“ฮ่า ๆ ๆ!” ผู้อาวุโสสูงสุดเห็นมู่เฉียนซีใกล้ถึงแก่ความตายเช่นนี้ก็หัวเราะชอบใจขึ้นมาทันที
ผู้อาวุโสสูงสุดเกือบต้องตายไปในเงื้อมมือของมู่เฉียนซีถึงสองครั้งสองครา แต่ครั้งนี้มันช่างสมบูรณ์แบบยิ่งนัก
ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าคิดว่าจะช่วยมู่เฉียนซีได้!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! มู่เฉียนซีปาเข็มยาทั้งหมดออกไป
เข็มยาอาบยาพิษรุนแรงพุ่งไปที่มู่หลินหลางราวกับสายฝน มู่หลินหลางขยับนิ้วมืออันเรียวยาวเพียงเล็กน้อย พลังธาตุวายุก็พัดกระโชกมาอย่างรุนแรง!
ฟึ่บ! เข็มบางเล่มที่มีขนาดเล็กกว่าได้หลุดออกมาจากเข็มยาเหล่านั้นและพุ่งเข้าไปใกล้ตัวมู่หลินหลาง
ธาตุวารีที่ทำหน้าที่เป็นโล่กำบังทำให้เข็มเล่มเล็กนั้นไม่สามารถหลุดผ่านโล่กำบังมาได้เลยแม้แต่อันเดียว
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
“อุบายอ่อนด้อยเช่นนี้ ไม่ได้ผลหรอก!”
ในขณะที่มู่หลินหลางกำลังจะลงมืออีกครั้ง ร่างในชุดสีเขียวร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาและพุ่งเป้าไปที่หัวของมู่หลินหลางทันที
มู่หลินหลางกล่าวเย้ยหยันว่า “หุ่นเชิด นึกไม่ถึงเลยว่าหุ่นเชิดของเจ้าจะมีฝีมือไม่เลวเลย!”
หุ่นเชิดสีทองร่างหนึ่งปรากฏขึ้น และขวางการโจมตีของชิงอิ่งเอาไว้ได้
“เพียงแต่ว่า มันถูกกำหนดให้ต้องแตกสลายภายในเงื้อมมือของจินหลานแล้ว!” มู่หลินหลางเย้ยหยัน
ตูม! พลังของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง
มู่เฉียนซีเคยศึกษาวิชาหุ่นเชิดมาก่อน หุ่นเชิดสีทองนี้ใช้ทองแดงหมื่นปีที่แข็งแกร่งที่สุดหลอมออกมา ระดับไม่ต่ำเลย!
ในที่สุดชิงอิ่งก็ต้านทานการโจมตีของจินหลานได้ แม้จะไม่ถูกบดขยี้ แต่ก็ยากที่จะสลัดตัวออกมาได้
ในใจของชิงอิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง จินหลานนั้นดูเหมือนหุ่นเชิดมากกว่าเขามาก ส่วนเขาเปรียบดั่งเครื่องมือในการต่อสู้แต่กลับสู้รบได้ไม่สมบูรณ์แบบ
ปัง ปัง ปัง!
มู่หลินหลางกล่าว “มู่เฉียนซี ยังมีของสิ่งใดที่รักษาชีวิตเจ้าได้อีกก็รีบเอาออกมาใช้ซะเถอะ! มู่เฟิงอวิ๋นก็ไม่ได้ตกอยู่ในสภาพที่อับจน เขาเหลือสิ่งของให้เจ้าเพียงเท่านี้หรอกเหรอ”
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้าให้โอกาสข้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะเสียใจไปตลอดชีวิตบ้างเหรอ?”
“เจ้าไม่มีคนนอกช่วย วันนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ช่วยเจ้าไม่ได้ทั้งนั้น”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ทางด้านนั้น หอหมอปีศาจกับตำหนักเป่ยหานเริ่มรับมือไม่ไหวแล้ว
ไป๋อีคนเดียวสามารถรับมือได้ในคราวเดียวถึงสิบคน แต่หากร้อยคน หลายร้อยคนแล้วละก็ เขารับมือไม่ไหวแน่นอน
ในตอนนี้ไป๋อู๋ห่ายฉวยโอกาสลอบโจมตีกู้ไป๋อี ชั่วพริบตาเดียวบนร่างของกู้ไป๋อีก็เกิดรอยเลือดขึ้นหลายแผล
“กู้ไป๋อี วันนี้ข้าจะเอาชนะเจ้า ให้เจ้าพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของข้าให้ได้!”
