ตอนที่ 1232: การเคลื่อนพล
เจี้ยนเฉินเพิกเฉยต่อทูต เขามองไปที่ไทโตวและพูดว่า ” เอาหัวมันมาให้ข้า”
ไทโตวตะลึงกับคำสั่ง ราวกับว่าเขาไม่เคยคิดว่าเจี้ยนเฉินจะต้องการฆ่าทูตตรงนี้เลย อย่างไรก็ตามเขาก็ได้สติและรีบวิ่งไปที่ทูตโดนไม่พูดพร่ำทำเพลง
“เจ้ากล้าดียังไง ! เจ้าพยายามสร้างปัญหางั้นเหรอ ! ? ข้าเป็นตัวแทนของตระกูลเต๋านะ.. ” ท่าทางของทูตเปลี่ยนไปจริง ๆ ขณะที่เขาส่งเสียงออกมา เขาไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะต้องการฆ่าเขาจริง ๆ เนื่องจากเขามาที่นี่ในนามตัวแทนของตระกูลเต๋า ถ้าเผ่าเต่าฆ่าเขาขึ้นมาจริง ๆ ไฟแห่งความโกรธก็จะเผาไหม้พวกเขากลายเป็นเถ้าถ่าน เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเผ่าเต่าอยากจะเป็นศัตรูของตระกูลเต๋าถึงแม้ว่าผู้คุมกฎจะกลับมาก็ตาม
จนถึงตอนนี้ เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเผ่าเต่ากล้าพอที่จะปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้น ซึ่งเขาไม่กลัวตระกูลเต๋าที่อยู่เบื้องหลังเขาเลย
เจี้ยนเฉินยกนิ้วจากบัลลังก์และปราณกระบี่ที่แหลมคมก็ยิงออกจากปลายนิ้วของเขา มันหายไปตรงระหว่างคิ้วของทูต
ดวงตาของทูตสูญเสียความสว่างไปอย่างรวดเร็วและนิ่งทื่อ ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินได้ปลิดวิญญาณของเขา
เจี้ยนเฉินโบกมือและมีลมพัดแรงมากระทบเข้ากับหัวของทูต ทำให้หัวของเขาบินตกไปที่มือของสหายเขาที่ตามมา เจี้ยนเฉินพูดอย่างเยือกเย็น “ไปบอกเต๋าเจิ้งเทียนว่าข้าต้องการเหมืองที่เป็นของเผ่าเต่าทั้งหมดภายใน 1 วันและเขาต้องจ่ายเหรียญผลึก 10,000 ล้านเหรียญเป็นค่าชดใช้สำหรับผู้ประสบภัยของเผ่าเต่าที่ทนทุกข์กับการต่อสู้เมื่อหลายวันก่อน ถ้าเขาล้มเหลวที่จะทำ 2 อย่างนี้ให้ทันเวลา เผ่าเต่าของข้าจะเริ่มการโจมตีทำลายล้างกับตระกูลเต๋าและเหล่าพันธมิตรทั้งหมด เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ลอยนวลไปได้จนกว่าเราจะตาย”
ผู้ติดตามทั้งสองหน้าซีดเหมือนกับกระดาษเช่นเดียวกับความกลัวที่พุ่งสูงสุดขีดในวิญญาณของพวกเขา พวกเขาอดไม่ได้ที่ต้องสั่น พวกเขารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูด ก่อนที่จะวิ่งออกไปจากเผ่าเต่าอย่างรวดเร็วพร้อมกับหัวของทูต
ผู้อาวุโสทั้งหมดของเผ่าเต่าดีใจมากเมื่อพวกเขาเห็นผลลัพธ์ที่ออกมาของทูต ผู้อาวุโสบางคนก็ตื่นเต้นมากจากสิ่งที่เจี้ยนเฉินได้พูดกับผู้ติดตามทั้ง 2 คน ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เข้าใจว่าผู้คุมกฎสำคัญเพียงใดต่อเผ่าเต่า
พวกเขาทนทุกข์กับการโจมตีจากตระกูลเต๋าในตอนที่ผู้คุมกฎไม่อยู่ก่อนหน้านี้ ถ้าผู้อาวุโสประจำศาลาไม่เข้ามาแทรกแซงละก็ พวกเขาอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ก็เป็นได้ ตอนนี้ผู้คุมกฎได้กลับมาแล้ว ซึ่งทำให้เผ่าแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง พวกเขาไม่กลัวตระกูลเต๋าอีกต่อไป
“เจี้ยนเฉิน เจ้าบ้าไปแล้วเหรอที่ไปต่อกรกับตระกูลเต๋า ? เจ้ามั่นใจเหรอว่าเจ้าจะรับมือกับพวกมันได้ ? ” ฉิงยี่หยวนถามอย่างเคร่งเครียดแต่นางก็รู้สึกคาดหวังอยู่บ้าง
เจี้ยนเฉินพยักหน้า ” ถ้าตระกูลเต๋าแข็งแกร่งเหมือนที่เจ้าพูดจริง ๆ พวกเขาไม่สามารถข่มขู่เราได้หรอก” สถานการณ์ครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน นูบิสได้ปรากฏออกมาจากการเก็บตัวอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับเถี่ยต้าที่แข็งแกร่งขึ้น ตระกูลเต๋าข่มขู่อะไรพวกเขาไม่ได้มากเลย
“แต่พวกเราทั้ง 5 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส เราไม่สามารถฟื้นฟูได้ในเวลาอันสั้นหรอกนะ ” ฉิงยี่หยวนพูดด้วยความกังวล แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าความมั่นใจของเจี้ยนเฉินมาจากไหน แต่นางก็รู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ใช่คนที่พูดเรื่อยเปื่อย
รอยยิ้มประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน ” ข้าทราบดีว่าพวกเจ้าทั้งห้าบาดเจ็บสาหัส เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้เลย ข้าสามารถรักษาพวกเจ้าทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วมาก ๆ ” เมื่อพูดเช่นนั้น แสงสีทองเป็นชั้น ๆ เปล่งประกายจากคิ้วของเจี้ยนเฉิน ขณะที่วัตถุเซียนบินออกมาจากห้วงสติของเขา
“อย่าขัดขืนนะ” เจี้ยนเฉินแนะนำ ก่อนที่จะดูดพวกเขาเข้าไปในวัตถุเซียน เขาวางแผนที่จะให้จิตวิญญาณวัตถุเซียนรักษาพวกเขา
แม้ว่า เจี้ยนเฉิน จะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 แต่มีเพียงแค่พลังงานจากน้ำเท่านั้นที่เหลือล้นในอาณาจักรทะเล พลังเซียนธาตุแสงนั้นมีน้อยมาก ถ้าเขาใช้พลังของตัวเองเพื่อรักษาพวกเขาทั้ง 5 คน มันจะไม่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับทวีปเทียนหยวนเลย พลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงเป็นพลังที่สามารถดูดกลืนสำหรับเขาได้ และมันยังยากมากกว่าเดิมในการฟื้นฟูพละพลังบรรพกาล ดังนั้นเพื่อที่จะเก็บรักษาพลังงานดั้งเดิมไว้ เขาจึงทำได้แค่ให้จิตวิญญาณวัตถุเซียนจัดการรักษาพวกเขาแทน
เพื่อที่จะขึ้นไปสู่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 ทั้งหมดที่ต้องทำคือการเก็บสะสม ทันทีที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้ครอบครองพลังงานดั้งเดิมแล้ว วิญญาณของพวกเขาก็จะพัฒนาอย่างมีคุณภาพและก็จะไปสู่ระดับ 8 สำหรับเจี้ยนเฉินแล้ว เขายังไม่ได้ครอบครองพลังเซียนธาตุแสงมากเท่าไหร่ เขาดูดกลืนมากเท่าที่จะทำได้เมื่อเขาอยู่ภายในวัตถุเซียนตอนที่มันจะเปิดออก พลังงานดั้งเดิมนี้เป็นความหวังที่จะไปสู่ระดับ 8 ดังนั้นเขาจะไม่ใช้มันเลยเว้นแต่ว่าเขาไม่มีทางเลือกจริง ๆ
จิตวิญญาณวัตถุเซียนได้ไปถึงระดับ 8 ในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ดังนั้นภายใต้การฟื้นฟูของเขา พวกเขาทั้ง 5 คนจะใช้เวลาน้อยกว่า 2 ชั่วยามครึ่งในการฟื้นฟูอย่างเต็มที่จากอาการบาดเจ็บที่สาหัสมากซึ่งทำให้พวกเขาดีใจเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็จะให้เวลาพวกเขาอีกครึ่งวันเพื่อฟื้นฟูพลังเซียนของพวกเขา หลังจากนั้นเขาก็จะนำ ฉิงยี่หยวน ไทโตว ซินเปียน โมชาส นูบิส และเถี่ยต้า บุกไปที่ตระกูลเต๋า โดยมีผู้อาวุโสบางส่วนตามไปด้วยเช่นกัน
เจี้ยนเฉินไม่เชื่อว่าตระกูลเต๋าจะเห็นด้วยกับเส้นตายภายใน 1 วันของเขาเพราะว่าเขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน ระยะทางที่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร ชายวัยกลางคนเดินไปรอบ ๆ ห้องด้วยในเผ่าที่ชื่อว่า เผ่าคาเลอร์ คิ้วของเขาย่นติดกันแน่นราวกับว่ามีบางอย่างถ่วงหัวใจของเขาไว้
เขาเป็นหัวหน้าเผ่าคาเลอร์และเป็นบิดาของไคยะ
