ทันทีที่นิ้วของมู่เฉียนซีขยับ เข็มยาเข็มหนึ่งก็พุ่งออกไป!
ฉึก!
ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกได้ว่าพลังในร่างกายของเขาได้หายไปจนสิ้น และเขาก็กลายเป็นสวะไร้ประโยชน์ไปโดยสมบูรณ์แล้ว
ทั้งพลังวิญญาณ และพลังคำสาป ผู้อาวุโสสูงสุดแทบจะบ้าคลั่งแล้ว!
“มู่เฉียนซี…เจ้าสมควรตาย…”
“เจ้าชื่อมู่เฉียนซีใช่หรือไม่?”
ทันใดนั้นเอง พลังอันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนก็พัดกระโชกเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทหารจำนวนสามร้อยกว่านายกลุ่มหนึ่งจรดตัวลงมาจากกลางอากาศ
ภายใต้การติดตามของฝูงคนกลุ่มนี้ ร่างในชุดสีแดงเพลิงร่างหนึ่งปรากฏอยู่ด้านหน้า
ขนปุยสีแดงรอบคอเสื้อนั้นยิ่งทำให้ผิวของนางขาวผ่องขึ้นมากกว่าเดิม
ความงามของนางนั้นสามารถทำให้สรรพสิ่งบนโลกใบนี้ดูหม่นหมองลงได้เลยทีเดียว
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้านี้แล้วก็นิ่งอึ้งไปอย่างสมบูรณ์ รูปลักษณ์นี้ พวกเขาเพิ่งจะเห็นไปไม่นานนี้เอง
มู่เฉียนซี! หญิงสาวชุดแดงผู้นี้ ไม่นึกเลยว่าจะหน้าตาเหมือนมู่เฉียนซีมากถึงเพียงนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เฉียนซีได้เจอกับมู่หลินหลาง รูปร่างหน้าตาของมู่หลินหลางเหมือนนางแปดถึงเก้าในสิบส่วนเลยก็ว่าได้
และเมื่อมู่หลินหลางเห็นมู่เฉียนซี นางก็ตกใจนิ่งอึ้งไปเช่นกัน ใบหน้าของนางเผยความประหลาดใจออกมา นางมองมู่เฉียนซีด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง และกล่าวว่า “เอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ข้าเถอะ เห็นแก่ที่เจ้ามีสายเลือดตระกูลมู่ จงฆ่าตัวตายซะ ข้าจะไม่ทำให้ศพของเจ้าพิกลพิการ!”
ในตอนนี้เอง ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งได้มาขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้
จิตสังหารอันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมา “เจ้าว่าจะทำให้ศพใครไม่พิกลพิการ!”
มู่หลินหลางมองไปที่ร่างในชุดขาวผู้ดุจดั่งเทพตรงหน้าผู้นี้และกล่าวว่า “เป่ยกงจั๋ว ท่านทรยศฝืนกฎข้อตกลงของเรา วันนี้ท่านยังจะแทรกมือมายุ่งเกี่ยวเรื่องราวในตระกูลมู่ของข้าอีกอย่างนั้นเหรอ?”
จิตสังหารของกู้ไป๋อีเย็นยะเยือกยิ่งขึ้นแล้ว!
พลันนั้นมู่หลินหลางนึกเอะใจขึ้นมา ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “เจ้าไม่ใช่เป่ยกงจั๋ว!”
คนคนหนึ่งสามารถแปลงโฉมได้ แต่ตัวตน ความรู้สึกและกลิ่นอายนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ในตอนนี้เอง ร่างในชุดสีดำแดงก็เคลื่อนไหวเข้ามา
เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้ามู่หลินหลาง และกล่าวว่า “ข้าน้อยคารวะพระนาง!”
ฟึ่บ! มู่หลินหลางง้างมือตบเฟิงอวิ๋นซิวอย่างแรง
ฝ่ามือนี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ร่างของเฟิงอวิ๋นซิวจึงกระเด็นลอยออกไป
พรวด! เดิมทีเฟิงอวิ๋นซิวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับกู้ไป๋อีอยู่แล้ว ตอนนี้มาถูกฝ่ามือนี้อีก จึงทำให้เขากระอักเลือดคำโตออกมา
“อวิ๋นซิว เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ! เจ้าเจอนางมาตั้งนานแล้วใช่หรือไม่ เหตุใดถึงไม่บอกข้า?” ดวงตาคู่นั้นจ้องเขม็งไปที่เฟิงอวิ๋นซิวอย่างดุร้าย
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ข้าน้อยคิดว่านางบังเอิญมีรูปร่างหน้าตาคล้ายองค์หญิงเท่านั้น ไม่ทราบชาติกำเนิดของนาง ข้าน้อยจึงไม่อยากรบกวนองค์หญิงเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้”
ผู้ที่รู้เรื่องนี้ตายไปแล้ว ตายไปอย่างไร้ร่องรอย!
เขาไม่อาจบอกความจริงออกไปได้ หากบอกไปองค์หญิงไม่มีวันอภัยให้เขาเป็นแน่
มู่หลินหลางมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เจ้าจะลงมือเอง หรืออยากให้ข้าลงมือด้วยตัวข้าเอง”
“ช่างน่าขำยิ่งนัก เจ้าคิดว่ามีคนเยอะแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ! ที่นี่มันดินแดนสี่ทิศนะ ทำไมข้าต้องกลัวเจ้าด้วย” มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มเย้ยหยันขึ้น
แม้ว่าจะตกอยู่ในสภาพที่อับจนหนทาง แต่ก็ยังคงพร่างพราว
วิญญาณที่แข็งแกร่งนั้นดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะพวกเขาเหล่านั้นก็มิปาน
มู่หลินหลางกล่าว “เจ้ามันช่างน่ารังเกียจเหมือนพ่อของเจ้าไม่มีผิด ลงมือ!”
องครักษ์สามร้อยนายเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนอ่อนด้อยที่เป่ยกงจั๋วส่งมาเหล่านี้จะเทียบได้
ในตอนนี้พวกเขาล้วนแต่อยากหนีแล้ว แต่ก็หนีไม่รอด!
มู่หลินหลางกล่าว “ข้าปิดมิติแห่งนี้เอาไว้แล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถเข้ามาช่วยพวกเจ้าได้”
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงและกล่าวว่า “ที่นี่คือดินแดนสี่ทิศ ไม่ว่าก่อนหน้านี้พลังของเจ้าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดแล้วเท่านั้น”
ฝ่ายตรงข้ามมียอดฝีมือสามร้อยนาย หากคิดจะแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้ เกรงว่าต้องจัดการผู้เป็นนายเสียก่อน!
ร่างในชุดม่วงพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า มู่หลินหลางกล่าวดูถูกเหยียดหยามว่า “ช่างไม่รู้จักประมาณตนเอาซะเลย!”
แม้ว่าพลังของมู่หลินหลางจะถูกยับยั้งเอาไว้ แต่ความแข็งแกร่งของมู่หลินหลางก็เหนือกว่ามู่เฉียนซีมาก วิชาการฝึกฝนก็ไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉียนซีจะเทียบกับมู่หลินหลางได้
กระบี่มังกรเพลิงปะทุพลังธาตุอัคคีอันน่าสะพรึงกลัวออกมา มู่หลินหลางเห็นเช่นนี้เข้าดวงตาก็เปล่งประกายขึ้น
“กระบี่เล่มนี้คือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์! เจ้าถูกมดปลวกพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตผู้นี้ใช้งาน ทำให้เจ้าต้องกล้ำกลืนฝืนทนเกินไปแล้ว” มู่หลินหลางพึมพำเสียงต่ำ
กล้ำกลืนฝืนทนบ้าอะไรของเจ้า!
มังกรเพลิงก็โกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว จิตสังหารก็เริ่มรุนแรงขึ้น!
“นายท่าน พวกเราช่วยนายท่านเอง!” อู๋ตี้กับเสี่ยวหงพุ่งออกมา
ตูม! ต่อสู้ประมือกันเพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น มู่เฉียนซีก็รับรู้ได้แล้วว่ามู่หลินหลางนั้นแข็งแกร่งมาก!
นางควบคุมพลังธาตุวารีได้อย่างสมบูรณ์แบบ การโจมตีของกระบี่มังกรเพลิงถูกยับยั้งเอาไว้ได้
และนี่มู่หลินหลางก็ยังไม่ได้ออกแรงทั้งหมด!
มู่หลินหลางกล่าว “อาศัยพลังของกระบี่มังกรเพลิง เจ้าทำได้เพียงแค่นี้เหรอ ไม่รู้ว่าเจ้าจะใช้พลังธาตุวารีที่สืบทอดมาจากตระกูลมู่ได้อ่อนแอเพียงใด!”
“อ่อนแออย่างนั้นเหรอ?” ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้น!
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
มังกรน้ำแข็งได้ควบแน่นพลังวิญญาณทั้งหมดของมู่เฉียนซี และพรั่งพรูพุ่งไปที่มู่หลินหลาง
มู่เฉียนซีสามารถใช้ทักษะวิญญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ นี่เป็นเรื่องที่มู่หลินหลางคาดไม่ถึงแน่นอน!
