ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 972 สั่นสะเทือนเขามหาวิญญาณ!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมีท่าทีผ่อนคลายยิ่ง ทว่าดวงตาของจอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นกลับเหมือนกำลังมองคนเสียสติคนหนึ่งอยู่

“เจ้า…เจ้า…” ครู่ต่อมา อีกฝ่ายถึงค่อยได้สติ แต่กลับหัวเราะอย่างเดือดดาล “เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่”

“ยังไม่พูดถึงว่านักพรตตงเฉวียน ผู้ครองเขามหาวิญญาณมีพลังล้ำเลิศ เป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่มากประสบการณ์ เขามหาวิญญาณยังมียอดฝีมืออยู่หนาแน่นดุจหมู่เมฆ ครั้งนี้ในงานชุมนุมที่เทือกเขาสันติภาพยังมียอดฝีมือมากกว่าครึ่ง” จอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นยิ้มอย่างเย็นชา “แม้จะเป็นด้านนอกเขาสันติภาพ ทางตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณก็มียอดฝีมือจำนวนมากกำลังรับคำเชิญมุ่งหน้ามาเช่นกัน!”

“อย่าว่าแต่เจ้ายังอยู่ในขั้นเทวะสำแดง แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนสักคนก็ต้องระวังตัวเช่นกัน”

“ตอนนี้บนเขามหาวิญญาณนอกจากการชุมนุมกันของยอดฝีมือแล้ว พวกนักพรตตงเฉวียนยังได้เปรียบด้านชัยภูมิด้วย!”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ “ในเมื่อเป็นอย่างที่ท่านพูด ก็ไม่ใช่ต้องการให้ข้าไปหาที่ตายเองย่อมประเสริฐสุดหรอกหรือ อุตส่าห์เผยความลับและความแข็งแกร่งของเขามหาวิญญาณในปัจจุบันออกมาแล้ว เกิดข้าไม่ไปขึ้นมา ท่านจะทำอย่างไร”

จอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นพูดไม่ออก

ตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกตัวว่าเมื่อครู่ตนเพิ่งทำเรื่องโง่เขลาลงไป

มิพักเอ่ยว่าขู่ให้เยี่ยนจ้าวเกอถอยไปสำเร็จ ต่อให้ชายหนุ่มตัดสินใจจะไปต่อ ตนก็ได้เผยความลับของเขามหาวิญญาณออกมา ทำให้เขาป้องกันและหาวิธีรับมือได้ก่อนแล้ว

การกระทำเช่นนี้เป็นการช่วยเหลือศัตรูโดยแท้

ความจริงแล้วเขาเข้าใจหลักการดี แต่พอเห็นท่าทียโสโอหังของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาก็อดโมโหขึ้นมาจนอยากจะทำลายความเหิมเกริมของอีกฝ่ายไม่ได้

ยามนี้พอรู้สึกตัว คนผู้นี้ค่อยปิดปากไม่กล่าววาจาอีก เพียงแต่ยังรู้สึกคับข้องอยู่ดี

“นำทางเสียดีๆ เถอะ ยังไงข้าก็ยินดีเชือดท่านทิ้งอยู่แล้ว เดี๋ยวค่อยหาคนอื่นมาแทนก็ได้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่สนใจ “ในเมื่อเขามหาวิญญาณเป็นยอดเขาหลักที่อยู่ทางเหนือของเทือกเขาสันติภาพ คนที่รู้จักเส้นทางก็น่าจะมีไม่น้อย”

จอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นได้ยิน จิตใจก็พลันเกิดความหนาวเหน็บ

เขาคิดในใจอย่างดุร้ายว่า ‘ในเมื่อเจ้าโอหังไม่รู้จักเก็บความคมกล้า หยิ่งผยองไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ข้าจะพาเจ้าไปเขามหาวิญญาณ ให้ยอดฝีมือที่อยู่ที่นั่นจัดการเจ้าเสีย!’

พอคิดถึงตรงนี้ คนผู้นั้นก็ปลุกปลอบจิตใจตนเอง เอ่ยว่า “มีความกล้าก็ตามมา”

เยี่ยนจ้าวเกอเตะเขาจนกลิ้งไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะยิ้มขึ้น “ไม่ต้องทำเป็นไม่กลัวแล้ว”

ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะไม่รู้จักเทือกเขาสันติภาพในเขตเพลิงทักษิณดีนัก แต่ก็เคยได้ยินมาก่อน

ยอดเขาหลักของที่นี่มีอยู่สองที่ หนึ่งอยู่เหนือ ชื่อว่าเขามหาวิญญาณ อีกหนึ่งอยู่ใต้ เขาหมอกแสง

ยอดเขาแรกมีสำนักที่ชื่อว่าเขามหาวิญญาณ สำนึกที่ยึดครองตั้งชื่อขึ้นตามยอดเขา ส่วนยอดเขาหลังเป็นเป็นที่อยู่ของสำนักรัตติกาล

สำนักรัตติกาลกับเขามหาวิญญาณเป็นสองผู้ทรงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในท้องถิ่นของเทือกเขาสันติภาพ เสือสองตัวอยู่เขาเดียวกันไม่ได้ จึงมักเกิดการต่อสู้ระหว่างกันเอง เพียงแต่ว่าทำอะไรกันไม่ได้

หลายปีมานี้ ในการต่อสู้ระหว่างทิศใต้กับตะวันออกเฉียงใต้ แม้เขาเขาสันติภาพจะอยู่ใกล้เขารอบวง ทว่าการต่อสู้ระหว่างสำนักรัตติกาลกับเขามหาวิญญาณก็ไม่ได้สงบลงแต่อย่างใด

ครั้งนี้เมื่อข่าวที่เยี่ยนจ้าวเกอโผล่มาในเขตตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณ และเป็นไปได้ว่าจะเข้าไปในเทือกเขาสันติภาพถูกส่งออกมา เขามหาวิญญาณก็พลันเกิดความคิด

พวกเขาจัดงานชุมนุม ด้านหนึ่งเพื่อรับมือกับเยี่ยนจ้าวเกอ อีกด้านหนึ่งเพื่อฉวยโอกาสเพิ่มบารมีของตัวเอง รวบรวมสำนักอื่นๆ ในเทือกเขาสันติภาพ ยึดครองตำแหน่งผู้นำและกดดันสำนักรัตติกาล

ในงานชุมนุมครั้งนี้ นอกจากยอดฝีมือที่เคลื่อนไหวในเทือกเขาสันติภาพแล้ว ยังมียอดฝีมือจากสถานที่อื่นๆ และยอดฝีมือจากเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์มาด้วย

หากงานชุมนุมลุล่วงไปได้ด้วยดี ต่อให้สุดท้ายจะจับเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ บารมีของเขามหาวิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นอยู่ดี ทั้งยังได้คะแนนความประทับใจจากเนินต้นจักรพรรดิด้วย

ถ้าหากว่ามีการสนับสนุนจากเนินต้นจักรพรรดิ เขามหาวิญญาณก็จะมีโอกาสในการกดดันสำนักรัตติกาลได้

หลักการในนี้ เยี่ยนจ้าวเกอคิดออกได้อย่างง่ายดาย

“ตอนนี้เจ้าสำนักรัตติกาลไม่ได้อยู่ในเทือกเขาสันติภาพ แต่กำลังเข้าฌานอยู่ใช่หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งเคลื่อนไหว ทางหนึ่งถาม

จอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นดวงตาฉายแววสับสน คิดจะปฏิเสธ แต่กลับได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูดว่า “ถ้าหากไม่ใช่เช่นนั้น งานชุมนุมจะต้องจัดตรงกลาง ไหนเลยจะให้เขามหาวิญญาณชิงที่หนึ่งไปได้”

“เอ่อ…” อีกฝ่ายอ้าปาก ครู่ต่อมาค่อยหัวเราะอย่างหนักใจ

เจ้าสำนักรัตติกาลเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในสำนักของพวกเขา และกำลังเข้าฌานอยู่พอดี

สุดท้ายจอมยุทธ์คนอื่นๆ ในสำนักได้แต่ปิดตาข้างลืมตาข้าง มองดูเขามหาวิญญาณฉวยช่วงเวลานี้ช่วงชิงโอกาส

เยี่ยนจ้าวเกอผิดหวังเล็กน้อย “ได้ยินมาว่าวิชาดาบบัวงามคืนมืดของสำนักรัตติกาลได้มาจากการสืบทอดจริงแท้ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อยู่หลายส่วน ค่อนข้างสมบูรณ์นัก ข้าอยากจะเห็นสักครั้ง”

จอมยุทธ์ทิศใต้ที่นำทางผู้นั้นมองเยี่ยนจ้าวเกอ ลอบกัดฟัน รู้สึกอึดอัดใจ ได้แต่รีบเร่งเดินทางด้วยความคับข้อง

