ซุ๋นหวู่หยายิ้มพลางพยักหน้า เขาไม่ได้ใส่ใจพิธีรีตองพิเศษอะไรมากนัก ยกมือขึ้นแล้วนำป้ายบัญชาการหนึ่งยื่นไปให้หลัวซิวพลางพูด: “ในเมื่อเจ้ากราบไหว้ข้าเป็นอาจารย์ นี่ถือว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจารย์มอบให้แก่เจ้า”

ป้ายบัญชาการนี้ดูเหมือนจะธรรมดาทั่วไปมาก แต่มันกลับมีชื่อที่โด่งดังมาก ๆ และมันมีนามว่าบัญชาอมตะ

ศิษย์ที่ครอบครองบัญชาอมตะสามารถไปเลือกพลังอมตะหนึ่งพลัง จากพลังอมตะทั้งหมด 43 พลังของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินในหอไตรได้!

“ขอบคุณอาจารย์มากขอรับ”หลัวซิวกล่าวขอบคุณ เขาจะปรับปรุงทำให้หมื่นจักรวาลไร้รูปสมบูรณ์แบบขึ้น เรียนรู้พลังอมตะยิ่งเยอะยิ่งดี การที่ได้รับพลังอมตะเพิ่มขึ้นหนึ่งพลังนั้น เป็นสิ่งที่ดีไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“เจ้าไปเตรียมตัวก่อน เสร็จแล้วก็มาเปิดถ้ำเพ็ญตนใหม่ที่เขาทิพย์ของอาจารย์”

ซุ๋นหวู่หยาพยักหน้า จากนั้นร่างแยกดังกล่าวก็หายไปในทันที

“หลัวซิว พี่จื่อเยียนคาดหวังในตัวเจ้าสูงมาก ๆ หวังว่าเจ้าจะตั้งใจฝึกตนดี ๆ อย่าทำให้นางผิดหวังในตัวเจ้าล่ะ”ซุ๋นหวู่หยาก็ได้พูดกับหลัวซิวเช่นกัน ก่อนที่นางจะหันหลังแล้วจากไป

การจากไปของผู้แข็งแกร่งเทพมารทั้งสองคน ทำให้หลัวซิวโล่งอกขึ้นมาสักที พี่น้องตระกูลซุ๋นนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ไม่ใช่เทพมารธรรมดาทั่วไป ต่างเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงปลาย เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับนี้แล้ว มันก็ยังทำให้คนรู้สึกอึดอัดมาก ๆ อยู่ดี

“ยินดีกับท่านนายด้วยนะขอรับ ที่ได้กลายเป็นศิษย์ใจกลางของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน!”

หลังจากที่พี่น้องตระกูลซุ๋นจากไปแล้ว จินเฟยเทียนเห็นว่าหลัวซิวลงมา จึงรีบเดินขึ้นไปพูดด้วยใบหน้าที่เคารพนอบน้อม

สำหรับเขาแล้ว เมื่อตำแหน่งและศักยภาพของหลัวซิวยิ่งสูง ตัวเองก็จะได้รับผลดีไปด้วยโดยปริยาย และยิ่งมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

ต้องท้าวความก่อนว่ากองกำลังใหญ่ ๆ อย่างสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน เป็นกองกำลังที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับตัวตน ยกตัวอย่างเช่นเมื่อศิษย์นอกสำนักเห็นศิษย์ในสำนักต้องคารวะ ต้องแทนฝ่ายตรงข้ามว่าศิษย์พี่ เมื่อศิษย์ในสำนักเห็นศิษย์ใจกลาง ก็ต้องทำแบบเดียวกันเช่นกัน ความสูงต่ำถูกแบ่งไว้ชัดเจนมาก

