ตอนที่ 1234: สงครามระหว่าง 2 ฝ่าย (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1234: สงครามระหว่าง 2 ฝ่าย (2)

ข้างบนของตระกูลเต๋า มี เจี้ยนเฉิน เถี่ยต้า นูบิส ฉิงยี่หยวน ไทโตว หลานจิง ซินเปียน และโมชาสบินอยู่เหนือพวกเขา 100 เมตรในอากาศพร้อมกับกิริยาท่าทางที่เหย่อหยิ่ง พวกเขาแต่ละคนดูสงบนิ่งและใจเย็นขณะที่พลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาแผ่ออกมาจากพวกเขาทั้ง 8 คน ครอบคลุมตระกูลเต๋าทั้งหมด

บรรยากาศดูเหมือนจะหนักหน่วงภายใต้พลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขา สมาชิกที่อ่อนแอกว่าของตระกูลเต๋าทั้งหมดหน้าซีด ขณะที่พวกเขาบางส่วนเริ่มเลือดออกมาจากมุมปาก อวัยวะของพวกเขาเริ่มบาดเจ็บสาหัส ฉีกขาดจากพลังแห่งการมีอยู่ขั้นสุดยอด

แม้แต่เซียนผู้คุมกฎภายในตระกูลเต๋าก็เผยให้เห็นท่าทางที่ไม่ปกติ พลังที่ทรงพลังได้หมุนรอบพวกเขาไว้ขณะที่พวกเขาใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อต่อต้านแรงกดดันนี้

” ฮึ่ม ! ”

เสียงหายใจแรงดังออกมาจากตรงกลางห้องโถงภายในตระกูลเต๋า ในตอนนั้น พลังแห่งการมีอยู่ของเซียนราชาทั้ง 9 คนได้แผ่พุ่งออกมาต่อต้านพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาทั้ง 8 คนเหมือนกับลมที่บ้าคลั่ง

ปัง !

เสียงลึกดังผ่านอากาศด้วยการปะทะของพลังแห่งการมีอยู่ที่มองไม่เห็น พลังงานรอบ ๆ ปะทะกัน กลายช่วงเวลาที่ร้ายแรง มันหมุนเหมือนกับพายุ ทำให้ดินและฝุ่นลอยขึ้นไปในอากาศ

เต๋าเจิ้งเทียนบินขึ้นจากข้างล่างด้วยท่าทางที่จมดิ่งขณะที่เซียนราชา 5 คนจากกลุ่มพันธมิตรตามข้างหลังเขาไป พวกเขาแต่ละคนมีท่าทางที่น่าเกลียดน่ากลัวกันทั้งนั้น

“เจ้าเป็นผู้คุมกฎแห่งเผ่าเต่าสินะ ? ” เต๋าเจิ้งเทียนถามอย่างเยือกเย็นขณะที่เขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะตรวจสอบอีก 7 คนที่อยู่รอบ ๆ เขา เขาตะลึงทันที เขาไม่คิดว่าเผ่าเต่าจะมีเซียนราชาถึง 8 คนซึ่งแม้ว่าจะน้อยกว่าของกลุ่มพันธมิตร แต่สิ่งที่เขาแปลกใจยิ่งกว่าคือ ทั้ง 5 คนที่ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ได้หายดีแล้ว

เต๋าเจิ้งเทียนเข้าใจเป็นอย่างดีเรื่องอาการบาดเจ็บของ ฉิงยี่หยวน ไทโตว หลานจิง ซินเปียน และโมชาส เมื่อ 3 วันก่อน เขาคิดว่าพวกเขาจะต้องรักษาตัวเป็นเวลาหลายปีและจบลงด้วยการทนทุกข์จากผลกระทบในอนาคตเนื่องจากไม่มีทางรักษาได้ แม้แต่พวกเขาที่ครอบครองยาชั้นดี แต่พวกเขาจะยังคงไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ในเวลาเดียวกัน พวกเขาดูไม่เหมือนว่าได้รับผลกระทบใด ๆ เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินคาดในความเข้าใจของเต๋าเจิ้งเทียนอย่างสิ้นเชิง