ตอนแรกเขาคิดว่าร่องรอยของเยี่ยนจ้าวเกอบนเส้นทางไปยังเขามหาวิญญาณจะถูกพบ

ผู้ใดหาทราบไม่ว่าถึงกับไม่มีใครรู้สึกตัวทั้งสิ้น

แม้จะอยู่ใกล้บริเวณเขามหาวิญญาณ ซึ่งเป็นยอดเขาทางเหนือของเทือกเขาสันติภาพแล้ว ที่แห่งนี้ก็ยังคงสงบเงียบ

ที่ว่าสงบเงียบ ไม่ใช่สงบเงียบจริงๆ แต่หมายถึงทุกอย่างเหมือนปกติ

แม้ว่าจอมยุทธ์จากที่ต่างๆ จะเฝ้าระวังเต็มที่ แต่ว่าก็เป็นการปฏิบัติตามปกติที่เอาไว้ป้องกันเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น

การป้องกันเหล่านี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอกลับเหมือนของประดับ

“ที่นี่คือเขามหาวิญญาณหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอป้องตามองดูยอดเขาโดดเดี่ยวที่สูงชันยิ่งกว่าขุนเขาที่อยู่รอบๆ อย่างชัดเจน

ยอดเขาแห่งนั้นสูงชันถึงขีดสุด เหมือนกับกระบี่ยาวที่ตั้งตรง ชี้ขึ้นสู่ฟากฟ้า ยื่นเข้าไปในหมู่เมฆ

“ถูกต้อง ที่นั่นคือเขามหาวิญญาณ” จอมยุทธ์เขตเพลิงทักษิณที่นำทางยามนี้ว่าง่ายเหมือนนกกระทาตัวหนึ่ง

ขณะมองดูเยี่ยนจ้าวเกอที่สงบนิ่ง ความเย็นเยียบในจิตใจของเขาก็ยิ่งมายิ่งมาก มิอารรักษาท่าทางวางมาดได้อีกต่อไป

“อืม เยี่ยมมาก” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ท่านไปได้แล้ว”

อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย ด้วยกังขาว่าเยี่ยนจ้าวเกอแกล้งพูด

เขารู้ดีว่ามีคนบางคนที่มีชอบละเล่นเป็นแมวหยอกหนู

ผู้ใดหาทราบไม่ว่าพอเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวจบ ก็ไม่ได้สนใจเขาอีก นั่งบนหลังพ่านพ่านมุ่งหน้าไปยังเขามหาวิญญาณ

จอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นอ้าปากตาค้าง ‘ปล่อยข้าไปจริงๆ หรือนี่’

ความคิดแรกในใจเขาก็คือ ติดต่อกับจอมยุทธ์เขามหาวิญญาณที่เฝ้าอยู่ใกล้ๆ แล้วไปรายงานพวกนักพรตตงเฉวียนบนเขา

แต่ต่อจากนั้นก็คิดขึ้นได้ว่า ความเร็วของตนจะเทียบกับเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างไร เมื่อพวกนักพรตตงเฉวียนได้รับข่าว เยี่ยนจ้าวเกอก็คงไปถึงเขาแล้ว

นอกจากนี้พอเห็นท่าทางตรงไปตรงมาของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่กลัวเขาจะไปแจ้งข่าว

ท่าทีที่เหิมเกริมเช่นนี้ เคยทำให้จอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นี้รู้สึกโกรธแค้น ทว่าในตอนนี้ ความรู้สึกเย็นเยียบในจิตใจเขากลับยิ่งมายิ่งรุนแรง

‘พวกนักพรตตงเฉวียนจะต้องทำให้เด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้กลับไปโดยดีแน่’ ความคิดที่แน่วแน่ก่อนหน้าพอลอยขึ้นมาในสมองตอนนี้ กลับเหมือนเพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง

ขณะที่คิดเช่นนี้อยู่ ก็เห็นเยี่ยนจ้าวเกอบรรลุถึงตีนเขามหาวิญญาณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างชัดเจนว่า “เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิงมาเยี่ยมเยือน ผู้เป็นเจ้าบ้านอยู่หรือไม่”

เสียงของเขาคล้ายไม่ดังมาก ทว่าก็ทำให้เขามหาวิญญาณทั้งลูกเริ่มสั่นสะเทือน!

ค่ายกลคุ้มครองสำนักถูกกระตุ้น ลวดลายค่ายกลหลายสายลอยขึ้นมากลางอากาศ จากนั้นก็บิดเบี้ยวพร้อมกัน ในชั่วพริบตาเดียวถึงกับปรากฏสภาวะกำลังจะแตกสลาย

………………..