‘นิกายหมื่นกระบี่’ คือหนึ่งในขุมกำลังระดับสองของโลกแห่งเทพที่ตั้งอยู่บนยอดของแนวเทือกเขาเมฆาซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนและเป็นขุมกำลังที่มีขนาดใหญ่พอสมควร
จ้าวนิกายหมื่นกระบี่—ว่านอู๋เริ่นเป็นจอมยุทธ์ที่บรรลุถึงขอบเขตเทวราชแล้วและจัดเป็นผู้แกร่งกล้าในหนึ่งร้อยอันดับแรกของโลกแห่งเทพ วิชากระบี่มือเดียวของเขายอดเยี่ยมหาใดเปรียบและหมื่นกระบี่หวนคืนเป็นเพลงกระบี่ที่โด่งดังที่สุดของเขา แม้ต้องประจันหน้ากับยอดฝีมือจากขุมกำลังระดับหนึ่ง เขาก็มีพลังที่จะต่อกรได้
ภายในนิกายหมื่นกระบี่มีศิษย์ถึงหลายหมื่นคน และในบรรดาศิษย์เหล่านั้น ผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นล้วนเป็นบุรุษ แม้มีศิษย์ที่เป็นสตรีอยู่จำนวนหนึ่ง ทว่าพลังของพวกนางก็อยู่ในอันดับรั้งท้ายและไม่แกร่งกล้าเท่าใดนัก
ในวันนี้ ภายในลานจัตุรัสของนิกายหมื่นกระบี่ ในขณะที่สมาชิกในนิกายกำลังเข้าร่วมการประชุมตามปกติ ทว่าจู่ ๆ ก็มีวังวนแสงบางอย่างปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า
“ผู้ใดกัน ?!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของนิกายหมื่นกระบี่สังเกตเห็นวังวนนั้นก่อนและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาแผดเสียงออกไปเพียงสั้น ๆ และปล่อยฝ่ามือวายุโจมตีเข้าที่วังวนดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ววว !
เสียงฝ่ามือแหวกผ่านอากาศดังขึ้นทว่าฝ่ามือของผู้อาวุโสกระทบเข้าที่วังวนโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด
วังวนแสงที่ก่อตัวจากค่ายกลเคลื่อนย้ายมิใช่สิ่งที่พลังใดจะทำลายได้
“หยุดก่อน !”
ว่านหรูชู—ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายหมื่นกระบี่ตะโกนขึ้นจากแท่นยกสูงทันทีที่ที่เห็นการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสผู้นั้นและพยายามที่จะปรามเขาไว้
“พวกเจ้าออกไปกันก่อน”
เมื่อเห็นว่าวังวนกลางท้องฟ้ายังคงหมุนวนอย่างต่อเนื่องและล้อมรอบไปด้วยชั้นหมอกหนา ว่านหรูชูก็ถ่ายทอดคำสั่งให้กับศิษย์ทุกคน
แม้บรรดาศิษย์ของนิกายจะสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งผู้อาวุโสใหญ่และทยอยออกจากลานจัตุรัสอย่างรวดเร็ว
หลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ลานจัตุรัสของนิกายหมื่นกระบี่ก็เหลือเพียงผู้อาวุโสของนิกายเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ เกิดอะไรขึ้นหรือ ?”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ไม่เคยพานพบกับสถานการณ์เช่นนี้อดเอ่ยถามออกมาไม่ได้
“คงจะมีใครบางคนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อข้ามจากดินแดนระดับต่ำมายังโลกแห่งเทพของเราและปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าเหนือนิกายหมื่นกระบี่โดยบังเอิญ ไม่ต้องตื่นตระหนกไปหรอก”
ว่านหรูชูมีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องของค่ายกลเคลื่อนย้ายมากพอสมควรและคาดเดาสถานการณ์ในตอนนี้ได้ทันที อย่างไรก็ตาม เขายังคงสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับตัวตนของผู้ที่อยู่ในค่ายกลเคลื่อนย้าย มิอาจคาดเดาได้เลยว่าคนผู้นั้นจะมาจากดินแดนใด…
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ในที่สุดวังวนกลางท้องฟ้าก็สลายหายไปและร่างของฉินอวี้โม่ค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนต่อหน้าทุกคน
อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของฉินอวี้โม่ในตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ยังอยู่ในอาภรณ์ของสตรี ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกของนางก็เปลี่ยนไปบางส่วน นางยังคงงดงามเช่นเดิมเพียงแต่ดูหม่นหมองกว่าเดิมมากซึ่งทำให้ดูไม่โดดเด่นสะดุดตามากจนเกินไป
ความคิดของนางก็ถือว่าเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน เพราะถึงอย่างไรนางก็ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับโลกแห่งเทพนัก หากรูปลักษณ์ของนางงดงามโดดเด่นจนเกินไป มันก็คงมิใช่เรื่องดี
เพราะเหตุนั้น ด้วยรูปลักษณ์ของนางในตอนนี้ นางคงจะหลีกหนีปัญหาที่ไม่จำเป็นได้มากทีเดียว
เมื่อร่อนลงจากกลางอากาศ ฉินอวี้โม่ก็ได้พบกับว่านหรูชูและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่บนพื้นดิน
แม้พวกเขาจะไม่แผ่แรงกดดันใดออกมา ฉินอวี้โม่ก็ยังรู้สึกถึงความกดดันเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
เป็นจริงดังที่คิดไว้ ความแข็งแกร่งของประชากรในโลกแห่งเทพเหนือกว่าดินแดนมหาเทพมากนักและการเลือกที่จะระมัดระวังไว้ก่อนก็นับเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
“ขออภัยที่รบกวนทุกท่าน และข้าก็ขอเสียมารยาทที่ต้องเอ่ยถามบางอย่างกับพวกท่าน ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ใดหรือ ?”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ นางจึงเอ่ยถามอย่างเคารพโดยไม่แสดงความนอบน้อมหรือยโสโอหังมากจนเกินไป
“ที่นี่คือนิกายหมื่นกระบี่ ไม่ทราบว่าสหายตัวน้อยมาจากที่ใดหรือ ?”
ว่านหรูชูตอบพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรและเอ่ยถามกลับ
เขาไม่รังเกียจฉินอวี้โม่เพียงเพราะนางมาจากดินแดนที่อยู่ในระดับต่ำกว่า ถึงอย่างไรในดินแดนระดับต่ำก็มียอดอัจฉริยะอยู่มากมายเช่นกัน การที่สตรีเช่นนี้กล้าข้ามมาถึงที่โลกแห่งเทพของพวกเขา นางจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในช่วงนี้ นิกายหมื่นกระบี่ของพวกเขากำลังเปิดรับศิษย์ใหม่พอดิบพอดี หากพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมากพอ พวกเขาก็ยินดีรับศิษย์ฝีมือดีเข้าร่วมขุมกำลังโดยไม่สนใจว่าคนผู้นั้นมาจากดินแดนระดับต่ำหรือไม่
“ข้ามาจากดินแดนมหาเทพและถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งมาที่นี่โดยบังเอิญ หวังว่าทุกท่านจะให้อภัยที่ข้าเข้ามารบกวน”
ฉินอวี้โม่ไม่ปิดบังความจริงและกล่าวต่อ “ข้าน้อยมาที่โลกแห่งเทพเป็นครั้งแรกและไม่ทราบเกี่ยวกับที่นี่มากนัก ไม่ทราบว่าท่านจอมยุทธ์ทั้งหลายจะช่วยชี้ทางให้กับข้าน้อยได้หรือไม่เจ้าคะ ? และข้าจะรีบไปจากที่นี่ทันที”
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนิกายหมื่นกระบี่มาก่อน อย่างไรก็ตาม จากท่าทางของว่านหรูชูและคนอื่น ๆ ที่แสดงออกมา เชื่อว่าลักษณะนิสัยของบรรดาสมาชิกในขุมกำลังนี้คงจะไม่เลวร้ายเป็นแน่
การปรากฏตัวเช่นนี้ถือเป็นเคราะห์ร้ายของฉินอวี้โม่ไม่น้อย เดิมทีนางวางแผนที่จะก้าวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวทันทีที่มาถึง น่าเสียดายที่ในระหว่างกระบวนการข้ามผ่านห้วงมิติเข้ามาที่นี่ นางขาดการติดต่อกับคฤหาสน์เฟิงหัวเป็นการชั่วคราว
พลังของวังวนห้วงมิติน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ฉินอวี้โม่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นางก็ได้วางแผนไว้แล้ว หากต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่คิดร้าย นางก็จะต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างถึงที่สุดก่อนที่จะหลบหนีเอาตัวรอดออกไป
โชคดีที่โชคชะตาเข้าข้างนางและนางได้พบกับคนเหล่านี้ที่ดูจะมิใช่คนที่เลวร้าย
“ดินแดนมหาเทพงั้นหรือ ? ข้าก็เคยผ่านไปที่นั่นครั้งหนึ่ง”
เมื่อว่านหรูชูได้ยินชื่อของดินแดนมหาเทพจากปากของฉินอวี้โม่ เขาก็รู้สึกคุ้นหูเล็กน้อย หลังจากไตร่ตรองดู เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อออกไปทำภารกิจเมื่อร้อยปีก่อน เขาได้ข้ามผ่านดินแดนที่ดูเหมือนจะมีชื่อว่าดินแดนมหาเทพโดยบังเอิญ
ท่าทางที่ไม่นอบน้อมหรือเย่อหยิ่งจนเกินไปของฉินอวี้โม่ก็ทำให้ว่านหรูชูรู้สึกถูกชะตาขึ้นมา ดูเหมือนว่านางจะมีอายุไม่เกินสามสิบปีเท่านั้น ทว่ามีพลังที่บรรลุถึงขอบเขตเทพสวรรค์แล้วซึ่งถือว่าเป็นพรสวรรค์ที่อยู่ในระดับยอดเยี่ยมทีเดียว หากเป็นไปได้ เขาก็ต้องการเชิญให้นางเข้าร่วมนิกายหมื่นกระบี่ของตน
อย่างไรก็ตาม กฎในการรับศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่เข้มงวดพอสมควรและยังมีเกณฑ์การประเมินส่วนหนึ่ง แม้ว่านหรูชูจะต้องการเชิญให้ฉินอวี้โม่เข้าร่วมกับนิกายของตน เขาก็ต้องทดสอบนางเสียก่อน
“สหายน้อยเอ๋ย ในเมื่อเพิ่งมาถึงที่นี่ เจ้าก็คงจะไม่มีที่ไป เจ้าอยากจะเข้าร่วมเป็นศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่หรือไม่ ? แต่ก็แน่นอนว่าหากต้องการเช่นนั้น เจ้าจะต้องผ่านการคัดเลือกเสียก่อน ในช่วงนี้เจ้าจะพักในหอชั้นนอกได้เป็นการชั่วคราวและถือเป็นหนึ่งในศิษย์ฝึกหัดของนิกาย ส่วนเจ้าจะเข้าร่วมกับนิกายของเราอย่างเป็นทางการได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของเจ้าเอง”
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเชิญชวนออกไปก่อนกล่าวต่อ “แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะให้ศิษย์พาเจ้าลงจากเทือกเขาแห่งนี้”
ว่านหรูชูเพียงรู้สึกว่าพรสวรรค์และท่าทางอิริยาบถของสตรีตรงหน้าดูน่าสนใจไม่น้อยจึงต้องการเชิญชวนให้มาเป็นศิษย์ของนิกาย ทว่าหากอีกฝ่ายไม่ต้องการ เขาก็ไม่คิดบังคับหรือฝืนใจ
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านหรูชูที่แสดงท่าทีสนอกสนใจในสตรีผู้นี้อย่างออกนอกหน้า อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่คัดค้านและเพียงมองฉินอวี้โม่อย่างสงสัยใคร่รู้เพื่อรอดูว่านางจะตัดสินใจอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น ความคิดของผู้อาวุโสเหล่านี้ก็เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเช่นกัน นิกายหมื่นกระบี่ของพวกเขาเต็มไปด้วยบุรุษผู้แกร่งกล้าและจำนวนศิษย์ที่เป็นสตรีก็มีเพียงน้อยนิด หากรับศิษย์สตรีที่มากฝีมือและมากพรสวรรค์เข้ามา มันก็สามารถช่วยสร้างกำลังใจให้กับศิษย์บุรุษของนิกายได้ไม่น้อย เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะมีกำลังใจในการฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งมากยิ่งขึ้น
“ข้าขอกล่าวตามตรงเจ้าค่ะ ข้ามาที่โลกแห่งเทพเพื่อตามหาใครบางคน ต่อให้เข้าร่วมกับนิกายหมื่นกระบี่ ข้าก็อาจจะอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่นาน”
ฉินอวี้โม่ลังเลเล็กน้อยและไม่คิดที่จะตกปากรับคำก่อน แม้คนเหล่านี้จะดูเป็นมิตรและไม่มีเจตนาที่ชั่วร้ายแอบแฝงอยู่ นางก็ไม่ต้องการให้พวกเขาตั้งความหวังกับนางและต้องการเปิดเผยจุดประสงค์ให้ชัดเจนออกไปตั้งแต่ต้น
“ฮ่า ๆ ๆ เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก หากได้พบคนที่เจ้าตามหาก็เชิญไปได้เลย เราจะไม่มีทางเข้าไปขัดขวาง”
ความตรงไปตรงมาของฉินอวี้โม่ทำให้ว่านหรูชูรู้สึกถูกชะตากับนางยิ่งกว่าเดิมและรู้สึกว่าตนตัดสินใจถูกต้องแล้ว