“เจี้ยโซว คุณหนูยังไม่ออกมาจากการเก็บตัวอยู่คนเดียวอีกเหรอ ? ” ทันใดนั้นหัวหน้าเผ่าก็ถามใครบางคนที่อยู่ข้างนอก
“หัวหน้าเผ่า คุณหนูยังอยู่ในการเก็บตัวอยู่และยังไม่ออกมา ” ผู้คุ้มกันข้างนอกตอบ
หัวหน้าเผ่าขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าเหมือนกับว่าเขารู้สึกไม่ค่อยดีนัก เขาเข้าใจลูกสาวของเขาเป็นอย่างดี แม้ว่านางจะเคยแสดงพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ยังเด็ก แต่นางก็ไม่กระตือรือร้นในการฝึกฝนเท่าไหร่ ไม่งั้นแล้วนางอาจจะกลายเป็นจอมยุทธ 14 ดาวเรียบร้อยแล้วด้วยพรสวรรค์ของนาง
จนกระทั้งตอนนี้ ดูเหมือนนางได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ไม่น่าเชื่อหลังจากถูกนำตัวไปโดยผู้คุมกฎของเผ่าเต่า นางเก็บตัวนานมาก นางยังไม่ปรากฏตัวจนกระทั่งตอนนี้ ซึ่งทำให้เขาเป็นกังวลมากในฐานะพ่อ ในขณะเดียวกันเขาก็สงสัยอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากผู้คุมกฎของเผ่าเต่าได้พาลูกสาวของเขาไป ทำไมลูกสาวของเขาถึงกระตือรือร้นมากมายขนาดนั้นเพื่อไปฝึกฝน ? นางถูกทารุณหรือเปล่า ?
ขณะที่หัวหน้าเผ่ากำลังพิจารณาเรื่องนี้ เสียงร้องของผู้คุ้มกันก็ดังออกมา ” อ้า ! คุณหนู ทะ ท่านปรากฏตัวแล้ว”
ก่อนที่ผู้คุ้มกันจะพูดจบ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ไคยะเดินเข้ามาด้วยเสื้อสีฟ้า รูปร่างหน้าตาของนางทั้งหมดตอนนี้แตกต่างไปเมื่อเทียบกับก่อนที่นางจะเก็บตัว
หัวหน้าเผ่าตะลึงเมื่อไคยะปรากฏตัวต่อหน้าเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็ปลื้มปิติเป็นอย่างมาก ” ไคยะ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว เจ้ารู้ไหมว่าข้ากังวลมากแค่ไหนตั้งแต่เจ้าไปเก็บตัว”
ไคยะยิ้มและตอบอย่างสุภาพ ” ขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อที่ข้าทำให้ท่านกังวล”
หัวหน้าเผ่าสามารถรับรู้ได้ว่าไคยะไม่ได้ประพฤติตัวแปลกประหลาดแม้แต่นิดเดียว เขายิ้มออกมา ” ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่เจ้าสบายดีก็พอแล้ว”
หัวหน้าเผ่าเห็นว่าไคยะลังเลบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงถามคำถามขึ้น “ไคยะ มีอะไรที่รบกวนจิตใจเจ้าหรือเปล่า ? ถ้ามีอะไรที่ข้าช่วยได้ บอกข้ามาได้เลย ข้าจะทำทุกอย่างที่ข้าสามารถทำได้ เอาล่ะ ไคยะ ทำไมผู้คุมกฎของเผ่าเต่าถึงตามหาตัวเจ้าในครั้งที่แล้ว ? แล้วทำไมเจ้าถึงเข้ารับการเก็บตัวทันที”
ไคยะลังเลก่อนที่จะตอบ ” ท่านพ่อ ข้าโผล่ออกมาจากการเก็บตัวก็จริงครั้งนี้เพื่อขอร้องท่านเรื่องเหรียญผลึก”
“ก็แค่เหรียญผลึก เจ้าต้องการเท่าไหร่ล่ะ ? ” หัวหน้าเผ่ายิ้ม
” ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี เพราะว่าข้าต้องการเหรียญผลึกกองมหึมาเมื่อข้าเข้าไปเก็บตัว” ไค่ย่าพูดด้วยท่าทางเขินอายนิด ๆ นางรู้ว่าจำนวนเหรียญผลึกที่นางต้องการมันมากมายจนเผ่าคาเลอร์อาจจัดหาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งที่ขาดแคลนของนาง นางไม่มีทางเลือกไปกว่าหาชนเผ่าอื่น ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือถ้านางต้องการเพิ่มพลังอย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มของหัวหน้าเผ่าค่อย ๆ หายไป เขาตรวจสอบลูกสาวเขาอย่างจริง ๆ จัง ๆ ในตอนนั้นเขาสงสัยว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นลูกสาวเขาหรือไม่ เนื่องจากลูกสาวเขาไม่เคยตั้งใจกับการฝึกฝนหนักขนาดนี้มาก่อน