“วายุพิฆาต!”
พลังธาตุวายุพลันเปลี่ยนเป็นหงส์ตัวหนึ่ง ปีกของมันพลันเปลี่ยนเป็นกระบี่อันแหลมคม พุ่งโจมตีไปที่หัวของมังกรน้ำแข็ง
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ปัง! มู่เฉียนซีถูกพลังนี้โจมตีจนร่างกระเด็นลอยออกไป
“ซีเอ๋อร์!” กู้ไป๋อีที่เพิ่งรักษาอาการบาดเจ็บหาย พลังวิญญาณยังฟื้นฟูกลับมาได้ไม่หมด ตอนนี้ก็ถูกองครักษ์เกราะเงินของมู่หลินหลางพัวพันอย่างไม่อาจสลัดหลุดออกมาได้!
“หัวหน้าหอ!”
“นายท่าน!”
“ประมุขน้อย!”
คนของหอหมอปีศาจกับคนของตำหนักเป่ยหานก็กำลังต่อสู้กันอย่างหนักเพื่อเอาชนะศัตรู!
มู่หลินหลางกล่าว “ช่างอ่อนแอยิ่งนัก ไม่คู่ควรกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เลยซักนิด!”
มู่หลินหลางโบกมือขึ้น พลังธาตุวารีพลันเปลี่ยนเป็นคมศรนับไม่ถ้วนพุ่งไปทางมู่เฉียนซี
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
มู่เฉียนซีรีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามนั้นรวดเร็วมาก!
“มังกรเพลิงพิฆาต!”
“บัวแดงพิฆาต!”
กระบี่ทั้งสองกระบวนท่าของมู่เฉียนซีโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อต้านทานการโจมตีพลังธาตุวารีของมู่หลินหลาง แต่การโจมตีด้วยกระบี่พลังธาตุวารีของมู่หลินหลางกลับทะลวงเปลวไฟมาได้ และพุ่งไปที่มู่เฉียนซี!
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีรีบหลบหลีก แต่ก็ไม่สามารถหลบกระบี่เล่มหนึ่งที่พุ่งมาแทงทะลุเอวของนางได้
ฉึก!
หลบหลีกจากการอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตมาได้ เพียงแต่ว่าก็ยังได้รับบาดเจ็บจนเลือดไหลออกมามากมายเช่นนี้!
“นายท่าน!” อู๋ตี้กับเสี่ยวหงรีบเข้าไปขวางมู่หลินหลางที่เข้ามาใกล้!
“ก็แค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก สัตว์พันธสัญญาของข้าไม่จำเป็นต้องออกมาให้เสียแรง!”
ตูม!
พลังวายุอันน่าสะพรึงกลัวโจมตีออกมาทำให้ร่างของอู๋ตี๋กับเสี่ยวหงไม่อาจต้านไหว กระเด็นลอยออกไปอย่างแรง
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีรีบหยุดเลือดตัวเองอย่างรวดเร็ว แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของนาง จากนั้นนางก็พุ่งตัวออกไปราวกับลูกกระสุน
“ทักษะโยวหลัว!”
เผชิญหน้ากับการทักษะวิญญาณนี้ แสงเย็นก็วาบผ่านดวงตาของมู่หลินหลางเช่นกัน “ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเจ้าดึงดันเช่นนี้แล้วมันจะมีความหมายอันใด มันไร้ประโยชน์! มู่เฉียนซี น้องสาวผู้แสนดีของข้า!”
กำหมัดหนึ่งชกกระแทกไปที่ทักษะวิญญาณของมู่เฉียนซี พลังความแข็งแกร่งนี้เหนือกว่าทักษะโยวหลัวมาก!
หมัดนี้พุ่งกระแทกมาถึงหน้าอกมู่เฉียนซีจนร่างของนางกระเด็นลอยออกไป!
พรวด! มู่เฉียนซีกระอักเลือดคำโตออกมา ร่างของนางกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บปวดราวกับกระดูกแตกหักไปทั้งตัว
มู่หลินหลางก้มมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “หากพลังของเจ้าถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดแล้วอาศัยทักษะวิญญาณที่มู่เฟิงอวิ๋นทิ้งเอาไว้ให้เจ้า บางทีก็อาจจะอดทนต่อสู้กับข้าได้ถึงสิบกระบวนท่าได้”
“ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก! เจ้ามันก็แค่มดปลวกขั้นจักรพรรดิตัวหนึ่งก็เท่านั้น!”
.
.