ตอนที่ 1242: หนิงซวง
ค่ายกลเคลื่อนย้ายกระพริบวิบวับมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะกลายเป็นบอลแสงสีขาวที่ไม่อาจเห็นด้านในได้ มันส่องแสงราวกับดวงอาทิตย์ในรังมรณะ
ถ้ามันอยู่ด้านนอกค่ายกลนี้ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนจากกลางคืนเป็นกลางวัน แสงของมันเพียงพอที่จะส่องออกไปทั่วทั้งทวีป แต่มันส่องสว่างได้เพียงในรังมรณะเท่านั้นเพราะถูกค่ายกลกักเอาไว้ แม้ว่ามันจะสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่มันก็สว่างแค่เพียงในรังมรณะ
มิติที่เกิดจากค่ายกลเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับความผันผวน มันบิดเบี้ยวไปมาอย่างรวดเร็วและพร่ามัวเล็กน้อย ในตอนแรกมันเป็นแค่เงาจาง ๆ แต่มันก็กลายเป็นสมจริงมากขึ้นจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แสงสีขาวที่เกิดจากค่ายกลลดลงก่อนที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ค่ายกลขนาดใหญ่ก็หายไปเช่นกันและหวนคืนกลับไปสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง รังมรณะที่วังเวงกลับมาเป็นเพมือนเดิมอีกครั้ง ความแตกต่างเดียวคือตอนนี้มีคนยืนอยู่กลางอากาศในรังมรณะ
คนนี้บินอยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่เปิดเผยตัว สัญญาณที่เกี่ยวกับชีวิตต่าง ๆ ก็ไม่มีอีกด้วย ปราณหยินและความโกรธแค้นไม่อาจส่งผลกระทบกับบุคคลนี้ได้ มองดูใกล้ ๆ พลังงานชั่วร้ายและหมอกสีดำยังหลีกห่างจากชายคนนี้ พวกมันไม่อาจเข้าใกล้หรือไม่อยากเข้าใกล้กันแน่
เขาเป็นชายวัยกลางคนในชุดขาว ดวงตาของเขาลุ่มลึกและรูปลักษณ์ของเขาก็โดดเด่น ดูเหมือนว่าเขาจะอายุ 40 ปีเท่านั้นผ่านทางหน้าตาของเขา แม้ว่าเขาจะไม่มีการแสดงออกใดๆ แต่ดูเหมือนกับว่าเขาจะมองเย้ยทุกสรรพสิ่งอย่างไม่แยแสขณะกวาดตามอง
ถ้าหากใครเคยเข้าไปในเมืองทหารรับจ้างก่อนที่จะเห็นชายคนนี้ พวกเขาจะคิดว่าเขานั้นเหมือนกับรูปปั้นของโมเทียนหยุนที่ตั้งอยู่กลางเมือง ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างเขากับโมเทียนหยุนคือรูปปั้นนั้นอยู่มากอย่างยาวนานและยังทำให้รู้สึกว่ามันเป็นราวกับดาบของโลก มันรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบอยู่ภายใต้ดาบของเขา ในขณะเดียวกันชายที่อยู่ในรังมรณะนั้นดูเรียบง่ายกว่ามาก
ชายวัยกลางคนมองไปรอบ ๆ ขณะที่เขาจ้องมองอย่างช้า ๆ ไปทั่ว ๆ ทุกส่วนของโลก ภาพที่เขาคุ้นเคยได้กระตุ้นสัมผัสจากความทรงจำที่ปรากฏผ่านดวงตาที่ล้ำลึกของเขา มันราวกับบ่อน้ำที่ถูกหินกระทบและทำให้เกิดคลื่นกระจายออกไป แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่ความตื่นเต้นก็ยังมีให้เห็นผ่านสายตาของเขา
ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็ได้หายตัวไปโดยไม่มีร่องรอยก่อนที่จะปรากฏอีกครั้งในถ้ำที่เต็มไปด้วยพลังกลืนวิญญาณในเวลาต่อมา ฮุสตันไม่รู้สึกถึงการปรากฏตัวของเขาขณะที่บ่มเพาะอยู่ข้างสระ
ชายวัยกลางคนมาถึงด้านหน้าฮุสตันและตรวจสอบเขา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ในเวลานั้นก็มีแสงสีโลหิตพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วฮุสตัน มันเป็นลูกกลม ๆ ขนาดนิ้วหัวแม้มือ หินปีศาจชั้นฟ้าที่เจี้ยนเฉินมอบให้กับฮุสตัน
หินลอยเข้าหาชายวัยกลางคนอย่างช้า ๆ แสงสีโลหิตกระพริบท่ามกลางความมืดผ่านเข้าไปในความคิดของชายกลางคน ดูเหมือนว่ามันจะมีความสุขมาก
ชายวัยกลางคนมองไปที่หินปีศาจชั้นฟ้าและกล่าวว่า หินปีศาจชั้นฟ้า ความสามารถของคนผู้นี้ดีพอสมควร แต่ไม่มากพอที่จะใกล้เคียงกับอัจฉริยะที่หาได้ยาก ทำไมเจ้าถึงเลือกเขาเป็นผู้สืบทอดของหนิงซวง ?
หินปีศาจชั้นฟ้าดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ชายคนนั้นพูด มันสั่นเล็กน้อยและกระพริบอย่างแสงโลหิตอย่างรวดเร็ว มันส่งความคิดและความรู้สึกผิด ราวกับเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังถูกรังแก
ชายผู้นั้นตะลึงก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง เพราะว่าเจ้าได้พบกับจิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้าของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง ซึ่งเป็นผู้นำระดับสูงของเก้านิกายใหญ่จากโลกอมตะ แม้ว่าความสามารถของเขาจะขาดแคลนไปบ้าง แต่เจ้าก็กลัวจิตวิญญาณกระบี่จะเชื่อมโยงความสำพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเจ้าของจิตวิญญาณกระบี่ ที่เจ้าเลือกเขาเป็นผู้สืบทอดแน่นอนว่าข้าประหลาดใจมาก ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเจอเจี้ยนเฉินจริง ๆ ในตอนนี้เขากำลังซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรทะเลและถูกนำมายังทวีปเทียนหยวน เวลาที่เราตกลงกันก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกันดังนั้นเจ้าจึงพาเขามาที่นี่หลังจากที่กลายเป็นเซียนจักรพรรดิ
หินปีศาจชั้นฟ้ามีความคิดอื่น มันมีสติปัญญาอยู่แล้ว แต่ไม่อาจพูดได้ นี่เป็นวิธีเดียวที่มันจะสื่อสารกับผู้อื่นได้
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดว่า ความคิดของเจ้าไม่ได้แย่จนเกินไป เจี้ยนเฉินได้กลายเป็นเจ้านายของจิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้าและเขาก็ฝึกฝนร่างบรรพกาล ดังนั้นเขาจะควบคุมนิกายกระบี่สวรรค์ม่วงในอนาคตและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยม ในขณะเดียวกันนิกายกระบี่สวรรค์ม่วงจะเป็นหนึ่งในนิกายที่ยอดเยี่ยมของโลกอมตะ พวกมันมีพลังมาก ดังนั้นหากเจ้าหมายมั่นในตัวเจี้ยนเฉินให้กลายเป็นตัวแทนของหนิงซวง มันจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับหนิงซวงและส่วนนิกายของนาง”
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินฝึกฝนร่างบรรพกาล ทรัพยากรที่เขาต้องการสำหรับการบ่มเพาะนั้นยากที่จะจัดหาได้แม้แต่องค์กรระดับสูง มันยากที่เขาจะเติบโตเต็มที่และเขาอยู่ในโลกที่ต่ำกว่าโลกเซียน เมื่อเขาแข็งแกร่งพอ เขาสามารถไปยังโลกเซียนและจะไม่สามารถกลับมายังโลกอมตะได้ หากไม่มีการสนับสนุนจากองค์กรใหญ่ เจี้ยนเฉินสามารถหาทรัพยากรในการบ่มเพาะของเขาด้วยตัวเองได้ แต่ตัวตนของเจี้ยนเฉินในโลกเซียนนั้นละเอียดอ่อนเกินไป ในการต่อสู้ปีนั้น อมตะเที่ยงแท้จากนิกายกระบี่สวรรค์ม่วงได้ใช้กระบี่ม่วงฟ้าทำร้ายสองจอมคนของศาลาเทพธิดาน้ำแข็งจนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีคนอื่นอีกนับไม่ถ้วนซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าจอมคนซึ่งตกตายด้วยกระบี่ม่วงฟ้าและทำให้คนจากโลกเซียนเกลียดลึกเข้าไปถึงกระดูกดำ ดังนั้นตัวตนของเจี้ยนเฉินที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วมันอาจจะดึงบางส่วนของเหล่าจอมคนที่ซ่อนอยู่เข้ามา เจี้ยนเฉินไม่อาจหลบหนีได้ไม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขาถูกตามล่าโดยจอมคน มันจะมีเพียงความตายที่รอเขาอยู่
แต่สิ่งที่ทำให้ข้าประหลาดใจก็คือเจี้ยนเฉินเป็นมิตรกับเทพเจ้าสงคราม คนเหล่านั้นเกิดมาเพื่อเป็นเทพในโลกที่เขาเกิด หากพวกเขาเติบโตขึ้นมาและกลายมาเป็นจอมคนในอนาคต พวกเขาจะเป็นดั่งอมตะ แม้กระทั่งนิพพานอมตะแท้ที่เหนือยิ่งกว่าอมตะเที่ยงแท้ก็ยังถูกอมตะเที่ยงแท้ของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วงสังหาร อีกทั้งจอมปราชญ์ของนิกายกระบีสวรรค์ม่วงยังสร้างบาดแผลสาหัสให้กับจอมคนของเทพเจ้าสงคราม แต่เจี้ยนเฉินมีมิตรภาพที่ดีกับเทพเจ้าสงครามแม้ว่าจะเป็นผู้สืบทอดของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง มันไม่น่าเชื่อจริง ๆ ”
ชายวัยกลางคนหยุดพูดหลังจากนั้น จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า หินปีศาจชั้นฟ้า ปลดปล่อยวิญญาณของหนิงซวง
มีแสงขนาดเมล็ดข้าวลอยออกมาจากหินปีศาจชั้นฟ้า มันเรืองแสงจาง ๆ นี่คือวิญญาณของใครบางคน แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมากและอ่อนแอจนถึงที่สุดจนถึงขนาดสลบไม่ได้สติ วิญญาณก็อยู่ในระดับที่พร้อมจะแหลกสลายได้ทุกเมื่อ
ชายกลางคนจ้องมองอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นดวงวิญญาณเล็ก ๆ เขาค่อย ๆ ยื่นมือข้างขวาไปอย่างช้า ๆ เพื่อห่อหุ้มวิญญาณด้วยพลังที่อ่อนโยน เขาพูดเบา ๆ ว่า หนิงซวง หลังจากหาเจ้ามาหลายพันปี ข้าก็ได้รวบรวมวิญญาณราชาเทพธาตุแสงถึง 999 ดวงแล้ว ข้าจะใช้วิญญาณของพวกเขาเพื่อสร้างมาเป็นค่ายกลฟื้นคืนวิญญาณเพื่อบำรุงวิญญาณของเจ้า
ทันใดนั้นแสงจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากชายคนนั้น มี 999 ดวง ทุกจุดแสงเป็นตัวแทนของวิญญาณราชาเทพธาตุแสง วิญญาณเหล่านี้ได้รับการขัดเกลาด้วยวิธีพิเศษและมีขนาดเท่ากับฝุ่น หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพวกมันกระพริบแสงสีขาวจาง ๆ มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองเห็นพวกมันได้ด้วยตาเปล่า
วิญญาณของราชาเทพธาตุแสงต่างก็บินเข้าหาวิญญาณของหนิงซวนภายใต้การควบคุมของมนุษย์ เขาสร้างค่ายกลฟื้นคืนวิญญาณและวางไว้ใกล้กับวิญญาณของนาง ภายใต้ผลของค่ายกลฟื้นคืนวิญญาณ พลังงานวิญญาณทั้งหมดเริ่มหลอมรวมและซึบซับเข้ากับวิญญาณของหนิงซวน
หลังจากที่ค่ายกลฟื้นคืนวิญญาณเสร็จสิ้น ชายกลางคนก็จ้องไปที่วิญญาณของหนิงซวนพร้อมกับอารมณ์ที่ลึกล้ำว่า หนิงซวน ข้าได้จัดการทุกอย่างในโลกเซียนแล้ว เจ้าจะตื่นมาในไม่ช้า ชายคนนั้นจ้องไปที่วิญญาณของหนิงซวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะให้หินปีศาจชั้นฟ้ารับวิญญาณของนางคืนไป หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่หินปีศาจชั้นฟ้าก็กลับเข้าไปที่ทะเลสติของฮุสตัน
ชายวัยกลางคนกลับมายังรังมรณะ เขามองไปรอบ ๆ ในสถานที่มืดหม่นและถอนหายใจเบา ๆ ความต้องการของข้าบรรลุแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงไม่ต้องมีอยู่อีกต่อไป ถึงเวลาที่เจ้าต้องจบลงแล้ว ! เพียงแค่ชายคนนั้นยื่นนิ้วไปยังอากาศที่ว่างเปล่าสองสามครั้ง ค่ายกลขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในความว่างเปล่าก็ปรากฏขึ้นและเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว พลังงานชั่วร้ายและหมอกที่ผันผวนในรังมรณะนั้นถูกดูดเข้าด้วยกันก่อนที่จะกลายเป็นพลังกลืนกินวิญญาณที่บริสุทธิ์และพุ่งลงไปยังสระใต้ดิน
วิญญาณแค้นเซียนผู้คุมกฏ, เซียนราชาและเซียนจักรพรรดิทุกคนต่างก็ทรุดตัวลงและกลายเป็นหมอกดำพร้อมกับถูกดูดกลืนด้วยค่ายกล พวกเขาได้ถูกกลั่นให้กลายเป็นพลังงานบริสุทธิ์ผ่านพลังกลืนกินวิญญาณ
ชายกลางคนออกจากรังมรณะและมาที่เมืองทหารรับจ้างอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเขาเคลื่อนย้ายพริบตา เขาลอยอยู่กลางอากาศขณะที่มองดูเมืองด้านล่าง เขาไม่ได้ซ่อนตัว แต่ไม่มีใครเห็นการดำรงอยู่ของเขา
เฮ้อ เสี่ยวหลิงขี้เกียจเกินไป มันนานมากแล้วและนางก็แค่ฟื้นคืนมาเท่านั้น หนึ่งในสองผนึกที่ข้าประทับไว้ก็ถูกทำลายแล้วเช่นกัน ดูเหมือนว่าตราประทับที่เหลือจะอยู่ได้อีกไม่นานเช่นกัน ด้วยเหตุนี้การปรากฏตัวของชายกลางคนจึงถูกอธิบายได้ง่าย ๆ โดยที่เสี่ยวหลิงไม่แม้แต่จะรู้สึก เขาก็ลอดผ่านอุโมงค์ลึกใต้เมืองทหารรับจ้างและเข้าไปสู่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง