บทที่ 1170 จะตายแล้ว เธอยังหัวเราะได้อีก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1170 จะตายแล้ว เธอยังหัวเราะได้อีก….

“เขามาได้อย่างไร? เขาเป็นลูกนอกสมรส เขา……”

“ได้ยินว่าเขามีพินัยกรรม!”

“พินัยกรรม? วิบูลย์ไม่เคยพูดถึงพินัยกรรมมาก่อน เขาไปเอาพินัยกรรมมาจากไหน? แล้วอีกอย่าง ใครจะรู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ หรือบางทีเป็นการปลอมแปลงก็ได้?”

“ใช่ ผมว่าลูกนอกสมรสคนนี้ อยากจะกลืนกินสมบัติของพ่อเขามากกว่า!”

“……..”

พวกเขาเห็นภาสดรปรากฏตัวด้วยใบหน้าของม็อกโกแล้วแทบจะทุกคนที่จะโจมตีเขา สงสัยว่าการตายของวิบูลย์จะเกี่ยวข้องกับเขา และยิ่งสงสัยว่าเขาคิดที่จะเอาสมบัติทั้งหมดของตระกูลจรัลพฤกษ์

การตายของวิบูลย์เขามีส่วนร่วมด้วยจริงๆ

แต่สิ่งของพังๆนี้ของตระกูลจรัลพฤกษ์ เขาตระกูลเทวเทพจะหาได้ยากอย่างนั้นหรือ?

ม็อกโกกวาดตามองไปยังคนตระกูลจรัลพฤกษ์พวกนั้นอย่างเย็นชาที่ทำให้หญิงสาวตกใจเสียจนไม่กล้าจะเปิดปากออกมา เขาก้าวเดินไปที่ห้องโถงใหญ่แล้วนั่งลง

“กินคนเดียวอะไรกัน? ผมเป็นลูกชายที่เขาเลี้ยงดูมายี่สิบกว่าปี ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกนอกสมรส แต่ผมก็ใช้ชีวิตได้ดีกว่าผู้หญิงสามคนนี้ ไม่ให้ผมแต่จะให้พวกเขาอย่างนั้นเหรอ?”

เขานั่งไขว่ห้าง แล้วชี้ไปยังผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ

และเพิ่งจะสิ้นเสียง คนตระกูลจรัลพฤกษ์ที่แย่งชิงทรัพย์สมบัติของตระกูล แต่ละคนก็โมโหขึ้นมาหน้าแดงทันที : “นาย – -”

ผู้หญิงสองคนนั้น ใบหน้าทั้งแดงทั้งซีดอยู่เช่นกัน

เนื่องจากว่าวิบูลย์ดีกับลูกนอกสมรสคนนี้จริงๆ

ม็อกโกพูดเสร็จแล้ว ก็เห็นคนกลุ่มนี้ไม่ยอมไป เขาจึงหยิบปืนออกมา และเริ่มฟังพวกเขาเอะอะไปพลางหยิบถุงมือออกมาเช็ดอย่างไม่สนใจใยดีอีกด้วย

ปืน?

คนพวกนี้เห็นแล้ว ในที่สุดก็หน้าซีดและไม่กล้าขยับแล้วเช่นกัน

“นาย…นายคิดจะทำอะไร?”

“ไม่ได้ทำอะไรนี่ ปืนสกปรก ก็แค่เช็ดเท่านั้น แต่เมื่อครู่นี้เรื่องพวกนั้นที่พวกคุณพูดมา ผมจำเป็นจะต้องเตือนพวกคุณเอาไว้นะ ถ้าหากหาหลักฐานที่ผมฆ่าพ่อของผมไม่เจอ ผมก็จะโกรธมาก!”

น้ำเสียงภาสดรที่เป็นแบบอย่างได้ดีมาก

สุดท้ายแล้วคนกลุ่มนี้ก็ไปจากไปกันด้วยความตกใจ

ผู้หญิงสองสามคนตระกูลจรัลพฤกษ์เห็นแล้ว ความจริงก็อยากจะถามเรื่องพินัยกรรมอยู่เช่นกัน แต่ตอนที่พวกเธอเห็นปืนที่อยู่ในมือของคนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายคนนี้แล้ว จึงอดกลั้นเอาไว้เงียบๆ

“ต่อไปคุณจะอยู่ที่เมืองหลวงจริงๆเหรอ?”

“ใช่ คุณไม่ต้อนรับเหรอครับ?”

ภาสดรเหลือบมองดูผู้หญิงวัยกลางคนที่กล้าเอ่ยถามตัวเอง

ภรรยาของวิบูลย์ ความจริงแล้วนับว่าเป็นบทบาทที่ร้ายมากเช่นกัน ตอนนั้นวิบูลย์คลอดภาสดรที่เป็นลูกนอกสมรสคนนี้ เพื่อทำให้ตำแหน่งของตัวเองมั่นคง สุดท้ายก็อดทนตามเขา

สามารถรู้ได้จากตรงนี้ว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจจริงๆ

“เปล่า ไม่ใช่ว่าไม่ต้อนรับ เพียงแต่ ตอนนี้พ่อของคุณตายไปแล้ว ปัญหาที่เละเทะใหญ่โตขนาดนี้ จะทำยังไง? ข้างนอกเขามีกิจการมากน้อยขนาดไหนพวกเราก็ไม่รู้? แล้วก็เขายังเป็นประธานวุฒิสภาด้วย เขาไม่อยู่แล้ว ไวท์ พาเลซจะทำอย่างไร?”

“ดังนั้นฉันรู้สึกว่า ทางที่ดีที่สุดก็คือเอาฉันเข้าไปด้วย เมื่อคนหนึ่งโดนทำลายจนพ่ายแพ้ก็จะแพ้ตามไปด้วย แต่ถ้าทำให้ดีได้ก็จะดีขึ้นไปด้วยเหมือนกัน มีเพียงแค่ฉันที่ควบคุมตระกูลจรัลพฤกษ์นี้เอาไว้ พวกคุณสองสามคนก็จะสามารถใช้ชีวิตที่ดีแบบนี้ต่อไปได้ คุณว่าอย่างไร?”

ภาสดรชอบที่จะคบหากับผู้หญิงแบบนี้

เนื่องจากว่าเธอรู้สถานการณ์ บีบบังคับเธอได้มากกว่าเขา ทำให้เขายิ่งไม่ต้องเปลืองแรงอีกด้วย

และเป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังจากที่สิ้นเสียงของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าในใจของผู้หญิงคนนี้จะไม่ยอม แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ตกลงแล้ว

“งานศพพ่อคุณพรุ่งนี้ จะมีอีกคนหนึ่งมาด้วย ถึงตอนนั้นก็สามารถขอร้องเขาได้”

“ใคร?”

“ตอนนั้นที่เปิดประเทศคนที่ได้อิสริยาภรณ์มา เขามีความสามารถนี้ ตอนนั้นก็เป็นเขานี่แหล่ะที่ผลักพ่อของคุณขึ้นไป”

ผู้หญิงคนนี้เอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่มีความอดทนนัก

ที่แท้ก็คืออิสริยาภรณ์นี่เอง

ภาสดรไม่ถามแล้ว ยิ้มออกมาแล้วเช็ดปืนต่ออยู่ตรงนั้น

——

คืนนี้เดอะวิวซีก็ไม่หลับใหลเช่นกัน

หรือบางทีเป็นเพราะความกังวล ไม่เพียงแค่แสนรัก แม้แต่ไชยันต์ก็นอนลืมตาอยู่ในห้อง มีเพียงแค่เส้นหมี่ที่ถูกปิดบังอยู่เท่านั้นที่พาแม่ลูกกลับมาเข้าไปนอนในห้องแล้ว

แปลกมากที่ทำไมผู้หญิงคนนี้จู่ๆถึงได้กลับบ้านมาดึกดื่นแบบนี้?

เส้นหมี่ไปชงนมมา แล้วพบว่าผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนเตียง และยังกอดลูกของเธอเอาไว้พลางพูดคุยอย่างหยอกล้อด้วยท่าทางที่ดีอกดีใจ เหมือนกับกำลังตื่นเต้นอยู่แบบนั้น

อดไม่ได้ เธอหันมาลูบศีรษะของเธอ

“ทำอะไรน่ะ?”

แสงดาวกำลังเล่นกับลูกสาว จู่ๆถูกลูบแบบนี้เธอก็สะบัดมือออกอย่างไม่พอใจทันที

เส้นหมี่จ้องมองเธอ

“คุณผิดปกติมากเลยนะคะ สองวันก่อนก็โมโห จะเรียกยังไงก็อยู่แต่ในห้องไม่ออกมา คืนนี้ก็เหมือนกับไปกินยาคึกคักมาอย่างนั้น คุณทำอะไร? บ้าไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

“เธอนั่นแหล่ะที่ป่วย นมของลูกสาวฉันล่ะ?”

แสงดาวตอบกลับเธอหนึ่งประโยค ไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย แต่กลับต้องการจะให้นมลูกสาวแทน

จนสุดท้ายแล้วเส้นหมี่ก็ยังคงเอานมให้เธออย่างว่าง่าย

เวลานี้แล้ว เด็กก็เพิ่งจะสามเดือน ดื่มนมเสร็จก็หลับลงได้อย่างรวดเร็ว และเส้นหมี่เองก็ง่วงเช่นกัน แต่เธอเอาเด็กวางลงบนเตียงทารกแล้ว ก็ไม่กล้าไปไหน

เธอเป็นกังวลว่าผู้หญิงคนนี้จะคิดอะไรแผลงๆอีก

แสงดาว : “…….”

เธอตกใจกับเงาที่อยู่ในใจของตัวเองใช่ไหม?

แล้วจู่ๆในใจของแสงดาวก็รู้สึกผิดขึ้นมา นึกถึงช่วงนี้ เธอบ้าและสร้างความยุ่งยากและความกังวลให้กับผู้หญิงคนนี้มากมาย ลูกสาวก็ยังเป็นเธอดูแลด้วยเช่นกัน

ทันใดนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“เส้นหมี่ ช่วงเวลานี้ ขอบคุณมากนะ”

“อา?”

เส้นหมี่ตกใจกับคำพูดนี้เสียจนรูม่านตาสั่นไหวเล็กน้อย

ไม่ใช่มั้ง น่าตกใจขนาดนี้เลยหรือ? ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดขอบคุณตัวเองได้?!!