ตอนที่ 1237: ทูตของศาลาวิญญาณสวรรค์
“ฮึ ทางเดียวที่เจ้าจะผ่านโถงศักดิ์สิทธิ์ของข้าไปได้ เจ้าต้องตัดผ่านระดับ 17 ดาวและกลายเป็นจักรพรรดิ ผู้คุมกฎแห่งเผ่าเต่า ข้าต้องยอมรับเลยว่าข้าประเมินความแข็งแกร่งของเผ่าเจ้าต่ำไป แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้าอยู่แล้วที่จะกลายมาเป็นจักรพรรดิ” เต๋าเจิ้งเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นสะท้อนออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ มันถูกเติมเต็มไปด้วยคำดูถูก การไปถึงระดับจักรพรรดิจะเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน ? แม้แต่เต๋าเจิ้งเทียนที่กำลังจะกลายเป็นผู้อาวุโสประจำศาลาก็ยังไม่มีความแข็งแกร่งในระดับนั้นเลย
เจี้ยนเฉินยิ้มเยาะ ” มันไม่เกี่ยวกับเจ้าที่จะมาตัดสินใจว่าข้าจะเป็นจักรพรรดิได้หรือไม่ ครั้งหน้าที่ข้าไปเยี่ยมตระกูลเต๋าของเจ้าจะเป็นวันที่ข้าทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์นั่น” เมื่อพูดเช่นนั้น เจี้ยนเฉินก็บังคับโถงศักดิ์สิทธิ์บินออกไป เขาไปรับบรรดาผู้อาวุโสของเผ่าเต่าที่ซ่อนตัวอยู่ห่างไปหลายสิบกิโลเมตรและจากนั้นก็พากลับไปที่เผ่า
เจี้ยนเฉินรู้อยู่แล้วว่าเต๋าเจิ้งเทียนมีโถงศักดิ์สิทธิ์ไว้ครอบครอง ดังนั้นการกำจัดตระกูลเต๋านั่นเป็นไปไม่ได้เลย เขายังคงไม่ได้ครอบครองพลังมหาศาลขนาดที่จะทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ได้ สิ่งที่เขาทำวันนี้คือการเก็บหนี้บางส่วนของตระกูลเต๋าที่เป็นหนี้เผ่าเต่าและทำให้เหล่าพันธมิตรได้ชดใช้สำหรับความพินาศที่พวกเขาได้ก่อขึ้นในหลายวันก่อน
โถงศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปในอากาศพร้อมกับเหล่าจอมยุทธองเผ่าเต่า หลังจากมั่นใจแล้วว่าพวกเขาจะไม่กลับมา เต๋าเจิ้งเทียนก็เก็บโถงศักดิ์สิทธิ์กลับไป อย่างไรก็ตามมีเพียงเซียนราชาเท่านั้นที่เหลือรอดออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ เต๋าเจิ้งเทียนไม่กล้าปล่อยให้บรรดาพรรคพวกของเขาออกไปเพราะกลัวว่าเจี้ยนเฉินจะกลับมาแก้แค้น
เต๋าเจิ้งเทียนบินขึ้นไปบนอากาศอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับจอมยุทธอีก 4 คน ขณะที่พวกเขาจ้องมองแผ่นดินของตระกูลเต๋าที่ถูกทำลายไป พวกเขาทั้งหมดโศกเศร้าและได้รับผลกระทบทางอารมณ์อย่างหนัก
ศพผู้คนจากตระกูลเต๋าเกลื่อนกลาดไปทุก ๆ ที่ในซากปรักหักพังที่ยุ่งเหยิง คนเหล่านั้นทั้งหมดตายจากระลอกคลื่นของการต่อสู้ที่เกิดจากการต่อสู้ระหว่างเซียนราชา และท่ามกลางเหล่าศพเหล่านั้นก็สนิทสนมกับเซียนผู้คุมกฎทั้ง 10
เต๋าเจิ้งเทียนมองกวาดไปที่ซากปรักหักพังในขณะที่สีหน้าของเขามืดมน มือของเขากำแน่นราวกับเปลวไฟที่มาพร้อมกับความเสียใจที่มากล้น
กลุ่มของเขาสูญเสียมากระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ พรรคพวกกว่าครึ่งหนึ่งตายและแทบจะไม่มีชนชั้นนำหลงเหลืออยู่เลย แม้แต่สองในสามของเซียนผู้คุมกฎก็ได้ตายไปพร้อมกับเต๋าหลินที่เป็นเซียนราชา
