ตอนที่ 1239: การแสดงความยินดีจากทุกแห่งหน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1239: การแสดงความยินดีจากทุกแห่งหน

“ผู้อาวุโสสูงสุดเทียนเจี้ยนได้ไปถึงขั้นสูงสุดของเซียนราชาเมื่อหลายปีมาก่อน แต่เขาไม่เคยสามารถที่จะก้าวข้ามผ่านกำแพงขั้นสุดท้ายได้เลย ตอนนี้เขาได้เข้าสู่ช่วงท้ายของชีวิตที่เหลือเพียง 100 ปีเท่านั้น เทียนเจี้ยน ผู้อาวุโสสูงสุดได้ก้าวลงจากตำแหน่งของเขาทันทีและออกจากเมืองทหารรับจ้างเพื่อที่จะหาหนทางในการตัดผ่านไปถึงเซียนจักรพรรดิ จนถึงตอนนี้เมฆสีรุ้ง 9 สีได้ทอดผ่านลงมาแล้ว นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีบางคนได้ก้าวไปเป็นเซียนจักรพรรดิได้แล้ว ใช่ผู้อาวุโสสูงสุดเทียนเจี้ยนหรือไม่ ? ” คนที่พูดเป็นชายแก่ เขาเคยเป็นผู้อาวุโสของเมืองทหารรับจ้าง แต่หลังจากเทียนเจี้ยนสละตำแหน่ง เขาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุด ตอนนี้เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองนี้และยังมีความแข็งแกร่งชั้นสวรรค์ที่ 9 และอยู่ไม่ไหลจากขั้นสูงสุด

ขณะที่เทียนเจี้ยนซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างได้ลาออกจากตำแหน่ง

“ผู้อาวุโสสูงสุดเทียนเจี้ยนเพิ่งจะออกจากเมืองไปไม่นานมานี้เอง ข้าไม่คิดว่าเขาจะตัดผ่านเป็นเซียนจักรพรรดิได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้” ชายวัยกลางคนสวมผ้าคลุมสีแดงพูด เขาเป็นผู้อาวุโสเซียนราชาของเมือง

“จำนวนของเซียนราชาในขั้นสูงสุดของทวีปนี้สามารถนับนิ้วได้เลย ถึงแม้ว่าเราจะรวบรวมเหล่าผู้ฝึกฝนที่ใช้เวลาทั้งหมดของพวกเขาอยู่ในภูเขา แต่มันก็ยังมีน้อยกว่า 20 คน สำหรับผู้อาวุโสสูงสุดเทียนเจี้ยนแล้ว พรสวรรค์ของเขาช่างยิ่งใหญ่อย่างมาก และเขาได้อ่านประสบการณ์การฝึกฝนตนเองและความรู้ต่าง ๆ ของบรรพบุรุษเซียนจักรพรรดิมากมายในเมืองทหารรับจ้าง มันเป็นไปได้สำหรับเขาในเรื่องนี้ที่จะไปถึงระดับเซียนจักรพรรดิ เขาอาจจะออกจากเมืองไปโดยตั้งใจเพื่อที่จะหาบางสิ่งในการกระตุ้นการตัดผ่านของเขา” ผู้อาวุโสเซียนราชาที่ดูธรรมดา ๆ ผอมแห้งได้กล่าว เขารู้สึกชื่นชมเทียนเจี้ยน

ในตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดพูดว่า ” เอาล่ะ เลิกเดาได้แล้ว ในขณะที่มีคน ๆ หนึ่งสามารถก้าวผ่านการฝึกฝนของเขาได้แล้ว มันจะก่อเกิดการสั่นสะเทือนอย่างน่าพิศวงของโลกที่จะกระจายไปทั่วทวีป ทั้งหมดที่พวกเราควรทำคือหาจุดศูนย์กลางของการสั่นและจากนั้นเราก็จะได้รู้ว่าใครเป็นผู้ที่ตัดผ่านไปได้”

เมฆ 9 สี ได้ก่อตัวขึ้นไปทั่วทวีป แม้ว่าแม้ว่าการมองเห็นได้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนและความหวาดกลัวในหมู่ผู้ที่อ่อนแอของทวีป แต่เรื่องนี้มีอิทธิพลต่อเซียนผู้คุมกฎและเซียนราชาส่วนมาก เซียนราชาทั้งหมดในทวีปพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาความสงบของพวกเขาในขณะที่พวกเขาจ้องมองเมฆสีสันสดใสด้วยความตื่นเต้น ความอิจฉาและโหยหาอย่างที่สุดซึ่งเปิดเผยมาจากสายตาของพวกเขา พวกเขาต่างก็อยากรู้ว่าใครกันที่ตัดผ่าน

