ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 981 ผู้ใดมาก็ไร้ประโยชน์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จ้าวเจินคิดจะหนีไป ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่คิดจะปล่อยเขา ไล่ตามไปทันที

ประกายกระบี่ปรากฏขึ้น เหมือนกับกระแสเวลาพาดขวางกลางมิติ ทำให้เส้นแบ่งของมิติและเวลาพร่าเลือน

เพลงกระบี่ทะเลม่วงของพรรคกระบี่คลื่นม่วงยิ่งใหญ่และตรงไปตรงมา มีพร้อมทั้งการโจมตีและการป้องกัน แต่ว่าไม่ได้สันทัดเรื่องความเร็ว

เยี่ยนจ้าวเกอร่างรวมกับกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน กระบี่กลายเป็นแม่น้ำ ติดตามจ้าวเจินอย่างรวดเร็ว

ตราประทับตะวันร่วงหล่น จ้าวเจินหลบหลีกจนไม่อาจหลบหลีก ได้แต่ดึงกระบี่ออกมาสู้

ครั้งนี้เขายังคงลงมือโดยใช้สภาวะป้องกัน เข้าโรมรันกับเยี่ยนจ้าวเกอ

พอเห็นวิธีการของจ้าวเจินคล้ายกับหยวนเสี่ยนเฉิง แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็วูบไหว เอ่ยปากถาม “พวกท่านกำลังรอผู้ใด”

จ้าวเจินได้ยินคำถามก็พลันรู้สึกตึงเครียดขึ้น

ยามนี้สีหน้าที่ฉายแววหวั่นเกรงและจนปัญญาก่อนหน้าของเขาสลายไปแล้ว กลับคืนสู่ความเยือกเย็น

“ข้าเดาว่า คนที่ไล่ตามข้าคงไม่ได้มาถึงเร็วขนาดนั้น” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็คงเป็นคนที่ตอนแรกรออยู่ด้านหน้าเหมือนกับพวกท่านแล้ว”

“หรือว่าจะเป็น…จางซู่เหริน ‘ต้นจักรพรรดิสะกดภูผา’ เขาออกจากเขารอบวง กำลังมาที่นี่ใช่หรือไม่”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่สนใจ ฝ่ายจ้าวเจินไม่ได้ตอบ เพียงแต่สภาวะกระบี่ของเขาหนักแน่นยิ่งขึ้น ดุจดั่งซ่อนเข็มในผ้าแพร

จอมยุทธ์ทิศใต้ที่เหลือได้ยินดังนั้นต่างก็เริ่มฮึกเหิมขึ้นมา

จางซู่เหริน ‘ต้นจักรพรรดิสะกดภูผา’ ผู้อาวุโสแห่งเนินต้นจักรพรรดิ ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย

หนึ่งในคนไม่กี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดบนเขตเพลิงทักษิณ รองจากประมุขทักษิณจวงเซิน เป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดที่มีชื่อเสียงอยู่ในโลกซ้อนโลกมานานปีเช่นกัน

จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บริเวณทางตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณในตอนนี้ เป็นผู้ดูแลจากเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ที่อยู่ที่นี่

หยวนเสี่ยนเฉิง ‘เนตรหงส์’ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังต้องก้มหัวให้ ไม่ว่าด้านพลังหรือวัยวุฒิล้วนด้อยกว่า

เยี่ยนจ้าวเกอมองจ้าวเจิน “พวกท่านคิดจะถ่วงเวลาข้าไว้ที่นี่รอจางซู่เหรินมากระมัง?”

“ถ้าให้ดีที่สุดคือไม่ต้องให้ต้นจักรพรรดิจางมา พวกข้าจัดการเจ้าทิ้งเสียที่นี่” ในที่สุดจ้าวเจินตอนนี้ก็เอ่ยปาก “เพียงแต่ดูจากตอนนี้แล้ว ดูเหมือนจะไม่ไหว”

เมื่อครู่เขามีความคิดหนี และเรียกหยวนเสี่ยนเฉิงให้ถอยไปด้วยกันจริงๆ

อยู่บนเขาเขียวไม่กลัวไร้ฟืนเผาไฟ

กระนั้นหยวนเสี่ยนเฉิงก็ได้บอกเขาเรื่องหนึ่งซึ่งทำให้สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนแปลงความคิด

แม้นจะไม่ได้มีหลักฐาน แต่ว่าจ้าวเจินเลือกเชื่อหยวนเสี่ยนเฉิง

ในตอนนี้เขาใช้สายตาที่แปลกประหลาดพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า “ตอนนี้ข้าเชื่อข่าวลือที่เจ้าเอาชนะ และไล่ล่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะกลางตอนยังอยู่ในทะเลหวงเจียแล้ว”

“โลกใบนี้ถึงกับมีคนแบบเจ้า พลังเหมือนอย่างเจ้านี้ ต่อให้เป็นบัวแดงที่เป็นบุตรีของจักรพรรดิแพรงามก็สู้ไม่ได้”

จ้าวเจินชมเชยพลางกล่าวว่า “เจ้าเป็นอันดับหนึ่งแห่งคนรุ่นหนุ่มสาวที่ผงาดขึ้นมาใหม่บนทะเลหวงเจียได้ไม่กี่ปี”

“เนินต้นจักรพรรดิบอกว่าเจ้ามาจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง ที่ครอบครองตราประทับตะวันเป็นเพราะวาสนาความบังเอิญ แต่ตอนนี้ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าอาจจะเป็นผู้สืบทอดของราชันพระอาทิตย์จริงๆ กระมัง”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น เขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เนินต้นจักรรพรรดิพูดถูกแล้ว ข้าได้ตราประทับตะวันมาเพราะวาสนาและความบังเอิญเท่านั้น”

ขณะที่เขาพูด มือกลับไม่หยุดลง ฟันกระบี่หนึ่งทำลายทะเลม่วงหลายชั้น

“ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดถ่วงเวลาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเรียบเฉย “จางซู่เหรินจะมาก็ให้เขามาเถอะ ข้าไม่คิดจะหนี และจะรอเขาอยู่บนเขามหาวิญญาณแห่งนี้เอง”

“กระนั้นข้าย่อมรอเขามาถึงได้ ส่วนพวกท่านจะรอได้หรือไม่ กลับไม่แน่แล้ว”

ประกายกระบี่สีม่วงช้ำที่น่ากลัวปกคลุมฟ้าดิน ทำให้จ้าวเจินไร้กำลังโต้ตอบ

เขาในตอนนี้หลบหลีจนไม่อาจหลบหลีก ได้แต่ฝืนต้านทาน

“พวกข้ารอไม่ถึงก็ไม่เป็นไร” จ้าวเจินกล่าวเสียงทุ้ม “ขอแค่รั้งเจ้าอยูที่นี่ได้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอมองจ้าวเจิน เข้าใจความหมายของเขา

จ้าวเจินครั้งนี้ที่มาช่วยเหลือเทือกเขาสันติภาพ ด้านหนึ่งเป็นเพราะให้เกียรติเนินต้นจักรพรรดิ ด้านหนึ่งเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเขากับหยวนเสี่ยนเฉิง

ตามปกติแล้ว เขาเพียงแค่ให้เกียรติเนินต้นจักรพรรดิ แต่ไม่ได้ขายชีวิตให้แก่เนินต้นจักรรรพดิ ไม่จำเป็นถึงขั้นต้องต่อสู้เสี่ยงตาย

เขาในฐานะยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งทะเลเจิดจ้า พรรคกระบี่คลื่นม่วงเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง

แต่ว่าถ้าหากแม้แต่กระบี่ทะเลม่วงก็ยังถูกทำลายลงที่นี่ พลังของพรรคกระบี่คลื่นม่วงจะตกลงอย่างใหญ่หลวง

แม้จะยังคงเป็นขุมกำลังระดับสุดยอดในทะเลเจิดจ้า แต่กลับไม่อาจถือครองอำนาจไว้ฝ่ายเดียวอีกต่อไป

ถึงขั้นที่ว่าอาจจะต้องเผชิญกับการกลุ้มรุมจากขุมกำลังอื่นๆ ในทะเลเจิดจ้าด้วย

เหมือนกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่อยู่บนทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ในตอนนั้น

ถ้าจ้าวเจินตายอยู่ที่นี่ ดูไปไม่ค่อยฉลาดนัก

แต่ถ้าเป็นเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังคงเลือกแบบเดียวกัน

หากจ้าวเจินสู้จนตัวตายที่นี่จริงๆ เนินต้นจักรพรรดิจะต้องไม่ยอมนิ่งดูดายสถานการณ์ในทะเลเจิดจ้า พรรคกระบี่คลื่นม่วงจะได้รับการสนับสนุนจากนเนินต้นจักรพรรดิ มีบารมีเท่าเดิม

แต่หากเยี่ยนจ้าวเกอหนีไป ต่อให้จ้าวเจินรอดกลับทะเลเจิดจ้า วันหน้าก็ไม่มีทางอยู่อย่างสุขสบาย

เพราะว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ!