“ถูกต้องแล้ว ข้าคือผู้คุมกฎแห่งเผ่าเต่า เจ้า เต๋าเจิ้งเทียน ข้าจะมาเก็บหนี้ของข้า 3 วันก่อนพร้อมกับกำไร” เจี้ยนเฉินถอนหายใจแรง

ความรังเกียจนิด ๆ ปรากฏในแววตาของเต๋าเจิ้งเทียน เขายิ้มเยาะเช่นกัน “ผู้คุมกฎแห่งเผ่าเต่า เผ่าของเจ้าที่จริงแล้วมีจอมยุทธ 15 ดาวและ 16 ดาวถึง 8 คน นี่เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของข้าจริง ๆ แต่ถ้าเจ้าคิดว่าจะรับมือกับตระกูลเต๋าได้ด้วยพวกเจ้าเพียง 8 คนเช่นนั้น ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้น เจ้าก็คิดผิดแล้วละ”

การจ้องมองของเจี้ยนเฉินค่อย ๆ แหลมคมมากขึ้นเหมือนกับดาว พลังแห่งการมีอยู่และความอาฆาตปรากฏขึ้นข้างใน เขายิ้มเยาะเย้ย “จริงเหรอ ? ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าใครกันแน่ที่คิดผิด” เมื่อพูดเช่นนั้น ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็ปรากฏในมือของเขา ในตอนนั้นพลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปทันที ถ้าเขาเป็นเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เขาก็เป็นเหมือนกับกระบี่ที่แผ่พลังพุ่งออกไป

” ฆ่ามัน ! ” ทันใดนั้น เจี้ยนเฉิน คำรามออกมา เขาพุ่งเข้าไปที่ เต๋าเจิ้งเทียน ทันทีด้วยความโกรธพร้อมกับอาวุธจักรพรรดิ

ในเวลาเดียวกัน นูบิส เถี่ยต้า ฉิงยี่หยวน ไทโตว หลานจิง ซินเปียน และโมชาส เคลื่อนเข้าไปเช่นกัน ณ ขั้นสูงสุดของชั้นสวรรค์ที่ 6 โมชาส เผชิญหน้ากับบรรพบุรุษของตระกูลม่อซิน ผู้ที่อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 7 ขณะที่ หลานจิงและซินเปียนเผชิญหน้ากับเซียนราชาอีก 2 คนคนที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา พวกเขาทั้งสองอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 6 สำหรับศัตรูของฉิงยี่หยวนเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ขณะที่นูบิสและไทโตวเผชิญหน้ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 4

สำหรับเถี่ยต้าแล้ว เขากำลังรับมือกับเซียนราชา 2 คนด้วยตัวของเขาเอง อย่างไรก็ตามพวกเขาอ่อนแอที่สุดในเซียนราชาที่อยู่ในเหล่าพันธมิตร คนหนึ่งอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 2 และอีกคนหนึ่งอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 3

เจี้ยนเฉินตัดสินใจเรื่องนี้หลังจากถกเถียงเรื่องตัวเลือกของพวกเขาในการมาที่นี่ รวมไปถึงเจี้ยนเฉินด้วย พวกเขาทั้งหมดจะเข้าต่อสู้กับเหล่าศัตรูและจากนั้น เถี่ยต้า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางพวกเขา ก็จะลงมือฆ่าพวกเขาโดยเริ่มจากคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน

เซียนราชาทั้ง 17 คนระเบิดการการต่อสู้ขึ้นเหนือตระกูลเต๋า พวกเขาต่อสู้ด้วยการโจมตีทำลายล้างซึ่งทำให้สถานที่แห่งนั้นสั่นสะเทือนเปลี่ยนเป็นพายุที่น่ากลัวจนเกิดความหายนะกับสิ่งรอบข้าง แม้แต่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ไม่กล้าเข้าไปร่วมกับพวกเขา

การต่อสู้ของเจี้ยนเฉินและเต๋าเจิ้งเมียนดุเดือดที่สุด เต๋าเจิ้งเทียนรู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่แข็งแกร่งเท่ากับเขา ดังนั้นเขาจึงใช้ทุกอย่างเพื่อฆ่าเจี้ยนเฉินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเขาก็จะไปช่วยคนอื่นจัดการกับเผ่าเต่า

ตามข้อจำกัดของเขาแล้ว พลังการต่อสู้ของเจี้ยนเฉินสามารถขึ้นได้ไปสูงสุดคือชั้นสวรรค์ที่ 7 ตอนนี้เขาเผชิญหน้ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 ดังนั้นเขาใช้พลังทั้งหมดโดยไม่ออมแรงแม้แต่นิดเดียว เขาใช้ประโยชน์ของร่างบรรพกาลขณะที่เขาแทงยุทธภัณฑ์จักรพรรดิอย่างต่อเนื่องจนทำให้เกิดพลังบรรพกาล โจมตีเต๋าเจิ้งเทียนทุกกระบวนท่า

การโจมตีทุกกระบวนท่าของเขารวดเร็วมาก มันก่อเกิดโครงร่างกระบี่ที่ดูเหมือนกับตาข่ายน้ำที่แน่นหนาตรงหน้าของเขา

อย่างไรก็ตาม เต๋าเจิ้งเทียนก็อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 8 อยู่ดี เขาช่ำชองในการต่อสู้เช่นกัน ประสบการณ์ของเขาไม่น้อยไปกว่าเจี้ยนเฉินเลย เขาเผชิญหน้ากับการโจมตีของเจี้ยนเฉินที่ไหลพุ่งมาหาเขา เขายังสามารถรับมือกับมันได้อีกด้วย เขายังใช้ความสามารถของเขาในฐานะเซียนราชาเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของเจี้ยนเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่มันจะถูกแช่แข็ง มันก็ยังก่อปัญหาบางอย่างให้กับเขา ค่อย ๆ ทำให้เขาเสียเปรียบ

ถึงแม้เจี้ยนเฉินจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับเต๋าเจิ้งเทียน แต่ความแตกต่างของพวกเขาก็เพียงแค่ชั้นสวรรค์ชั้นเดียวเท่านั้น ในขณะเดียวกับ เจี้ยนเฉินก็ได้ต่อสู้มานับไม่ถ้วนเหมือนกับกับระดับพลังที่แตกต่างกับเขา ประสบการณ์ของเขาในการสู้รบมีอย่างโชกโชน ดังนั้นแล้วมันเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเต๋าเจิ้งเทียนที่จะฆ่า เจียงเฉินในเวลาอันสั้น

โมชาสก็เสียเปรียบเช่นเดียวกับเจี้ยนเฉิน ศัตรูของเขาอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 7 บรรพบุรุษแห่งตระกูลม่อซิน เขาถูกทำให้ต้องล่าถอยออกมาโดยศัตรูของเขา ซึ่งทำให้เขาไม่สงบสติอารมณ์เหมือนกับเจี้ยนเฉินเท่าไหร่

ข้างใต้นั้นมีม่านพลังขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ของตระกูลเต๋า มันปกป้องสมาชิกที่อ่อนแอของตระกูลเต๋า ป้องกันพวกเขาจากคลื่นสั่นสะเทือนของสงคราม

แม้ว่าม่านพลังจะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ยังคงยากที่จะป้องกับแรงสั่นสะเทือนจากการต่อสู้ของเซียนราชา ม่านพลังล่องหนเริ่มสั่นสะเทือนภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องและมันกำลังสั่นมากขึ้นและมากขึ้น

คนมากกว่า 1 หมื่นคนเริ่มรวมตัวกันภายในกำแพง รวมไปถึงเซียนผู้คุมกฎด้วย พวกเขาทั้งหมดจ้องมองอย่างวิตกกังวลไปที่ม่านพลังที่อยู่เหนือพวกเขา พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าตระกูลเต๋าจะถูกทำลายราบในทันทีถ้าม่านพลังไม่ได้ปกป้องเขาไว้

ในตอนนี้ ลำแสงสีทองได้แผ่ออกมา เถี่ยต้าแกว่งขวานด้ามยาวของแหวกอากาศ ปัดเป่าเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 2 ออกไป

เจตจำนงในการต่อสู้ปรากฏภายในใบมีดของขวาน ดูเหมือนว่ามันสามารถทำลายล้างวิญญาณของผู้คนได้เลย ในฐานะที่เป็นเป้าหมายในการโจมตีของเถี่ยต้าแล้ว เจตจำนงในการต่อสู้พุ่งเข้าปะทะกับเซียนราชาขั้นสวรรค์ที่ 2 มากที่สุด มันบดขยี้กำลังใจในการต่อสู้ของเขา ที่จริงแล้วเขารู้สึกถึงความไร้พลังก่อนที่จะโจมตีเสียอีก

แสงสีทองขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นในรูม่านตาของเขา มันไม่เพียงแต่ทำลายความตั้งใจในการต่อสู้ของเขาเท่านั้น มันยังเบี่ยงความสนใจของเขาอีกด้วย วิญญาณของเขาค่อย ๆ ได้รับบาดเจ็บหลังจากถูกชนเข้ากับเจตจำนงในการต่อสู้ขั้นสูงสุด

เลือดพุ่ง ! ขวานสีทองตัดผ่านร่างของเซียนราชา จากส่วนบนของหัวของเขา เขาถูกผ่าเป็น 2 ซีก วิญญาณของเขาถูกกำจัดก่อนที่จะหนีไปเสียอีก

หลังจากฆ่าเซียนราชาแล้ว ขวานทองก็เริ่มต่อโดยไม่ได้อ่อนแอลงเลยแม้แต่นิดเดียว มันตรงเข้าไปที่ม่านพลังที่กำลังปกป้องตระกูลเต๋า

ตู้ม !

เสียงป้องกันดังก้องขึ้นทันทีจากม่านพลัง มันเกือบจะทลายลงจากพลังสั่นสะเทือนของเซียนราชาทันที ดังนั้นทำให้มันขดตัวลงหลังจากมันเผชิญกับขวานของเถี่ยต้า

ไร้การป้องกันของม่านพลัง พลังร้ายกาจพุ่งไปหาตระกูลเต๋าเหมือนกับน้ำท่วม ในตอนนี้ สิ่งก่อสร้างมากมายรอบ ๆ ทลายลงและคนนับไม่ถ้วนก็ตายลงหรือไม่ก็บาดเจ็บ

เต๋าเจิ้งเทียนคำรามในอากาศด้วยความโกรธ พลังแห่งการมีอยู่ของเขาแผ่จากตัวเขาขณะที่เขาตะโกนออกมา “คนของเผ่าเต่า ถ้าเจ้าแน่จริงก็มาเผชิญหน้ากับเราที่สถานซึ่งห่างไกลจากนี้ 10,000 กิโลเมตร ! ”

“ไม่จำเป็นต้องไปไหนไกลเลย มันยิ่งดีเสียกว่าที่ต้องมีการตายมากมายอยู่ที่นี่” เจี้ยนเฉินยิ้มเยาะเย้ย เขาไม่ได้วิตกกังวลอะไรเลย ไม่ว่าผลลัพธ์ของสงครามจะเป็นยังไง ตระกูลเต๋าก็ต้องสูญเสียอย่างร้ายแรงอยู่ดี

“อ๊าก ! จอมยุทธเผ่าเต่า ข้าจะถลกหนังของเจ้าและดึงเอ็นของเจ้าออกซะ ! ” เต๋าเจิ้งเทียนร้องคำรามอยู่บนอากาศ สมาชิกชั้นนำของตระกูลเต๋าได้ตายไปในเวลาอันสั้นจากแรงสั่นสะเทือน พวกเขาทั้งหมดเป็นอนาคตของตระกูลเต๋า

เจี้ยนเฉินหัวเราะอยู่บนอากาศ “เต๋าเจิ้งเทียน ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ทำเช่นนี้กับเผ่าเต่าของข้าเหรอเมื่อสามวันก่อน ? มันจะเสียมารยาทถ้าข้าไม่คืนมันให้กับเจ้าบ้าง ข้าแค่จะใช้วิธีที่ตระกูลเต๋าของเจ้าทำกับเผ่าเต่าของข้าและนี่ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น”