10,000 กิโลเมตรห่างออกไปจากเมืองแห่งเทพเจ้า มีกระท่อมไม้ตั้งตระหง่านอยู่บนสูงสุดของยอดเขา สายลมพัดปลิวกระหน่ำ ทำให้เกิดเสียงเสียดสีกัน แต่มันไม่สามารถพัดกระท่อมไม้หลังนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ในตอนนี้เฮาหวู่กำลังยืนกอดอกอยู่ข้างนอกกระท่อม เขาจ้องไปที่ก้อนเมฆที่ก่อตัวขึ้นไปทั่วโลกอย่างสนใจในขณะที่บ่นพึมพำ “ในที่สุดก็มีคนสามารถก้าวขึ้นเป็นเซียนจักรพรรดิในทวีปนี้ได้อีกครั้งแล้วสินะ” ดวงตาของเฮาหวู่เปล่งประกาย เผยให้เห็นถึงความอิจฉาของเขา ขอบเขตของเซียนจักรพรรดินั้นเป็นสิ่งที่ล่อใจอย่างทนไม่ได้สำหรับเซียนราชาทุกคน

อย่างไรก็ตาม เขาดูเหมือนจะคิดบางอย่างขึ้นมาไม่นานหลังจากนั้น ความปรารถนาในแววตาของเขาได้หายไป มันถูกแทนที่โดยความโดดเดี่ยวและเศร้าโศก เขาหันหลังกลับไปและเข้าไปที่กระท่อมไม้ นั่งลงบนเตียงที่อยู่ข้าง ๆ เขาพร้อมกับจับมือที่ขาวนวลของ ซาร์ไคหยุน เขาพูดอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ว่า ” ข้าไม่ได้ปรารถนาที่จะเป็นเซียนจักรพรรดิเลยในชีวิตนี้ ปรารถนาเพียงแค่ให้ไคหยุนตื่นขึ้นมาโดยเร็วก็เท่านั้น ”

สถานการณ์ของซาร์ไคหยุนเกิดขึ้นโดยการพยายามฆ่าตัวตายของนางเอง นางทำร้ายวิญญาณของนางและดับมันลงด้วยตัวของนางเอง ซึ่งไม่ได้ทิ้งบาดแผลใด ๆ ลงบนร่างกายของนางเลย ตามผลที่เกิดขึ้นแล้ว เฮาหวู่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเนื่องจากบาดแผลของวิญญาณเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการจัดการกับมัน

เมฆ 9 สีได้ปกคลุมไปทั่วอากาศไปกว่าครึ่งวันก่อนที่การสั่นไหวที่ทรงพลังของโลกจะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ซึ่งมันกระจายไปในระยะทางที่ไกลอย่างรวดเร็ว

การสั่นสะเทือนอยู่ในระดับของเซียนจักรพรรดิและมันเกิดขึ้น ณ สถานที่ซึ่งคนผู้นั้นสามารถตัดผ่านไปได้ มันยังแสดงเป็นสัญลักษณ์ของการตัดผ่านเป็นเซียนจักรพรรดิอีกด้วย

“ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน ไปดูกันหน่อยดีกว่า” ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างได้เรียกกลุ่มคนและให้รีบเปิดประตูมิติออกทันทีก่อนที่จะรีบไปที่นั่นพร้อมกันกับทุก ๆ คน

“ในที่สุดเราก็รู้แล้วว่าคนผู้นั้นอยู่ที่ไหน ไปดูกันว่าใครกันแน่ที่ก้าวไปถึงจุดนั้นได้ ! ” ไม่เพียงแต่ตระกูลเจียงหยางเท่านั้นที่รู้ แต่เซียนราชาทั้งหมดจากตระกูลอื่น ๆ อีก 9 ตระกูลก็เคลื่อนที่ออกไปที่นั่นเช่นกัน มุ่งหน้าไปที่ซึ่งการสั่นสะเทือนเกิดขึ้น

ในยุคปัจจุบันนี้ การตัดผ่านเป็นเซียนจักรพรรดิในทวีปเทียนหยวนเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ๆ ดังนั้นแล้ว การมีอยู่ของคนผู้นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญต่อทวีปนี้ การเกี่ยวเนื่องของเขาสามารถส่งผลกระทบได้ในอนาคต ถ้าเขาเป็นคนดีก็จะเห็นได้ชัดว่าจะเกิดเรื่องดีสำหรับทวีปแห่งนี้ แต่ถ้าเขาเป็นคนเลว มันก็จะสามารถนำหายนะมาสู่ทวีปนี้ได้

เซียนราชาในจักรวรรดิทั้งสาม ในตระกูลโบราณก็กระจายตัวกันไปและรีบเปิดประตูมิติเพื่อที่จะไปที่ซึ่งการสั่นสะเทือนเกิดขึ้น รวมถึงเจียงหยางซูเซียวและเจียงหยางซูหยวนเซียวแห่งตระกูลเจียงหยาง ผู้ที่มองไปรอบ ๆ พระราชวังของอาณาจักรเกอซุน

ฮุสตันยังคงลอยอยู่บนอากาศเหนือภูเขา เมฆหมอกสีแดงรอบ ๆ ตัวเขาได้หายเข้าไปในร่างกายของเขาในขณะที่เขาแผ่พลังแห่งการมีอยุ่ออกมา การปลดปล่อยพลังแห่งการมีอยู่ของเขาออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้มิติรอบ ๆ ข้างสั่นสะเทือนอย่างร้ายแรง มันเป็นอะไรที่ทรงพลังอย่างยิ่ง

เมื่อฮุสตันรู้สึกถึงพลังที่มากับการตัดผ่านเป็นเซียนจักรพรรดิได้ เขาก็อดถอนหายใจอย่างซาบซึ้งในใจของเขาได้ พลังของเซียนจักรพรรดิเป็นสิ่งที่เทียบกับเซียนราชาขั้นสูงสุดไม่ได้เลย แม้ว่าเขาจะพึ่งเป็น แต่เขาก็รู้สึกถึงพลังที่เขาครอบครองซึ่งมันเพียงพอที่จะบดขยี้เซียนราชาขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย

เขาได้เรียนรู้ความลับที่น่าตกใจมากมายจากหินปีศาจชั้นฟ้าหลังจากที่สามารถเป็นเซียนจักรพรรดิได้ เพราะว่าเขาสามารถมองเห็นโลกใหญ่กว่าเดิมผ่านหินนั้น

“เจียนเฉินได้มอบโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่กับข้า เซียนจักรพรรดิเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการฝึกฝนเท่านั้น เส้นทางในอนาคตยังคงอีกยาวไกล” ฮุสตันคิด การตัดผ่านเป็นเซียนจักรพรรดิเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่อดชื่นชมไม่ได้ แต่ฮุสตันก็ยังคงสงบสติลง

มิติรอบ ๆ เริ่มสั่นสะเทือนเพราะประตูมิติ หลังจากประตูมิติได้ปรากฏออกมา เซียนราชาได้ปรากฏตัวออกมาและพวกเขาก็ไม่ได้ลดพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาลงเลย พวกเขาปรากฏตัวออกมาเหมือนคนธรรมดา เช่นเดียวกับเซียนราชาจากตระกูลผู้พิทักษ์และเมืองทหารรับจ้างก็เป็นเช่นนั้น

ไม่นาน เซียนราชากว่า 200 คนในมิตินั้นได้รวมตัวกัน พวกเขาทั้งหมดได้มองไปที่ฮุสตันทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวออกมาจากประตูมิติซึ่งแต่ละคนไม่สามารถหันความสนใจไปที่อื่นได้เลย พวกเขาทั้งหมดเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเซียนจักรพรรดิที่แท้จริงกำลังนั่งต่อหน้าพวกเขาจากพลังแห่งการมีอยู่ที่น่ากลัวที่ฮุสตันได้ปล่อยออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

“ฮุสตัน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะตัดผ่านเป็นเซียนจักรพรรดิ” ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างพูดออกมาอย่างแปลกใจ เขาเคยคิดเกี่ยวกับคนที่สามารถกลายเป็นเซียนจักรพรรดิได้ก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนผู้นั้นจะเป็นนักฆ่า อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงจากหลายพันปีก่อนได้ส่งผลอย่างมากมายต่อฮุสตัน

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างก็รู้สึกค่อนข้างผิดหวังหลังจากรู้แล้วว่าคนๆนั้นคือใคร เพราะว่าเขาไม่ใช่ผู้อาวุโสสูงสุด เทียนเจี้ยน

“ยินดีด้วย ท่านหัวหน้านิกายฮุสตัน สำหรับการตัดผ่านเป็นเซียนจักรพรรดิได้และได้ไปถึงจุดสูงสุดของทวีปเทียนหยวน ในที่สุดเซียนจักรพรรดิคนที่ 2 ก็ปรากฏตัวบนทวีปเทียนหยวนของพวกเราถัดจากมารราคะ” หัวหน้าอารามจิตพิสุทธิ์ได้แสดงความยินดีกับฮุสตันเป็นคนแรกพร้อมกับรอยยิ้ม