เมื่อเทียบกับตระกูลเต๋าแล้ว การสูญเสียของเผ่าเต่ามันเทียบกันไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามอำนาจหลักของเขาก็ยังคงหลงเหลืออยู่
“พวกเราตัดสินความแข็งแกร่งของเผ่าเต่าผิดไป พวกเราไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เผ่าเต่าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นแบบนี้ต่อไปแน่ ตระกูลไท่ยี่ของข้าไม่มีโถงศักดิ์สิทธิ์ เต๋าเจิ้งเทียน ข้าจำเป็นต้องกลับตระกูลทันทีเลยและหาทางในการหลีกเลี่ยงการแก้แค้นจากเผ่าเต่า” ไท่ตงยี่แจ้งเขาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ข้าต้องกลับไปแก้ปัญหานี้เช่นกัน ไม่งั้นแล้วเผ่าเต่าจะกำจัดตระกูลไคเอิ๋นได้ง่าย ๆ ด้วยพลังที่พวกเขาเพิ่งแสดงให้เห็นไป” บรรพบุรุษของตระกูลไคเอิ๋นพูด ใบหน้าของเขาค่อนข้างซีดและเขารู้สึกเสียใจอย่างมากกับการที่เขาได้เข้าร่วมด้วย ถ้าเขารู้มาก่อนว่าเผ่าเต่าแข็งแกร่ง เขาก็คงจะยกเหมืองผลึกที่เขาเพิ่งยึดมาจากเผ่าเต่าให้โดยดีแล้ว
“เฮ้ออ” บรรพบุรุษของตระกูลม่อซินถอนหายใจขณะที่ความวิตกเต็มสีหน้าของเขาเช่นกัน เขาตำหนิตัวเองในใจอย่างต่อเนื่อง แต่เดิมแล้ว ตระกูลของเขาไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ แต่เขาโลภมากกับแหล่งเงินที่เผ่าเต่าได้ครอบครองไว้ ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยกับการแต่งงานกับตระกูลเต๋าซึ่งมันทำให้เขาเข้าร่วมกับตระกูลเต๋าเพื่อจัดการกับเผ่าเต่า
“ทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะความโลภของข้า” บรรพบุรุษผู้นั้นลอบถอนใจ ด้วยทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ เขารู้ว่าตระกูลของเขาได้ผูกมัดเข้ากับตระกูลเต๋าเรียบร้อยแล้ว จะมาเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว
“ทุกคน เรากลายเป็นปรปักษ์กับเผ่าเต่าอย่างสิ้นเชิงแล้ว การหนีนั้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เผ่าเต่าจะไม่ยอมปล่อยเราไปอีกแน่ มารวมตัวกันตอนนี้และปกป้องกันและกันด้วยโถงศักดิ์สิทธิ์ของข้า เราสามารถพัฒนาแผนอย่างช้า ๆ เพื่อรับมือกับเผ่าเต่าได้” เต๋าเจิ้งเทียนพูด เขารู้ว่าจอมยุทธรอบ ๆ เขาเป็นตัวแทนของกองกำลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก พวกเขาจะใช้สิ่งนี้ในการรับมือกับเผ่าเต่า ดังนั้นแล้วเขาจึงจำเป็นต้องให้พวกเขาอยู่ต่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
หลังจากพิจารณาทางเลือก เซียนราชาคนอื่น ๆ ทั้งหมดต่างก็พยักหน้าก่อนที่จะกลับตระกูลของพวกเขาเพื่อเตรียมการบางอย่าง หลังจากนั้นพวกเขาก็ส่งกองกำลังยอดเยี่ยมของตระกูลของตนเองเช่นเดียวกับลูกหลานของพวกเขาไปหาตระกูลเต๋า สำหรับพรรคพวกที่ไม่ได้ส่งคนมาที่ตระกูลเต๋าทั้งหมดต่างถูกไล่ออก ทำให้พวกเขาต้องหลบซ่อนตัวเองในหลาย ๆ ที่รอบ ๆ อาณาจักรทะเล มันไม่ได้เป็นปัญหากับพวกเขาอีกต่อไปถ้าคนของเผ่าเต่าจะตัดสินใจล่าพวกเขาหรือไม่ก็ตาม
โถงศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ได้ตั้งตระหง่านอย่างเงียบ ๆ ในศูนย์กลางของอาณาเขตศาลาวิญญาณสวรรค์ โถงศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่มีอยู่ระดับสูงสุดภายในพื้นดินเพราะว่ามันเป็นที่ซึ่งผู้คุมกฎอาศัยอยู่
ในตอนนี้ ภาพมายาของชายวัยกลางคนกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ในห้องที่ตกแต่งสวยที่สุด เขาเป็นภาพที่ถูกฉายโดยวิญญาณที่ทรงพลัง
“ท่านเจ้าศาลา ข้าได้กลับมาจากการสำรวจในทวีปเทียนหยวน คนผู้นั้นชื่อเจี้ยนเฉิน และเขาเป็นที่รู้จักในทวีปเทียนหยวน เขาเป็นผู้มีความสามารถพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาได้ตัดผ่านเป็นเซียนผู้คุมกฎในเวลาน้อยกว่า 50 ปีของการฝึกฝน ในท้ายที่สุดเนื่องจากหลายเรื่องที่ขึ้นกับสัตว์เทวะโบราณ เขาได้ถูกไล่ล่าจากจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงซ่อนตัวในอาณาจักรทะเล ระหว่างเวลานั้นเขาช่วยเหลือเผ่าแห่งความกล้าในการรับมือกับเผ่าเมิ่งหวงและได้เกิดสังหารทูตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษผู้ที่ครอบครองผลึกอเวจี เขาได้รับผลึกจากที่นั่นและหนีเข้าไปในทวีปของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล จากนั้นก็ลงท้ายด้วยปราณของผู้คุมกฎเผ่าเต่าด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้และกลายเป็นผู้คุมกฎของพวกเขา”
ภาพมายาของชายบนบัลลังก์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะจะเป็นสัตว์อสูรโบราณที่ได้ก้าวข้ามผ่านเซียนราชา พวกมันทั้งหมดก็ไม่มีอะไรเลยที่ต้องไปทำในอาณาจักรทะเล สิ่งที่ทำให้เขาสนใจคือ เจี้ยนเฉิน ครอบครองปราณของผู้คุมกฎเผ่าเต่าได้อย่างไรในเมื่อแท้จริงแล้วเขาเป็นมนุษย์
ชายแก่พูดต่อ ” ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาว่า เจี้ยนเฉินได้ปรากฏตัวในทวีปเทียนหยวนครั้งแล้วครั้งเล่าและความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงระดับเซียนราชา อย่างไรก็ตามเขาก็ปรากฏเป็นครั้งคราวในอาณาจักรทะเล และอาณาจักรทะเลก็อนุญาตให้แค่คนนอกที่ต่ำกว่าระดับเซียนราชาเข้าไป ทันทีที่พวกเขาถึงระดับเซียนราชา การเข้าไปในนั้นก็จะถูกปฏิเสธ แต่เจี้ยนเฉินผู้นี้ดูเหมือนจะเข้าออกไปได้สบาย ๆ ราวกับว่าม่านพลังไม่สามารถทำอะไรเขาได้”
“แต่เดิมแล้วข้าเชื่อว่าเจี้ยนเฉินที่ปรากฏตัวในทวีปเทียนหยวนและผู้คุมกฎของเผ่าเต่านั้นทั้งสองคนเป็นคนละคนกัน แต่เมื่อข้าวินิจฉัยตอนที่เจี้ยนเฉินและผู้คุมกฎของเผ่าเต่าปรากฏตัวและหายไป มันสอดคล้องกันได้อย่างสมบูรณ์ซึ่งมันทำให้ข้าแปลกใจ ทุกครั้งที่เจี้ยนเฉินปรากฏตัวบนทวีปเทียนหยวน ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าก็จะหายไป อีกเรื่องที่สำคัญกว่าคือการเพิ่มขึ้นในความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินนั้นสอดคล้องกับผู้คุมกฎของเผ่าเต่าเลย ดังนั้นข้าจึงคิดว่าผู้คุมกฎของเผ่าเต่าและเจี้ยนเฉินต้องเป็นคน ๆ เดียวกันเป็นแน่”
เจ้าศาลาวิญญาณสวรรค์ยิ้มและพูด “ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ชื่อของเขาและการปรากฏตัวของเขาก็ลงตัวเช่นกัน ไม่มีความจำเป็นต้องเดาอีกต่อไป พวกเขาเป็นคน ๆ เดียวกันแน่นอน ถ้าข้าเดาถูกละก็ ปราณของผู้คุมกฎที่ เจี้ยนเฉินมีก็จะอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงสามารถผ่านเข้าไปในม่านพลังของอาณาจักรทะเลได้อย่างง่ายดาย”
ชายแก่คุกเข่ากับพื้นและเงียบไป
เจ้าศาลาโบกมือ ” เจ้าออกไปได้แล้ว ส่งทูตไปที่เผ่าเต่าในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลด้วย บอกเขาว่าข้าเชิญเขามาที่ศาลาวิญญาณสวรรค์ของข้าในฐานะแขก”
“รับทราบขอรับท่านเจ้าศาลา ! ”
ภายในพริบตา 5 วันผ่านไปนับตั้งแต่การต่อสู้ของเผ่าเต่าและตระกูลเต๋า ระหว่าง 5 วันนั้นเจี้ยนเฉินได้นำกลุ่มจอมยุทธจากเผ่าเต่าเข้าไปเยี่ยมตระกูลทั้งหมดของเหล่าพันธมิตรที่ได้เข้าร่วมกับตระกูลเต๋า เจี้ยนเฉินกำจัดพวกเขาอย่างไร้ความปราณีเหลือเพียงไว้แต่ทหารที่บริสุทธิ์และบ่าวรับใช้
ไม่เพียงแต่เผ่าเต่าจะเอาเหมืองผลึกกลับมาทั้งหมดที่พวกเขาเสียไปในหลายวันก่อน แต่พวกเขายังได้เหรียญผลึกมากมายและสิ่งของมีค่ามากมายจากตระกูลเหล่านั้นอีกด้วย
แม้แต่ตระกูลม่อซินที่ยิ่งใหญ่ก็ลดการป้องกันของเขาลง สิ่งของทั้งหมดที่สามารถยึดกลับมาได้ถูกยึดกลับในขณะที่เหล่าลูกหลานและชนชั้นนำต่างหายไป พวกเขาทั้งหมดทิ้งไว้เพียงคนที่สถานะต่ำกว่าเท่านั้น
เจี้ยนเฉินรู้ว่าตระกูลม่อซินและตระกูลอีก 3 ตระกูลได้ละทิ้งที่อยู่ของเขาที่พวกเขาได้ก่อตั้งขึ้นมาด้วยความยากลำบาก พวกเขาทั้งหมดนำทางจอมยุทธของพวกเขาและชนชั้นนำเข้าร่วมกับตระกูลเต๋า
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาไม่สามารถกำจัดตระกูลเต๋าได้ตอนนี้ ดังนั้นมันไม่เป็นไรถ้าเขาจะปล่อยให้พวกนั้นมีชีวิตต่อไปสัก 2-3 วัน ทันทีที่เขาได้รับพลังเพื่อทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเต๋า เขาก็จะกำจัดศัตรูทั้งหมดของเขาให้หมดไป
การต่อสู้ระหว่างเผ่าเต่าและตระกูลเต๋าครอบคลุมไปทั่วทวีปของศาลาเทพเจ้าทะเล คนทั้งหมดต่างตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของเผ่าเต่า ในเวลาเดียวกัน ตระกูลใหญ่ ๆ ทั้งหมดในทวีปนี้เริ่มกลัวพวกเขาแล้ว
ในวันนี้ เจี้ยนเฉินกำลังอภิปรายเรื่องการพัฒนาในอนาคตของตระกูลพร้อมกับเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเต่า จู่ ๆ ยามก็วิ่งเข้ามาและคุกเข่า “ผู้คุมกฎ ศาลาวิญญาณสวรรค์ได้ส่งทูตเข้ามาขอรับ เขาพูดว่าเขาถูกส่งมาโดยท่านเจ้าศาลาซึ่งเขาต้องการเจอท่านผู้คุมกฎ ! “