ตอนที่ 1399 ต่อสู้กับเงาตระกูลเฟิง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เมื่อเฟิงอวิ๋นซิวได้ยินคำสั่งนี้ก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที แต่ชั่วพริบตาเดียวรอยเลือดก็ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขา จากนั้นเขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

เผชิญหน้ากับเฟิงอวิ๋นซิวที่กำลังพุ่งเข้ามาหานางเช่นนี้ มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงเอาไว้แน่น

นางได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมา ส่วนอาการบาดเจ็บของเฟิงอวิ๋นซิวนั้นบาดเจ็บยิ่งกว่า พวกเขาทั้งสองจึงมีกำลังที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน

“มังกรเพลิงพิฆาต!” มู่เฉียนซีโจมตีด้วยกระบี่อย่างไม่ลังเล

ในเมื่อเฟิงอวิ๋นซิวตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะจงรักภักดีต่อมู่หลินหลาง เช่นนั้นระหว่างนางกับเขาก็ทำได้เพียงแค่เป็นศัตรูต่อกันแล้ว

“วายุทำลาย!”

เฟิงอวิ๋นซิวเองก็ลงมือแล้วเช่นกัน

ตูม! พลังของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง

พลังความแข็งแกร่งของเฟิงอวิ๋นซิวลดลงมาก ทำให้ความกดดันของมู่เฉียนซีลดลงไม่น้อย

ร่างของทั้งสองพัลวันกันอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า พลังวิญญาณพรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง!

“ทักษะโยวหลัว!”

“เพลิงทำลาย!”

ปัง!

“อันตราย!” รูม่านตาของมู่เฉียนซีหดลง รีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว

เส้นผมสีดำขลับดุจดั่งหมึกนั้นถูกโจมตีจนสยายลงมา บริเวณคอปรากฏรอยเลือดขึ้นแล้ว

หากช้าไปเพียงหนึ่งก้าว หัวต้องตกลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นดินเป็นแน่!

ผู้ที่ทำร้ายนางนั้นไม่ใช่เฟิงอวิ๋นซิว แต่มันเป็นเงา

ในตอนนี้มู่เฉียนซีรับรู้ความรู้สึกในตอนที่เสี่ยวไป๋รับมือกับเฟิงอวิ๋นซิวได้อย่างแท้จริงแล้ว ต่อให้พลังจิตแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ยากที่จะจับตัวเงานั้นได้

เนื่องจากเขาสามารถกลายเป็นเงาของตัวเองได้ และฉวยโอกาสลอบสังหารได้ทุกเมื่อ

มู่เฉียนซีรู้สึกตกใจเล็กน้อย เพื่อฆ่านาง แม้แต่เงาเฟิงอวิ๋นซิวก็เอาออกมาใช้แล้วอย่างนั้นเหรอ

ตั้งแต่เริ่มต่อสู้กับนางจนถึงตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวไม่ได้ปริปากกล่าวสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว เขาเอาแต่พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว

ทำตามคำสั่งขององค์หญิง ฆ่ามู่เฉียนซี!

เฟิงอวิ๋นซิวไม่ปกปิดเจตนาฆ่าเลยแม้แต่น้อย ทำให้สีหน้าของมู่เฉียนซีเริ่มเคร่งเครียดขึ้น

เคยบุกเข้าไปในดินแดนลึกลับด้วยกัน เคยโกรธแค้นไป๋อู๋ห่ายมาด้วยกัน นับตั้งแต่ได้รู้จักกันในแดนใต้ครานั้น เฟิงอวิ๋นซิงเป็นสหายที่นางใส่ใจมาก

ตอนนี้กลับต้องมาถือกระบี่ต่อสู้กัน ลงมืออย่างไม่อ่อนข้อต่อกัน!

ฉึก! กระบี่ของกู้ไป๋อีโจมตีไป๋อู๋ห่ายจนกระเด็นลอยออกไป จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นเฟิงอวิ๋นซิวที่กำลังต่อสู้อยู่กับมู่เฉียนซีแล้ว

อีกทั้งยังใช้ให้เงาลงมือแล้วด้วย!

ความสามารถที่อันตรายถึงแก่ชีวิตนั้น กู้ไป๋อีที่เคยประมือกับเงามาก่อนหน้านี้ย่อมรู้ดีว่ามันอันตรายมากเพียงใดเขาจึงกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่องครักษ์เกราะเงินจำนวนมากกลับเข้ามาขวางเขาเอาไว้จนเขาไม่สามารถสลัดตัวออกไปได้!

ปัง ปัง ปัง!

การโจมตีของเฟิงอวิ๋นซิวกับเงาบีบเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีทีละก้าว ๆ

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฟิงอวิ๋นซิว เพื่อมู่หลินหลางเจ้าถึงกับจะฆ่าข้าจริง ๆ เหรอ ตอบข้ามาสิ หากเจ้าบอกว่าใช่ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องยั้งมือไว้ไมตรีแล้ว”

เสียงต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น “ใช่!”

“ดี! ดีจริง ๆ! เจ้ายืนหยัดในความจงรักภักดีของเจ้า ความรักของเจ้าที่มีต่อนางเจ้าทำได้ทุกอย่างโดยที่ไม่สนใจอย่างอื่น คำว่าสหายในสายตาเจ้ามันไม่มีความหมายอะไรใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องลังเลแล้ว”

มู่เฉียนซีโกรธมาก กระบี่มังกรเพลิงระเบิดลำแสงอันน่าสะพรึงกลัวออกมา!

ตูม!

ทั้งสองต่อสู้กันราวกับจะเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!

ชั่วพริบตาเดียวพลังธาตุอัคคีอันมหึมาก็ควบแน่นขึ้น มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “บัวแดงพิฆาต!”

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

เฟิงอวิ๋นซิวหลบหลีกบัวอัคคีสีแดงฉานนี้ได้

ร่างในชุดสีม่วงเคลื่อนไหวออกไป กระบี่มังกรเพลิงพุ่งเป้าแทงไปที่หัวใจของเขา

ฉึก!

“เจ้าไม่หลบ!”

กระบี่มังกรเพลิงแทงไป มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นด้วยความตกใจ

“ซีเอ๋อร์!”

“ซี!”

ทันใดนั้นเอง ร่างอันน่ากลัวสองร่างก็เข้ามา

เฟิงอวิ๋นซิวไม่หลบ เพราะว่า…

การลอบสังหารเอาชีวิตของเงากำลังใกล้เข้ามา มู่เฉียนซีทุ่มอย่างสุดกำลังเพื่อเอาชนะเฟิงอวิ๋นซิว แต่จนกระทั่งตอนนี้นางก็ไม่สามารถหลบการโจมตีของเงาได้

การโจมตีนี้ของเงาก็เป็นการโจมตีที่เฟิงอวิ๋นซิวรวบรวมพลังทั้งหมดสุดท้ายแล้วเช่นกัน

ตุบ! ร่างของเฟิงอวิ๋นซิวล้มลงไปกับพื้น มีดสั้นของเงาพุ่งไปที่มู่เฉียนซี

ฉึก! เสียงมีดแทงดังขึ้น เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดตรงหน้ามู่เฉียนซี

เงานั้นสูญเสียพลังของเฟิงอวิ๋นซิวไป จากนั้นจึงอันตรธานหายไปต่อหน้ามู่เฉียนซี

ตุบ! ร่างของคนผู้หนึ่งล้มลงไปกองอยู่ในกองเลือด

มู่เฉียนซีอุทานขึ้นด้วยความตกใจ “ซวนอี!”

ไม่มีใครคิดถึงเลยว่าองครักษ์ข้างกายที่จงรักภักดีต่อเฟิงอวิ๋นซิวที่สุดจะทำลายแผนการดี ๆ นี้ของเจ้านายตัวเอง

สีหน้าของมู่หลินหลางเคร่งขรึมขึ้น โอกาสดีเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!

“ไม่นึกเลยว่าจะเลี้ยงสุนัขที่ทรยศเช่นนี้!”

ภายใต้การโจมตีด้วยจิตสังหารของเงา จะมีชีวิตรอดได้อย่างไรกันเล่า

มู่เฉียนซีเป็นถึงหมอปีศาจผู้แย่งชิงชีวิตจากพญามัจจุราช ไม่ยอมให้ซวนอีตายแน่นอน!

แต่ซวนอีกลับใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายกล่าวว่า “ช่วยนายน้อยด้วย!”

“เจ้าจะให้ข้าช่วยเขาอย่างนั้นเหรอ?”

ซวนอีกล่าว “ช่วยนายน้อยด้วย นี่เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของข้า!”

“ครั้งสุดท้ายอะไรของเจ้า อยู่ในมือข้าแล้ว ต่อให้เจ้าอยากตายเจ้าก็ฝันไปเถอะ ข้าไม่ช่วยเจ้านายเจ้าหรอกนะ!”

“มู่…มู่เฉียนซี…พรวด!” ซวนอีรู้สึกโกรธจนกระอักเลือดออกมา จากนั้นก็หมดสติไป

มู่เฉียนซีปักเข็มยาลงไปตรงหัวใจของเขา เขาบาดเจ็บสาหัสมาก ตอนนี้ตรงนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การรักษา ทำได้เพียงแค่ให้เขาตายไปชั่วขณะก่อนเท่านั้น

มู่เฉียนซีมองไปที่เฟิงอวิ๋นซิว ทันใดนั้นร่างสีดำก็เคลื่อนไหวขึ้นฉับพลัน!

นี่ไม่ใช่เงาร่าง แต่เป็นเงา!

ไม่ใช่เงาของเฟิงอวิ๋นซิว ความเร็วของเงานี้รวดเร็วมาก เขาได้เอาตัวเฟิงอวิ๋นซิวไป และอันตรธานหายไปทันที!

มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปทั่ว บริเวณรอบ ๆ ล้วนแต่กำลังต่อสู้กันอย่างโกลาหล และหาคนผู้นั้นที่เอาตัวเฟิงอวิ๋นซิวไปไม่เจอ

โอกาสดีไม่มีอีกแล้ว มู่หลินหลางรู้ดีว่าตนเองรับมือได้อีกไม่นานแล้ว

นางจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยสายตาโหดเหี้ยม เตรียมจะล่าถอยไป!

จิ่วเยี่ยกล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “ตาย!”

“องค์หญิง!”

“องค์หญิง!”

ในขณะที่พลังของจิ่วเยี่ยพัดกระโชกมาอย่างมืดฟ้ามัวดินนั้น องครักษ์เกราะเงินเหล่านั้นกลับพุ่งเข้ามา!

ฉึก ฉึก ฉึก! เลือดสีแดงสดย้อมเสื้อเกราะสีเงินเหล่านั้น พวกเขาแผดเผาชีวิตและวิญญาณของตัวเองเพื่อเป็นโล่กำบังการโจมตีของจิ่วเยี่ย มู่หลินหลางเปิดป้ายหยกส่งตัวและมองไปที่มู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวออกมาว่า “มู่เฉียนซี เจ้าอย่าคิดว่ามีองค์ชายจิ่วเยี่ยคอยปกป้องแล้วข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ นะ! รอให้ข้ากลับไป ทั้งตระกูลมู่ก็จะได้รู้ว่าบุตรสาวนักโทษอย่างเจ้ายังมีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นเจ้าก็จะถูกตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวงตามไล่ฆ่าแน่นอน”

“องค์ชายจิ่วเยี่ยปกป้องเจ้าได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่มีทางปกป้องเจ้าไปได้ตลอดชีวิต!”

สุดท้าย นางมองไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นที่กำลังทำลายปราการสีทองอยู่

ปราการที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แต่กลับถูกทำลายไปได้มากภายในชั่วพริบตาเดียว

เขาแข็งแกร่งมากจริง ๆ เป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมา

มู่หลินหลางมองไปที่ร่างนั้น พลันดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้น

เสียง ตูม! ดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน และในตอนนี้ที่ที่มู่หลินหลางยืนอยู่นั้นก็ได้กลายเป็นหลุมลึกหลุมหนึ่ง!

ในหลุมลึกนั้นมีเศษของเกราะสีเงินและโครงกระดูกขาวเป็นจำนวนมาก ส่วนมู่หลินหลางนั้นหนีรอดไปได้

คนของมู่หลินหลางล้มตายกันไปจนเกลี้ยง ส่วนคนของตำหนักตงจี๋เหล่านั้นก็ไม่ได้เรื่อง

การร่วมมือของหอหมอปีศาจกับตำหนักเป่ยหานเปรียบเสมือนกำลังที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรกวาดล้างศัตรูไปจนหมดสิ้น

มู่เฉียนซีเดินไปตรงหน้าผู้อาวุโสสูงสุด ก่อนจะกล่าวว่า “คราวนี้ ใครหน้าไหนก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว!”

สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดซีดเผือดลง คราวนี้ถึงคราวซวยของเขาจริง ๆ แล้ว เขา…

พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้กักขังเขาเอาไว้ ผู้อาวุโสสูงสุดตัวสั่นเล็กน้อย นี่เป็นฝีมือขององค์ชายจิ่วเยี่ย

เจ้าหมอนี่หนีได้ถึงสองครั้งสองคราแล้ว ครั้งนี้จิ่วเยี่ยไม่มีทางให้เขามีโอกาสหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน

อีกทางด้านหนึ่ง เสียงตะโกนร้องด้วยความหวาดผวาก็ดังลั่นขึ้น “อย่าฆ่าข้านะ…อย่าฆ่าข้า…กู้ไป๋อี ข้าจะยกตำหนักตงจี๋ให้เจ้า เจ้า…” ตอนนี้ในมิติกักขังนี้ นอกจากองครักษ์ซวนของเฟิงอวิ๋นซิวกับไป๋อู๋ห่ายแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดมีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว

.