” ยินดีด้วย หัวหน้านิกายฮุสตัน”

หลังจากนั้นเซียนราชาทั้งหมดก็เดินมาตรงหน้าเขาและร่วมแสดงความยินดี ทุกคนยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ในยุคที่ขาดแคลนเซียนจักรพรรดิ แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ที่มีมรดกมากมายก็ไม่อยากจะขัดใจพวกเขาสักเท่าไหร่

“ทะ ท่าน ท่านกลายเป็นเซียนจักรพรรดิจริง ๆ เหรอ ? ” น้ำเสียงตื่นเต้นดังมาจากข้างหลังของทุก ๆ คน รองหัวหน้านิกายดาบโลหิต เจียงหวัง ได้ฝ่าฝูงชนมาข้างหน้าในขณะที่มองฮุสตันอย่างตื่นเต้น

ความตื่นเต้นของเจียงหวัง ได้ถึงขึ้นสูงสุดหลังจากได้รู้ว่าฮุสตันได้ตัดผ่านเป็นเซียนจักรพรรดิ

ในที่สุดฮุสตันก็ลืมตาขึ้นมา เขาพยักหน้าไปที่เจียงหวัง ” ข้าขอบคุณสำหรับการยินดีของเจ้า” ฮุสตันพูดอย่างใจเย็น โดยไม่มีความตื่นเต้นใด ๆ เลยหลังจากที่เขาไปถึงระดับเซียนจักรพรรดิ

“ฮุสตันได้กลายเป็นเซียนจักรพรรดิที่รุ่งเรือง เขาได้กลายเป็นคนที่สองของทวีป ถึงกระนั้นเขาก็ยังสงบสติอารมณ์ของเขาได้ แค่นี้เขาก็ก้าวข้ามผ่านเราไปเรียบร้อยแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฮุสตันถึงเป็นเซียนจักรพรรดิได้ ฉะนั้นแล้วสภาวะจิตใจของเขาคงถึงในระดับที่เหนือกว่าพวกเราไปแล้ว” เซียนราชาชื่นชม ซึ่งมันทำให้หลายคนเห็นด้วย

ฮุสตันยิ้มและพูดว่า “ไม่มีการสิ้นสุดของการพัฒนาหรอกนะ เซียนจักรพรรดิเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ดังนั้นแล้วจึงไม่มีเรื่องที่น่าภูมิใจอะไรเลย เราต้องเข้าใจว่ามันจะมีคนที่ยิ่งใหญ่กว่าเราขึ้นมาอยู่เสมอ”

ทุก ๆ คนต่างอึ้งกับสิ่งที่ฮุสตันพูด เซียนจักรพรรดิเป็นเพียงจุดเริ่มต้นจริง ๆ เหรอ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฮุสตันพูดเช่นนี้ละก็ ก็คงมีคนด่าไปเรียบร้อยแล้ว

“ทุก ๆ คน ข้ายังคงมีเรื่องที่ต้องทำอยู่ ดังนั้นข้าขออำลา” ฮุสตันไม่ได้บอกรายละเอียดอธิบายเพิ่มเติมใด ๆ เขาเปิดประตูมิติและจากไป

เขาได้รู้ข้อมูลมากมายจากหินปีศาจชั้นฟ้าด้วยการตัดผ่านของเขา ไม่เพียงแต่เขาเข้าใจว่าเซียนจักรพรรดิเป็นจุดเริ่มต้น แต่เขายังเรียนรู้ทักษะลับที่น่าตกใจบางอย่าง แม้ในฐานะเซียนจักรพรรดิ เขาก็ใช้ทักษะลับนี้ได้อย่างยากลำบาก ระดับของเขาได้ก้าวข้ามทักษะการต่อสู้ระดับเซียนไปแล้ว

3 วันต่อมา ฮุสตันได้รวมการฝึกฝนของเขาเป็นหนึ่งและได้รับพื้นฐานบางอย่างของทักษะลับ จากนั้นเขาก็ไปที่รังมรณะ

” มันอยู่ที่นี่ ที่นี่คือรังมรณะ แปลกมาก ๆ ทำไมหินปีศาจชั้นฟ้าถึงกำลังบอกกับข้าว่ารังมรณะกำลังเรียกหาข้ากัน ? ” ฮุสตันหยุดอยู่ข้างนอกรังมรณะและสงสัยหนักกว่าเดิม