จินเฟยเทียนก็ถือเป็นสัตว์ขี่ของหลัวซิวอยู่ ปัจจุบันหลัวซิวกลายเป็นศิษย์ใจกลาง เขาก็ลืมตาอ้าปากในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินได้แล้ว แม้นจะเป็นศิษย์ในสำนักก็มิกล้าดูถูกเขา

“เก็บของแล้วไปที่เขาสุดหล้าพร้อมกับข้า”หลัวซิวปัดมือไล่จินเฟยเทียนลงไป

หลังจากที่ผ่านไปสักพัก เสียงคำรามของมังกรก็ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น มังกรทองที่ยาวสามร้อยกว่าเมตรกำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า โดยที่มีถังหยุนและหลัวซิวยืนอยู่บนหัว กำลังบินตรงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของสำนักเขาที่กว้างใหญ่ไพศาลในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน

ผ่านไปไม่นานนัก เขาทิพย์ที่สูงเทียมเมฆก็ปรากฏอยู่ในวิสัยทัศน์ ยอดเขาเขาทิพย์ลูกนี้กว้างโปร่งมาก ราวกับหอคอยสูงหนึ่งหอ เรียกมันว่าสุดหล้า

เขาสุดหล้านี่ก็คือที่แห่งการฝึกตนของซุ๋นหวู่หยานั่นเอง ภายในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน มีเพียงฝึกตนถึงผู้แข็งแกร่งแดนเทพมารแล้ว ถึงจะมีสิทธิ์ครอบครองเขาทิพย์หนึ่งลูกในเขตศูนย์กลาง สามารถรับลูกศิษย์และถ่ายทอดองค์ความรู้

ปราณทิพย์ฟ้าดินในเขตศูนย์กลางเข้มข้นกว่า แม้จะแค่สูดหายใจเข้าไปแค่ครั้งเดียว ก็สามารถทำให้คนรู้สึกสบายอารมณ์เหมือนเส้นเลือดทั้งร้อยในร่างกายเชื่อมทะลุถึงกัน ถ้ายอดฝีมือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ฝึกตนอยู่ใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ประสิทธิผลก็แทบจะเทียบเท่ากับการฝึกตนโดยการใช้ยา เพราะฉะนั้นศิษย์ใจกลางเหล่านั้นถึงสามารถบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายได้ โดยที่อายุของแต่ละคนยังหนุ่มสาวอยู่

เพราะนอกจากพวกเขาจะมีสภาพแวดล้อมการฝึกตนที่ดีเลิศแล้ว พรสวรรค์และสติปัญญาของพวกเขาก็อยู่ในระดับที่สูงมาก ๆ เช่นกัน อยากทำให้ความเร็วในการฝึกตนช้าลงยังเป็นเรื่องยากเลย

ลูกศิษย์ของซุ๋นหวู่หยามีไม่มาก มีเพียงสามคนเท่านั้น นอกจากศิษย์พี่ใหญ่หลิงเฟิงแล้ว ยังมีลูกศิษย์อีกสองคน ปัจจุบันทั้งสองไม่ได้อยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ต่างฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ข้างนอก

หลัวซิวเป็นลูกศิษย์คนที่สี่ของซุ๋นหวู่หยา เมื่อเขาไปถึงเขาสุดหล้า ก็มีคนใช้สาวและคนรับใช้กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ ต้อนรับเขาเข้าสู่ถ้ำที่ใหม่เอี่ยมถ้ำหนึ่ง

ถ้ำแห่งนี้กว้างใหญ่กว่าถ้ำก่อนหน้านี้ของหลัวซิวมาก ๆ อีกทั้งมีการจัดวางค่ายกลระดับเทพที่ใช้สำหรับรวมปราณทิพย์ หมอกที่อยู่ภายในรวมตัวกันจนสภาพกลายเป็นของเหลว ก่อตัวเป็นสระทิพย์ หากแช่อยู่ในสระทิพย์แล้วฝึกตน ประสิทธิภาพในการฝึกตนก็จะดีกว่าการใช้ยาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์มาก ๆ