ตอนที่ 1233: สงครามระหว่าง 2 ฝ่าย (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1233: สงครามระหว่าง 2 ฝ่าย (1)

” ไคยะ เจ้าต้องบอกความจริงกับข้าว่าผู้คุมกฎทำอะไรกับเจ้าตอนที่เขาเอาตัวเจ้าไป ? ทำไมเจ้าถึงดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงไม่เหมือนเมื่อก่อน เจ้าฝึกฝนอย่างหนัก ผู้คุมกฎได้ทารุณเจ้าหรือเปล่า ? ” หัวหน้าเผ่าคาเลอร์ถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ไคยะรู้ว่าการเปลี่ยนไปของนางได้ทำให้พ่อของนางเข้าใจผิดกับหลายสิ่ง พ่อของนางคิดมากเกินไปเกี่ยวกับมันและบิดเบือนสิ่งที่เกิดขึ้น นางช่วยไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ท่านพ่อ หยุดคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องได้แล้ว ที่จริงแล้วผู้คุมกฎได้สอนข้าถึงวิธีฝึกฝนที่น่าประทับใจเป็นอย่างมากและเขาก็ดูแลข้าด้วย ข้าอดไม่ได้ที่จะต้องเริ่มการฝึกฝนอย่างหนักหลังจากไปที่นั่น ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงเก็บตัวฝึกฝนหลังจากข้ากลับมาตอนนั้น”

“วิธีการฝึกฝนที่น่าประทับใจอย่างยิ่งงั้นเหรอ ? มันคืออะไร ? อะไรมันจะดีไปกว่าทักษะการเปิดจิตวิญญาณดั้งเดิมของทักษะศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปด ? ”

ไคยะลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา ” ผู้คุมกฎได้สอนวิธีฝึกฝนของจักพรรดิแผ่นดินทั้งแปด เช่นเดียวกับประสบการณ์ของเขาและความรู้ที่คำนึงถึงการฝึกฝน ท่านพ่อ ท่านคิดว่ามันยิ่งใหญ่กว่าทักษะการเปิดจิตวิญญาณดั้งเดิมหรือไม่ ? ”

“อะไรนะ ! วิธีการฝึกฝนของจักรพรรดิแผ่นดินทั้งแปดงั้นเหรอ ! ? ” หัวหน้าเผ่าตกใจมากขณะที่ความไม่อยากจะเชื่อปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปในทันทีและเขาก็โบกมือให้กับลูกน้องเขาเพื่อแยกห้อง หลังจากนั้นเขามองไปที่ลูกสาวของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงสั่น “ลูกสาวที่รัก ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าได้มอบทักษะที่จักรพรรดิแผ่นดินทั้งแปดฝึกฝนให้กับเจ้าและยังให้ความรู้กับประสบการณ์อีกเหรอ ? ”

” ใช่แล้ว ข้าจะโกหกท่านพ่อทำไม ? ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ท่านอยากให้ข้าเอามันออกมาให้ดูหรือไม่ ? ” ไคยะ ถามอย่างจริงจัง

หัวหน้าเผ่าโบกมือทันที ” ไม่ ๆ ๆ ข้าเชื่อเจ้า แต่เจ้าต้องระวังตัวหน่อย เจ้าให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ที่เจ้าได้ครอบครองวิธีการฝึกฝนจักรพรรดิแผ่นดินทั้งแปด เข้าใจหรือไม่ ? ” หัวหน้าเผ่าพูดเสียงเข้มงวดมาก

“รับทราบท่านพ่อ ข้าเข้าใจ” ไคยะตอบอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน นางเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเรื่องนี้มันสำคัญขนาดไหน

หลังจากนั้นหัวหน้าเผ่าส่งแหวนมิติให้กับไคยะ เขาพูดว่า ” มีเหรียญผลึกระดับสูงอยู่ในนั้น มันเป็นเหรียญผลึกทั้งหมดที่ข้ามี รับมันไปและเอามันไปใช้ก่อนเถิด ข้าจะรวบรวมจากเหล่าผู้อาวุโสอื่น ๆ และชักจูงเขา จากนั้นข้าจะแบ่งเหรียญผลึกของเผ่าเข้าไปให้เจ้าอีกที แค่ไม่ต้องกังวลก็พอ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเจ้า”

“งั้นข้าขอลาไปก่อนละ จ้าจะต้องทำงานหนักเพื่อดูว่าข้าจะสามารถกลายเป็นจอมยุทธ 15 ดาวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ” จากนั้นไคยะก็จากไปพร้อมกับแหวนมิติ นางไม่ยอมเสียเวลาเลยแม้แต่น้อยและเก็บตัวฝึกฝนอีกครั้ง

หลังจากไคยะจากไป หัวหน้าเผ่าก็เข้าไปอยู่ในห้อง เขาไม่สามารถที่จะสงบสติอารมจากความตื่นเต้นได้ระยะหนึ่ง เขาไม่เคยใฝ่ฝันเลยว่าลูกสาวของเขาจะโชคดีได้รับวิธีการฝึกฝนของจักรพรรดิแผ่นดินทั้งแปด อย่างไรก็ตามเขาก็เชื่อมั่นในพรสวรรค์ของนาง มันเป็นไปได้อย่างยิ่งสำหรับนางที่จะกลายเป็นจอมยุทธที่เทียบเท่ากับจักรพรรดิในภายภาคหน้าด้วยวิธีการฝึกฝนนี้และความรู้จากจักรพรรดิแผ่นดินทั้งแปด

ในฐานะพ่อ เขารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งเมื่อเขารู้ว่าลูกสาวของตัวเองจะประสบความสำเร็จอย่างมากในอนาคตถึงแม้มันจะยังไม่เกิดก็ตาม

“แปลกจังแหะ วิธีการฝึกฝนของจักรพรรดิแผ่นดินทั้งแปดมันประเมิณค่าไม่ได้เลย ดังนั้นทำไมผู้คุมกฎของเผ่าเต่าถึงให้มันกับไคยะโดยไม่มีเหตุผลกัน ? ” หัวหน้าเผ่าครุ่นคิดอย่างสงสัยหลังจากเขาสงบสติอารมณ์ลงได้ซึ่งทำให้เขาสับสนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมัน เขาทลายกำแพงกั้นห้องและเดินออกไป ณ ทางเข้า มีผู้คุ้มกัน 2 คนของเผ่ายืนหลังตรงอยู่ที่นั่น

ผู้อาวุโสสูงสุด มองผ่านไปที่ทั้ง 2 เขาไอและพูด ” พวกเจ้าทั้ง 2 คนได้ยินอะไรหรือเปล่า ? ” ขณะที่เขาถาม ดูเหมือนเขาก็ไม่ค่อยวิตกกังวลเท่าไหร่ แต่เขามุ่งเน้นความสนใจทั้งหมดของเขาไปที่ผู้คุ้มกันทั้ง 2

ความสับสนเติมเต็มเข้าไปในการจ้องมองผู้คุมกันและพวกเขาตอบ ” ผู้อาวุโสสูงสุด เราไม่ได้ยินอะไรเลยครับ ”

ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้าสั้นๆก่อนที่จะเดินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นเขาก็มาคิดเรื่องส่วนแบ่งของแหล่งทรัพยากรของเผ่าเพื่อให้กับไคยะโดยไม่ทำให้เหล่าผู้อาวุโสคนอื่น ๆ สงสัย..

ในตอนนี้ ฝูงชนกว่าสิบคนได้มารวมตัวกันที่ห้องโถงพร้อมกับตระกูลเต๋า พวกเขามีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันอย่างมาก จัดลำดับจากเซียนผู้คุมกฎถึงเซียนราชา พวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันที่โต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยของแพง ๆ มากมาย

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้อาวุโสประจำศาลาจะปรากฏตัวและยุติเป้าหมายการกระทำของเราที่ต้องกำจัดเผ่าเต่า น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดายจริง ๆ เราพลาดโอกาสที่แสนดีอย่างงั้นได้ยังไง” ชายวัยกลางคนพูด เขาแผ่พลังแห่งการมีอยู่ที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่เป็นวงกว้าง เขาเป็นเซียนราชาและเป็น 1 ในตระกูลใหญ่ที่ตั้งตัวเป็นพันธมิตรกับตระกูลเต๋า ชื่อของเขาคือ ไททงยี

“พี่ไททงยี ไม่จำเป็นต้องเสียใจขนาดนั้น เผ่าเต่าโชคดีได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง หัวหน้าตระกูลเต๋าได้ส่งทูตไปที่เผ่าเต่าเรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเขาไม่มอบเหรียญผลึกพันล้านให้เราภายในครึ่งเดือน มันก็จะกลายเป็นเหตุผลที่สมบูรณ์แบบในการกำจัดพวกมัน ตราบใดที่เรามีเหตุผล แม้แต่ผู้อาวุโสประจำศาลาก็ไม่สามารถสั่งบังคับเพื่อหยุดเราได้” บรรพบุรุษของตระกูลไคเอินพูด เขาก็เป็นเซียนราชาเช่นเดียวกันอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 6 เขาเป็นจอมยุทธ 16 ดาว

ไททงยีป้องมือไปที่บรรพบุรุษของตระกูลไคเอินและพูด ” นั่นมันสมเหตุผลมาก พี่ไต่เซิน แต่ข้ากังวลว่าเผ่าเต่าจะใช้โอกาสนี้เพื่อหนีไป เคลื่อนย้ายเผ่าทั้งหมดออกจากแผ่นดินของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และถ้าพวกมันเอาเงินมาให้เราได้พันล้านจริง ๆ ล่ะ เราจะทำยังไงกับมัน ? ”

ชายวัยกลางคนสวมชุดสีฟ้าพร้อมกับหน้าตาค่อนข้างอันตรายยืนขึ้นและป้องมือ “ท่านไททงยีกังวลมากเกินไป อย่างแรกเลยเผ่าเต่าจะไม่สามารถหนีไปได้ ก่อนที่พวกมันจะชดใช้เราด้วยเงิน 1,000 ล้าน มันสมเหตุสมผลที่เราจะหยุดพวกมันถ้าพวกมันพยายามหนีจากแผ่นดินแห่งศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ในเวลาเดียวกัน ข้าได้ส่งคนไปเพื่อจัดการสืบสวนรายละเอียดของเผ่าเต่าเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าพวกมันจะใช้ทุกอย่างที่มันมี พวกมันก็ไม่สามารถที่จะจ่ายได้มากถึง 100 ล้านเหรียญผลึกเสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึง 1,000 ล้านที่เราต้องการหรอก”

เขาเป็นหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลเต๋า เต๋าหยุน เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎขั้นสวรรค์ที่ 9 และมีข่าวลือว่าเขาได้ก้าวผ่านมันภายใน 5 ปีและไปถึงระดับที่สูงขึ้นของการพัฒนา

“เราจะไม่กังวลใด ๆ เนื่องจากท่านหัวหน้าตระกูลได้กล่าวเช่นนั้น หลายเดือนก่อน หลายชายที่ข้ารักมากได้ตายด้วยน้ำมือของเผ่าเต่า ข้าต้องแก้แค้นหนี้ด้วยเลือดของเผ่าเต่า” ชายแก่หัวล้านพูดอย่างเยือกเย็น ความอาฆาตแผ่ออกมาจากดวงตาของเขา

“ไม่ต้องกังวลไป หยิงโม เจ้าจะได้แก้แค้นให้หลานชายของเจ้าแน่นอน หลังจากครึ่งเดือนต่อจากนี้จะเป็นจุดจบของเผ่าเต่า ” ชายแก่ที่ดูเหมือนฉลาดพูด เขาเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเต๋า เต๋าเจิ้งเทียน

ในตอนนี้ ชายแก่ที่ดูเหมือนคนเฝ้าบ้านได้วิ่งเข้ามา สีหน้าของเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมากและเขาร้องออกมา “ท่านบรรพบุรุษ ทูตที่ส่งไปเผ่าเต่าได้กลับมาแล้ว”

” ให้มันเข้ามาและรายงานข้อมูลสถานการณ์” เต๋าเจิ้งเทียนสั่งอย่างเยือกเย็น

“รับทราบขอรับท่าน ! ” คนผู้นั้นวิ่งกลับตามคำสั่งของเต๋าเจิ้งเทียน

ไม่นานเซียนสวรรค์ 2 คนที่เพิ่งไปเยี่ยมเยียนเผ่าเต่าเดินเข้ามาข้างในพร้อมกับมีศีรษะของทูต พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นและก้มหัว

ทุกคนในห้องรวมไปถึงเต๋าเจิ้งเทียนเผยท่าทางที่แตกต่างกันออกไปและเริ่มโกรธจัดขึ้นมาเมื่อพวกเขาเห็นศีรษะของทูต จิตสังหารได้ส่องออกมาจากดวงตาพวกเขา

ปัง ! เต๋าเจิ้งทียนทุบโต๊ะขณะที่สีหน้าของเขาเริ่มมืดมนถึงจุดที่น่ายำเกรงมาก ๆ เขาคำรามอย่างโกรธ “พวกมันกล้าดียังไง ! เผ่าเต่าฆ่าทูตของตระกูลเต๋าส่งไป”

“ฮึม เผ่าเต่าได้รนหาที่ตายเรียบร้อยแล้ว ถึงกระนั้นพวกมันยังไม่รู้ว่าจะสำนึกผิดยังไง ด้วยการฆ่าทูตของตระกูลเต๋าอย่างไม่ยำเกรง พวกมันไม่ได้ให้ความสำคัญของตระกูลเต๋าเลยแม้แต่นิดเดียว”

“นี่เป็นการยั่วยุตระกูลเต๋าเช่นเดียวกับที่แสดงอำนาจต่อพวกเราทุกคน”

เหล่าจอมยุทธทั้งหมดจากตระกูลใหญ่ต่างพูดในท่าทางโกรธเคือง

“อธิบายมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างการไปเยือนของพวกเจ้าทั้งสอง อย่าพลาดแม้แต่รายละเอียดเดียว” เต๋าเจิ้งเทียนสั่งทั้งสองคน

ผู้ติดตามทั้งสองไม่กล้าพลาดรายละเอียดแม้แต่น้อย พวกเขารีบอธิบายสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในเผ่าเต่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ฮึม ข้าไม่คิดเลยว่าผู้คุมกฎของเผ่าเต่าจะหยิ่งผยองเช่นนี้ มันคิดว่ามันเป็นผู้อาวุโสประจำศาลาหรือไง ? ” เต๋าเจิ้งเทียนถอนหายใจแรงอย่างเยือกเย็นเมื่อเขาได้ยินเรื่องราวจากผู้ติดตามทั้งสอง

“ท่านบรรพบุรุษ ผู้คุมกฎของครอบครัวเต่ายังฝากข้อความกลับมาอีกขอรับ” หนึ่งในผู้ติดตามพูดด้วยน้ำเสียงลังเล

“พูดมา ผู้คุมกฎฝากอะไรกลับมางั้นเหรอ ? ” เต๋าเจิ้งเทียนถามอย่างเยือกเย็น

“ผู้คุมกฎพูดว่าเราต้องคืนเหมืองทั้งหมดของเผ่าเต่าภายใน 1 วันและเราต้องจ่ายเหรียญผลึก 10,000 ล้านเหรียญให้พวกเขาสำหรับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับเผ่าเต่าซึ่งได้สูญเสียไปจากการต่อสู้เมื่อหลายวันก่อน ถ้าเราไม่ทำตาม 2 ข้อนี้ในเวลาที่กำหนด เผ่าเต่าจะเริ่มการโจมตีทำลายล้างตระกูลเต๋าและเหล่าพันธมิตรทั้งหมด พวกเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปจนกว่าพวกเขาจะตาย” ผู้ติดตามพูดขณะที่เขาตัวสั่น

ห้องประชุมทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบที่ผิดปกติ คนทั้งหมดตะลึงกับสิ่งที่พูดออกมา ไม่สามารถได้สติไปชั่วคราว

“ฮ่าๆๆ ข้าคงได้ยินผิด ใช่หรือไม่ ? ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าต้องการให้เราจ่าย 10,000 ล้านเหรียญผลึกเพื่อเป็นค่าชดเชย ไม่งั้นเขาจะโจมตีทำลายล้างพวกเรา ผู้คุมกฎมันโกรธจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ? ”

“เผ่าเต่ายังแข็งแกร่งไม่พอเลยและพวกเขายังต้องการจะโจมตีพวกเราอีกเหรอ ? บ้าสิ้นดี”

“ข้าคิดว่าผู้คุมกฎของเผ่าเต่าสติเลอะเลือนไปแล้ว”

จอมยุทธทั้งหมดต่างหัวเราะออกมา ไม่มีใครเชื่อว่าเผ่าเต่าจะครอบครองพลังมากมายในสิ่งที่เขาประกาศออกมาเช่นนั้น

เต๋าเจิ้งเทียนเริ่มหัวเราะจากความโกรธของเขา ในตอนนั้น การจ้องมองของเขาเริ่มกดดันอย่างมากขณะที่จิตสังหารของเขาพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา เขาถอนหายใจ ” ดี ! ดีเลย ดีมาก ๆ ! เผ่าเต่ามันช่างหยิ่งผยอง ข้าอยากเห็นว่าเผ่าเต่าที่เล็กจ้อยจะโจมตีพวกเราอย่างไร ทุก ๆ คน แต่เดิมข้าวางแผนให้เวลาเผ่าเต่าครึ่งเดือน แต่ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนั้นแล้ว เราสามารถเคลื่อนพลได้พรุ่งนี้เลย ทุกคนมุ่งหน้าไปที่เผ่าเต่าตอนนี้และดูว่ามันได้ครอบครองอะไรไว้หรือเปล่าถึงทำให้มันหยิ่งผยองขนาดนี้

“ไม่จำเป็นต้องไปหรอก เรามาถึงแล้ว ! ”

เสียงก้องออกมาจากบนฟ้าทันทีที่เต๋าเจิ้งเทียนพูดจบ เสียงนี้ดังมากจนมันดังอย่างต่อเนื่องไปรอบ ๆ ก่อนที่มันจะหายไป