สถานะของทั้งสองเป็นหัวหน้าตำหนักเหมือนกัน แต่พลังความแข็งแกร่งของไป๋อู๋ห่ายนั้นด้อยกว่ากู้ไป๋อีมาโดยตลอด เป็นความอัดอึดใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดตอนนี้ก็ถึงเวลาเอาชนะได้สักที
มู่หลินหลางกล่าว “จู่ ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ เจ้ามีประโยชน์ต่อข้ามากกว่าการฆ่าให้เจ้าตาย”
ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มพลางกล่าว “องค์หญิงหลินหลางพูดถูกต้องแล้วขอรับ ทำให้มู่ฉียนซีกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ตัดแขนตัดขานางทิ้งและไว้ชีวิตนางให้นางอยู่อย่างทรมาน บางทีก็อาจจะล่อมู่เฟิงอวิ๋นออกมาได้ก็ได้”
เขาไม่อยากให้มู่เฉียนซีตาย มู่เฉียนซีที่ยังมีชีวิตอยู่มีประโยชน์มาก หากสามารถล่อมู่เฟิงอวิ๋นออกมาได้ ก็เชื่อว่ามู่ซวนต้องปรากฏตัวออกมาแน่
เนื่องจากมู่ซวนนั้นรู้ว่าของสิ่งนั้นอยู่ที่ใด ของสิ่งนั้นเป็นของสำคัญที่สุดต่อเผ่าคำสาปของพวกเขา
มู่หลินหลางกล่าว “ช่างเป็นคำแนะนำที่ดียิ่งนัก! เมื่อถึงตอนนั้นก็สามารถล่อมู่เฟิงอวิ๋นออกมาได้ พวกเจ้าสองพ่อลูกก็จะได้เจอหน้ากันอีกครั้ง”
มู่หลินหลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เฮ้อ! ช่างน่าสงสารยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะพ่อของเจ้าทรยศ ปฏิเสธนับญาติพี่น้องโดยไม่ไว้หน้าใคร เจ้าก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้”
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี ท่านพ่อช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก แม้ว่านางจะกล่าวโทษที่พ่อของนางทิ้งนางไว้ในที่ทุรกันดาร เรียกได้ว่าเป็นคนที่แย่มาก ๆ
แต่นางก็จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาว่ากล่าวท่านพ่อของนางได้ แถมยังกล้ามาเอานางมาข่มขู่ท่านพ่ออีก!
อาถิงต่อสู้กับเจ้าพิฆาตวิญญาณอย่างดุเดือดแต่ยังจัดการพิฆาตวิญญาณไม่ได้ยังไม่พอ แถมยังปล่อยให้หนีไปได้อีก ด้วยกำลังของนางเองในตอนนี้ไม่เพียงพอ ไม่สามารถรับมือได้!
ทว่า…
จิ่วเยี่ย!
นี่เป็นมิติกักขัง สามารถขวางคนที่อยู่ด้านนอกไม่ให้เข้ามาได้ แต่ระหว่างนางกับจิ่วเยี่ยนั้นมีผู้พิทักษ์นิรันดร์เป็นคนฉุดลากอยู่
มู่เฉียนซีไม่มีทางเชื่อว่ามิติกักขังนี้จะขวางผู้พิทักษ์นิรันดร์ได้
“สุ่ยจิงอิ๋ง!”
คำแนะนำของผู้อาวุโสสูงสุดคือตัดแขน ตัดขาให้มู่เฉียนซีกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่สิ่งที่มู่หลินหลางอยากทำลายมากที่สุดนั่นก็คือใบหน้าของมู่เฉียนซี
บุตรสาวของนักโทษคนเดียว มีสิทธิ์อันใดมามีรูปร่างหน้าหน้าตาเหมือนกับนางเช่นนี้
ทำลาย ต้องทำลาย!
ลมพายุบริเวณรอบพลันแหลมคมขึ้นมาก และพัดกระโชกไปที่มู่เฉียนซี
และในขณะที่การโจมตีนี้ทะลวงเกราะป้องกันของมู่เฉียนซีและกำลังจะทำลายมู่เฉียนซีนั้น จู่ ๆ แสงสีฟ้าอ่อนก็ได้ขวางการโจมตีทั้งหมดไว้
มู่เฉียนซีตกอยู่ในอ้อมกอดอันคุ้นเคยและทำให้รู้สึกสบายใจของคนผู้หนึ่ง นางยิ้มพลางกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้ามาแล้ว!”
น้ำเสียงของมู่เฉียนซีอ่อนแรงลงเล็กน้อย สิ่งนี้ทำให้กลิ่นอายของจิ่วเยี่ยพลันอันตรายขึ้นถึงขีดสุด จิตสังหารอันเย็นยะเยือกครอบคลุมไปทั่วทั้งมิติกักขังนี้
ลำแสงสีฟ้าอ่อนอันตรธานหายไป ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นร่างของจิ่วเยี่ยแล้ว
ร่างสูงเพรียวถูกห่อหุ้มไปด้วยชุดคลุมยาวสีดำ ลึกลับ แข็งแกร่งดุจดั่งเทพมารอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้!
“องค์ชายจิ่วเยี่ย!” ผู้อาวุโสสูงสุดตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกตกใจ เขาคืบคลานพยายามจะอยู่ให้ห่างจากจิ่วเยี่ยให้ได้มากที่สุด
“เป็นเช่นนี้ไปได้ยังไง? เห็น ๆ กันอยู่ว่า…”
แม้แต่มู่หลินหลางเองก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปแล้ว นางมั่นใจในความสามารถของอาวุธวิญาณมิตินี้เป็นอย่างดี นึกไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่ายังมีคนบุกเข้ามาได้
มู่หลินหลางมองไปที่ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งผู้นั้น แม้ว่าเขาจะบดบังใบหน้านั้นเอาไว้ แต่พลังอันแข็งแกร่งและรุนแรงนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าทุกสรรพสิ่งและสามารถทำให้ทุกคนยอมจำนนได้ก็มิปาน
ได้เห็นเขา นางก็รู้สึกเหมือนได้เห็นอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งแดนซวนเทียนผู้เป็นว่าที่สามีของนางอย่างเป่ยกงจั๋ว แต่เป่ยกงจั๋วก็เทียบคนผู้นี้ไม่ได้เลยสักนิด มู่หลินหลางกล่าว “ท่านคือองค์ชายของคุกโลหิตแห่งแดนนรก หวงจิ่วเยี่ย วันนี้ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะจัดการเรื่องภายในตระกูล องค์ชายจิ่วเยี่ยจะเป็นศัตรูกับตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวงของข้าเพื่อหญิงสาวธรรมดาสถานะต่ำต้อยผู้นี้อย่างนั้นเหรอ?”
ตอนที่นางได้รับรายงานจากผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักเป่ยหาน นางก็รู้แล้วว่าที่องค์ชายจิ่วเยี่ยช่วยมู่เฉียนซี ก็เป็นเพราะว่ามู่เฉียนซีเป็นของเล่นของเขาแน่นอน
แม้ว่าคุกโลหิตจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่มีทางล่วงเกินตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวงเพื่อของเล่นเช่นนี้อย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของมู่หลินหลางแล้ว พลังอันแข็งแกร่งอย่างสุดขีดก็พุ่งไปที่มู่หลินหลางทันที
ความบ้าคลั่งนั้นเพียงพอที่จะทำลายพลังทุกสิ่งทุกอย่างได้ “โล่น้ำแข็งสวรรค์!”
สีหน้าของมู่หลินหลางพลันเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เมื่อรับรู้ได้ถึงอันตรายที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน นางจึงรีบใช้โล่น้ำแข็งต้านทาน
ฉ่า ๆ ๆ! พลังอันน่าสะพรึงกลัวทะลวงเกราะป้องกันของมู่หลินหลางไปได้ ร่างของมู่หลินหลางกระเด็นลอยออกไป เลือดไหลออกมาจากมุมปาก
น้ำเสียงอันเย็นชาและไร้ข้อสงสัยดังขึ้นว่า “ข้าคือว่าที่สามีของซี!”
ทันทีที่เงานั้นเคลื่อนไหว จิ่วเยี่ยก็ลงมืออีกครั้ง
การกดขี่ข่มเหงพัดกระโชกเข้ามาทำให้มู่หลินหลางหายใจไม่ออก
โชคดีที่ที่แห่งนี้คือดินแดนสี่ทิศดินแดนระดับต่ำ พลังความแข็งแกร่งของทุกคนจึงถูกยับยั้งให้อยู่ในระดับเดียวกัน มิเช่นนั้นเกรงว่านางคงถูกองค์ชายจิ่วเยี่ยฆ่าตายไปภายในชั่วพริบตาเดียวแล้วเป็นแน่
ในฐานะที่เกิดมาเป็นองค์หญิงคนโตของตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวง แน่นอนว่าของล้ำค่าที่ติดตัวมู่หลินหลางนั้นมีไม่น้อยเลย
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! หวงจิ่วเยี่ยโจมตีนางอย่างไม่ไว้หน้าตระกูลมู่ของพวกเขาเลย เขาต้องการฆ่านางเพื่อมู่เฉียนซี
องค์ชายแห่งคุกโลหิต องค์ชายจิ่วเยี่ยผู้สยบแดนนรกด้วยกำลัง นึกไม่ถึงว่าจะทำเพื่อบุตรสาวนักโทษได้ถึงขั้นนี้
สีหน้าของมู่หลินหลางโหดร้ายขึ้น ในตอนนี้นางโกรธเกรี้ยวขึ้นมากแล้ว พลังธาตุวายุกับวารีพัลวันกัน นางพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจัดการกับชายหนุ่มผู้อันตรายที่สุดผู้นี้
มู่หลินหลางรับมือกับจิ่วเยี่ย แม้ว่านางจะใช้ของล้ำค่ามากมายเพียงใดทุกย่างก้าวก็อันตรายอยู่ดี แต่นางไม่เต็มใจที่จะปล่อยมู่เฉียนซีไป
นางยังมีไพ่เด็ดอยู่อีกใบ! “อวิ๋นซิว รับคำสั่ง ฆ่ามู่เฉียนซีเดี๋ยวนี้ และเอาศพของนางกลับไปด้วย!”