้าร่วมและพัฒนาพลังของตนก่อน หรือเจ้าอาจจะไต่ระดับเป็นสมาชิกระดับสูงของขุมกำลังนั้นก็ย่อมได้ หากทำเช่นนั้น เจ้าจะมีพลังอำนาจมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่จับตัวมารดาของเจ้าไป”
เหลยเจี้ยนเชิงกล่าวเสนอแนะขึ้นมาเช่นกัน
“ท่านลุงเหลยไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ข้าจะลองคิดดู หลังจากได้พบกับท่านพ่อ ข้าจะรีบหาทางส่งข่าวกลับมา หรือว่าทุกคนจะตามไปสมทบกับพวกเราที่โลกแห่งเทพก็ย่อมได้”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและเป็นวาจาที่ทำให้ทุกคนพยักศีรษะเบา ๆ
หลังจากการพบปะผู้คน ฉินอวี้โม่ก็เตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางไปยังโลกแห่งเทพ ในอาณาเขตของสำนักเมฆาครามมีทางเข้าไปสู่โลกแห่งเทพอยู่และนางสามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของที่นั่นเพื่อข้ามไปสู่โลกแห่งเทพได้โดยตรง
อย่างไรก็ตาม ในรอยต่อระหว่างมิติก็มีกระแสพลังงานที่ปั่นป่วนอยู่เช่นกัน หากพลัดตกเข้าไปในกระแสพลังงานที่ปั่นป่วนเหล่านั้น มันก็อาจนำไปสู่ภยันตรายที่คาดไม่ถึงได้ เพราะเหตุนั้น การเดินทางไปยังโลกแห่งเทพจึงมิใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียว
ฟู่อวิ๋นซิว หลงเพ่ยเอ๋อร์และอีกหลายคนหารือกันก่อนตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่โลกแห่งเทพกับฉินอวี้โม่
แน่นอนว่าอวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวก็ไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ไป
ฉินอี้เฟยและเสี่ยวโร่วเองก็วางแผนจะเดินทางไปยังดินแดนแห่งนั้นเพื่อเดินหน้าฝึกฝนต่อไปเช่นกัน
ในอีกฝั่งหนึ่ง โอวหยางชิงเฟิงและคนอื่น ๆ ก็เลือกที่จะอยู่ในดินแดนมหาเทพต่อไปก่อน ทว่าเมื่อพลังของพวกเขาบรรลุถึงขอบเขตเทพสวรรค์ พวกเขาก็จะเดินทางไปที่โลกแห่งเทพเพื่อตามหาฉินอวี้โม่และทุกคน
เดิมทีฉินอวี้โม่ก็วางแผนที่จะพาทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวและเดินทางไปที่โลกแห่งเทพด้วยกัน ทว่าความคิดนั้นถูกอวิ๋นซื่อเทียนและทุกคนคัดค้านไว้ก่อน
“อวี้โม่ เราไม่อยากอยู่ใต้ร่มเงาของเจ้าไปตลอดหรอก เราเองก็อยากพัฒนาพลังโดยเร็วที่สุดเช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราจะได้ช่วยเจ้าฝ่าฟันวิกฤตที่จะต้องเผชิญในอนาคต”
ฉินอี้เฟยมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเอ็นดูและเปิดเผยความในใจอย่างตรงไปตรงมา
“ถูกต้อง คุณหนูไม่ต้องห่วงเลยเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะรีบไล่ตามท่านให้ทัน เมื่อถึงเวลาที่ต้องช่วยฮูหยิน ข้าจะต้องมีส่วนช่วยได้มากอย่างแน่นอน”
เสี่ยวโร่วจับมือฉินอวี้โม่และเอ่ยเรียกด้วยสรรพนามที่ไม่ได้ใช้มานาน
แม้นางและฉินอี้เฟยจะตกลงปลงใจกันแล้วและมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของฉินอวี้โม่ ทว่าในหัวใจของเสี่ยวโร่ว ฉินอวี้โม่ก็ยังคงเป็นคุณหนูที่นางรักและต้องการปรนนิบัติปกป้องอยู่เสมอ ไม่ว่าอย่างไร นางจะไม่ยอมให้ฉินอวี้โม่ทิ้งห่างไปอย่างแน่นอน เพราะหากเป็นเช่นนั้น นางจะไม่มีโอกาสช่วยฉินอวี้โม่เมื่อถึงคราวจำเป็น…
หลงเพ่ยเอ๋อร์ ฟู่อวิ๋นซิวและคนอื่น ๆ ก็คิดเช่นเดียวกันและกล่าวยืนยันด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“รอดูเถอะ อีกไม่นานข้าจะต้องเหนือกว่าเจ้าได้แน่ ๆ”
อวิ๋นซื่อเทียนสวมกอดฉินอวี้โม่และกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“เข้าใจแล้ว ข้าจะรอ”
ฉินอวี้โม่ก็กอดตอบและเอ่ยเพียงสั้น ๆ เพราะถึงอย่างไรทั้งสองก็มีความเข้าใจตรงกันโดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดมากมาย
หลังจากบอกลาทุกคน ฉินอวี้โม่และคณะก็ก้าวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายซึ่งนำไปสู่โลกแห่งเทพ
“เสี่ยวโร่ว จับมือข้าไว้แน่น ๆ และอย่าได้ปล่อยเชียวล่ะ”
ฉินอี้เฟยจับมือเสี่ยวโร่วไว้แน่นและกล่าวกำชับ
“พี่อี้เฟย ไม่จำเป็นหรอก ข้าเองก็อยากฝึกฝนด้วยตัวเองสักระยะ ต่อให้ต้องแยกจากกัน เราก็จะได้พบกันอีกครั้งภายในเวลาเพียงไม่นาน”
เสี่ยวโร่วบอกปัดและปฏิเสธโดยตรง นางไม่ต้องการเป็นภาระหรือตัวถ่วงของฉินอี้เฟยและฉินอวี้โม่ไปตลอด นางตระหนักดีว่าหากต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด นางจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามทุกอย่างด้วยตนเองเพื่อกระตุ้นศักยภาพในการพัฒนาของนางให้มากที่สุด
“ตกลง…”
แม้ฉินอี้เฟยจะพูดไม่ออกเล็กน้อย เขาก็เข้าใจความคิดของเสี่ยวโร่วและไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก
“หลังจากที่ไปถึงโลกแห่งเทพ ทุกคนระวังตัวกันด้วยล่ะ หากเผชิญกับปัญหาใด จงจำไว้ว่าชีวิตของตนเองคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีสิ่งใดที่จะสำคัญไปกว่าการเอาชีวิตให้รอดอีกแล้ว ข้าเชื่อว่าเราทุกคนจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าในไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้น ทุกคนจะต้องกลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกแห่งเทพอย่างแน่นอน !”
ฉินอวี้โม่เดินนำหน้าสุดและหันกลับมากล่าวกับทุกคน
ผู้ที่เดินทางไปที่โลกแห่งเทพในครานี้ล้วนเป็นยอดฝีมือของดินแดนมหาเทพ ด้วยพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาดของคนเหล่านี้ ต่อให้ไปถึงที่โลกแห่งเทพซึ่งเต็มไปด้วยจอมยุทธ์ฝีมือดี พวกเขาก็จะพัฒนาตนเองและไต่เต้าจนกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงได้ไม่ยาก สิ่งเดียวที่นางกังวลคือบางคนอาจจะโดดเด่นสะดุดตาจนเกินไปซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นริษยาและนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้าย
“อวี้โม่ ไม่ต้องกังวล พวกเราหาใช่คนเขลา เมื่อเราพบกันอีกครั้ง..อย่าแพ้ข้าก็พอ ฮ่า ๆ ๆ”
หลงเพ่ยเอ๋อร์กล่าวติดตลกและหัวเราะออกมาเนื่องจากทราบว่าตนไม่มีทางไล่ตามฉินอวี้โม่ได้ทัน อย่างไรก็ตาม นางไม่มีทางยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรือล้มเลิกความพยายาม
“เข้าใจแล้ว !”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและกล่าวเพียงสั้น ๆ
ในเวลานี้ ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นำไปสู่โลกแห่งเทพตรงหน้าดูเหมือนกับเป็นลำแสงเส้นหนา เมื่อทุกคนก้าวเข้าไปข้างใน สภาพแวดล้อมทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
กระแสพลังงานที่ปั่นป่วนพัดผ่านเข้ามาและแยกทุกคนออกจากกัน จากนั้นลำแสงจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นในจุดต่าง ๆ ของโลกแห่งเทพ…