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียน ก็มีความน่ากลัวถึงขนาดนี้แล้ว

วันนี้ถ้าปล่อยเสือกลับเขา ต่อจากนี้เยี่ยนจ้าวเกอยกพวกมา พรรคกระบี่คลื่นม่วงจะต้านทานได้อย่างไร

ถึงแม้ว่าจะมีเนินต้นจักรพรรดิคอยดูแล ก็ยากจะดูแลให้ครบทุกด้าน

เขาในตอนนี้มีแค่เส้นทางเดียวที่ต้องเดินต่อ ขอแค่รวบรวมพลังของยอดฝีมือในเขตเพลิงทักษิณได้ ก็จะรั้งเยี่ยนจ้าวเกอไว้ที่นี่ได้ตลอดกาล

“ความคิดไม่เลว แต่ว่า…” เยี่ยนจ้าวเกอฟันกระบี่ลง กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนเสียดสีผ่านคมกระบี่ทะเลม่วง ฟันใส่นิ้วของจ้าวเจิน

ไม่ทิ้งกระบี่ นิ้วต้องขาด!

จ้าวเจินดูเหมือนเยือกเย็น ภายนอกไม่ตื่นตระหนก แต่ครั้นตัดสินใจก็เด็ดเดี่ยวถึงขีดสุด

คมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอสับลง จ้าวเจินไม่ได้ปล่อยมือ กลับเขี่ยกระบี่ทะเลม่วงในมือเข้าหานิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน

กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนเร็วกว่า ประกายโลหิตปรากฏ ฟันนิ้วมือขวาของจ้าวเจินทิ้ง

จ้าวเจินหน้าไม่เปลี่ยนสี ด้วยเพราะเตรียมตัวไว้แต่แรก จึงใช้มือซ้ายรับด้ามกระบี่ทะเลม่วงไว้ดุจนสายฟ้า ฟันกระบี่ไถลไปเบื้องหน้าต่อ

“ยอดเยี่ยม!” เยี่ยนจ้าวเกอชมเชยเบาๆ พลันบิดข้อมือ

ประกายอันน่ากลัวสีม่วงช้ำบนกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนหายไป เกิดพลังอันอ่อนโยน ดีดกระบี่ทะเลม่วงออกเบาๆ

คมกระบี่ห่างกันเพียงปลายเส้นขน ไม่อาจกระทบถูกนิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอ

วินาทีถัดมา เยี่ยนจ้าวเกอก็สะบัดกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน ความนุ่มนวลแปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกระด้าง ความคมกล้าปรากฏ ก่อนจะฟันลงอีกกระบี่หนึ่ง

จ้าวเจินเปลี่ยนแปลงไม่ทัน มือซ้ายที่ถือกระบี่ในตอนนี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอฟันขาด!

อีกด้านหนึ่ง เสียงหงส์ร้องดังขึ้นในเปลวเพลิงอีกครั้ง

หยวนเสี่ยนเฉิงกำเนิดจากไฟอีกครา

แต่ว่ารอบนี้เขาปิดตาขวาแน่น มีเพียงแค่เงาแสงหงส์เพลิงในตาซ้ายที่สยายปีกหมายจะโผบิน

แม้นจะเป็นเช่นนั้น สามารถรอดจากความตาย ดับสิ้นแล้วเกิดใหม่ได้ ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี

เพียงแต่ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องน่ายินดีซึ่งทำให้ฮึกเหิม ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหม่นหมอง

หลังจากหยวนเสี่ยนเฉิงดับสิ้นและคืนชีพขึ้นมา ภาพแรกที่เข้ามาสู่สายตา ก็คือจ้าวเจินถูกเยี่ยนจ้าวเกอฟันแขนขาด!

ทว่าในตอนนี้เอง บนใบหน้าของหยวนเสี่ยนเฉิงและจ้าวเจินที่ตอนแรกอึมครึม ก็พลันฉายแววยินดีพร้อมกัน

กลิ่นอายที่แข็งแกร่งสายหนึ่งพุ่งมาแต่ไกลอย่างฉับพลัน มาจากเขารอบวงทางตะวันออก เป็นกลิ่นอายของยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย