ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 982 บอกจะฆ่าก็ฆ่า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ร้อนแรงดุจไฟ มีพลังชีวิตเปี่ยมล้ม

กลิ่นอายที่กล้าแข็งทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆ แทบต้องกลั้นหายใจ เบื้องหน้าปรากฏภาพหลอนขึ้น

เหมือนกับว่ามีต้นจักรรดิต้นหนึ่งตั้งสูงเทียมฟ้าอยู่ในเพลิงโหมไร้ขอบเขต บนยอดมีเสียงร้องของหงส์อันกระจ่างใสดังมา

จากนั้นก็เห็นต้นจักรพรรดิต้นนั้นร่วงหล่นลงมาจากฟ้า พุ่งมาอยู่บนยอดเขามหาวิญญาณ

ถึงแม้จะไม่ได้กล่าววาจา ทว่าทุกคนต่างทราบถึงสถานะของผู้มาเยือนดี

ผู้อาวุโสจากเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย จางซู่เหริน ‘ต้นจักพรรดิสะกดภูผา’

จอมยุทธ์ทิศใต้ต่างรู้สึกลิงโลด

ตอนที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอและจ้าวเจินก่อนหน้า ถึงแม้จะรู้แล้วว่าจางซู่เหรินกำลังมา แต่ได้ยินเป็นปลอม ได้เห็นเป็นจริง

ต่อให้จ้าวเจินไม่ได้ข่มขู่ และจางซู่เหรินกำลังมาที่นี่จริงๆ แต่ถ้าหากว่ามาช้าไป คนที่อยู่ที่นี่อาจจะตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอไปก่อน

กระนั้นการปรากฏตัวของจางซู่เหรินในตอนนี้ ก็ทำให้จอมยุทธ์ทิศใต้ทุกคนเหมือนได้กินยาระงับประสาท

เยี่ยนจ้าวเกอย่อมสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของจางซู่เหริน

ในคนที่อยู่รอบๆ เขาพบตัวจางซู่เหรินเร็วยิ่งกว่าหยวนเสี่ยนเฉิงและจ้าวเจินเสียอีก

สำหรับการมาถึงของยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าแล้ว ปฏิกิริยาของเยี่ยนจ้าวเกอคหลังจากฟันแขนของจ้าวเจินขาด ก็ไม่ได้ชะงักค้างแม้แต่น้อย แม้กระทั่งสะบัดกระบี่อีกครั้งด้วยซ้ำไป

จ้าวเจินที่พิการสองแขน วิชากระบี่ถูกทำลาย และญาณจริงแท้คุ้มครองร่างพังทลาย บัดนี้ได้แต่มองคมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอบรรลุถึงด้านหน้าตัวเองตาปริบๆ

ในท้องฟ้ามีเสียงตวาดดังมา ประกายเพลิงสายหนึ่งพุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว

เป้าหมายของประกายเพลิงไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกอ แต่เป็นจ้าวเจิน

ในเปลวเพลิงลุกโชนมีปราณสีขาวสายหนึ่งพรั่งพรูอกมา นำทางให้แก่พลังชีวิตของจ้าวเจิน ทำให้เขาหนีรอดออกมาได้

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยื่นอีกมือหนึ่งออกมา นิ้วชี้ประสานกับนิ้วโป้งกลางอากาศ ก่อนจะคว้าใส่อากาศ

ปราณขาวกุศลซ่อนสายหนึ่งที่ดูแลพลังชีวิตไม่ให้ขาดสะบั้นพลันถูกขวาง ทางรอดชีวิตของจ้าวเจินขาดลงโดยสิ้นเชิง

แสงสว่างหมุนบนคมกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน ศีรษะข้างหนึ่งลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า

พอศีรษะลอยไปถึงจุดสูงสุดแล้วถึงจะลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่ตายตาไม่หลับในขณะที่พลิกหมุน

ยอดฝีมือที่อยู่ทางตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณซึ่งมีจำนวนนับนิ้วได้ จ้าวเจิน ‘มือกระบี่คลื่นม่วง’ ยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง ผู้มีอำนาจเพียงหนึ่งเดียวบนทะเลเจิดจ้า วันนี้ตายด้วยกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ!

พอเห็นเหตุการณ์นี้ เหล่าจอมยุทธิ์ทิศใต้ที่เพิ่งจะสงบจิตใจลงได้ ก็เกิดความหวั่นไหวอีกครั้ง

ทุกคนถอยหลังโดยสัญชาตญาณ ต้นจักรพรรดิที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า กางกิ่งใบในเพลิงโหม บัดนี้ไม่อาจขับไล่ความหนาวเหน็บในจิตใจของพวกเขาได้อีก

หยวนเสี่ยนเฉิงเห็นจ้าวเจินกำลังจะถูกสังหาร สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลง พุ่งโถมเข้ามา

แต่ว่าตราประทับตะวันที่ยิ่งใหญ่และแข็งกร้าวนั้นกระแทกลง ขวางหยวนเสี่ยนเฉิงไว้อย่างมั่นคง ทำให้เขาได้แต่มองดูศีรษะและร่างของจ้าวเจินหลุดออกจากกัน

“โอ้ น่าสนใจยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับไม่มีเรื่องราวใด หมุนตัวมาไม่นำพา มองไปยังหยวนเสี่ยนเฉิง

ทว่าหยวนเสี่ยนเฉิงที่ดับสิ้นแล้วเกิดใหม่มาในครั้งนี้ กลับแตกต่างจากก่อนหน้า

นอกจากตาขวาที่ปิดแน่นแล้ว หยวนเสี่ยนเฉิงในตอนนี้ไม่ได้มีสภาพแก่ชราเหมือนเมื่อครู่อีก

รูปลักษณ์ภายนอกของเขาในตอนนี้มองไปเหมือนคนที่มีอายุราวๆ สี่ห้าสิบปี

หากดูจากรูปร่างหน้าตา ยังพอมองลักษณ์ชราก่อนหน้าออกอยู่บ้าง แต่ว่าอายุลดลงไปมาก

ในตอนที่เขาดับสิ้นแล้วเกิดใหม่เป็นครั้งแรก รูปร่างภายนอกกลับไม่เปลี่ยนแปลง

การสละร่างแยกที่ใช้ตาขวาหลอมมาอาบอัคคีคืนชีพในครั้งนี้ กลับทำให้รูปลักษณ์ของหยวนเสี่ยนเฉิงเปลี่ยนแปลง เหมือนเปลี่ยนจากชราเป็นทารก

เพียงแต่แม้รูปลักษณ์เหมือนกับไปอยู่ในวัยฉกรรจ์ พลังฝึกปรือของหยวนเสี่ยนเฉิงอ่อนแอลงหลายส่วนอย่างชัดเจนเช่นกัน ทว่าเขาก็ยังคงเป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง ยังคงกล้าแข็ง ถึงแม้ในจิตจริงแท้สี่จริยะที่ครอบครอง ปฐพีอานิสงส์เปลี่ยนเป็นเบาบางลงมากก็ตาม

เมื่อเชื่อมโยงกับตอนที่หยวนเสี่ยนเฉิงเพิ่งลงมือ หงส์เพลิงสองตัวในดวงตาสองข้างบินออกมา ตัวหนึ่งครอบครองปราณขาวกุศลซ่อน ตัวหนึ่งครองปฐพีอานิสงส์ เยี่ยนจ้าวเกอก็จุ๊ปากชมเชย “ถ้าหากว่าทำให้ตาซ้ายที่เหลืออยู่ของท่านบอด หรือกดดันให้ท่านสละตาซ้าย ใช้ดับสิ้นคืนชีพเป็นครั้งที่สาม ท่านจะเปลี่ยนเป็นหนุ่มขึ้นหรือไม่”

อายุจริงของหยวนเสี่ยนเฉิงมากกว่าจวงเจาฮุย ‘โอรสหงส์’ บุตรของจวงเซิน

แต่ว่าเมื่อเทียบกับจางซู่เหริน ‘ต้นจักรพรรดิสะกดภูผา’ และเผิงเฮ่อ ‘ราชาอัคคี’ เขายังเด็กกว่ามาก

แน่นอนว่าหากใช้อายุขัยของคนธรรมดามาเทียบ อายุของหยวนเสี่ยนเฉิงย่อมมากยิ่ง

แต่ถ้าหากใช้มาตราวัดอายุขัยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนมาคำนวณ หยวนเสี่ยนเฉิงยังอ่อนเยาว์ถึงขีดสุด

จะบอกว่ายังหนุ่มก็ไม่ถือว่าเกินเลย

รูปลักษณ์ชราภาพก่อนหน้าของเขา เมื่อมองดูในตอนนี้ สมควรเกี่ยวข้องกับการหลอมดวงตาสองข้างเป็นร่างแยกหงส์เพลิงของเขาแล้ว

ร่างแยกหงส์เพลิงที่ใช้ตาขวาหลอมสำเร็จครอบครองปฐพีอานิสงส์ ร่างแยกหงส์เพลิงที่ใช้ตาซ้ายหลอมออกมาครอบครองปราณขาวกุศลซ่อน

ตอนอายุยังน้อย หยวนเสี่ยนเฉิงใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ เพียงตั้งใจฝึกฝนแสงม่วงบารมีกับคลื่นบุญบารมี เขาจึงกลายเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง มีสี่จริยะหนุนนำร่างตั้งแต่ยังหนุ่ม

มาถึงปัจจุบัน พลังฝึกปรือของหยวนเสี่ยนเฉิงยิ่งมายิ่งสูง นอกจากบุญบารมีและจริยะธรรมแล้ว ก็เริ่มฝึกฝนจิตจริงแท้ของอานิสงส์และกุศลซ่อนด้วย

เมื่อมีร่างแยกที่ร้ายกาจสองร่างคอยช่วยเหลือ การสั่งสมของเขาจึงยิ่งใหญ่กว่าจอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิคนไหนๆ

ทว่าก่อนที่จะเกิดความสำเร็จจริงๆ ถ้าหากว่ามีร่างแยกร่างใดร่างหนึ่งหายไป พลังของเขาจะได้รับผลกระทบจนลดลงไม่น้อย

เมื่อสูญเสียร่างแยกที่ใช้ตาขวาหลอม ระดับปฐพีอานิสงส์ของเขาก็ตกลงอย่างใหญ่หลวง

ถ้าหากว่าร่างแยกที่ใช้ตาซ้ายหลอมหายไปอีก ปราณขาวกุศลซ่อนจะได้รับความเสียหายขนานใหญ่เช่นกัน

หยวนเสี่ยนเฉิงปิดตาขวาแน่น ใช้ตาซ้ายจับจ้องเยี่ยนจ้าวเกอที่เพิ่งสังหารจ้าวเจินเขม็ง

ในขณะเดียวกัน ชายชราผู้หนึ่งก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ปรากฏตัวด้านข้างหยวนเสี่ยนเฉิง

จอมยุทธ์ทิศใต้ทุกคนล้วนจำได้ ว่าว่าชายชราผู้นี้คือผู้อาวุโสของเนินต้นจักรพรรดิ จางซู่เหริน ‘ต้นจักรพรรดิสะกดภูผา’

“แม้แต่เสี่ยนเฉิงก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหรือ” จางซู่เหรินมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างจริงจัง

เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “การใช้แข็งข่มเหงอ่อน การใช้พวกมากรุม สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เหมาะกับจิตจริงแท้แห่งจริยะ เมื่อรุมโจมตีข้าร่วมกับคนอื่น พลังที่เขาใช้ออกมาได้ความจริงยังอ่อนด้อยกว่าการต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวเสียอีก แต่ว่าต่อให้เขาสู้คนเดียวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี”

“เกรงว่าประมุขอาคเนย์จะมองศักยภาพและพลังของเจ้าไม่ออกเช่นกัน” จางซู่เหรินไม่อ้อมค้อม เปลี่ยนเป็นพูดว่า “ข้าได้รับข่าวของศิษย์น้องเผิงว่า เจ้ากลับมายังโลกซ้อนโลกจากมิติต่างแดน สถานที่ที่เจ้าอยู่ก่อนหน้านี้มีคนในสำนักเข้าไปเป็นจำนวนมาก”

จางซู่เหรินมองเยี่ยนจ้าวเกอ ถามอย่างแช่มช้า “พวกเขาเป็นอย่างไรแล้ว”

“ล้วนตายอยู่ด้านในหมดแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างสงบนิ่ง “ถ้าหากว่าต้องการนับ ล้วนเกี่ยวข้องกับข้า จวงเจาฮุยเป็นข้าที่สังหารด้วยตัวเอง”

ฝ่ายจางซู่เหรินเงียบงันไปพักหนึ่ง ยกมือขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ให้ข้าดูหน่อยเถอะ ว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าโดดเด่นตรงไหน”

จางซู่เหรินแตกต่างกับคนอื่นๆ ในเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ที่ฝึกฝนวิชาดาบ

สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญคือวิชาฝ่ามือ

ฝ่ามือเทพต้นจักพรรดิที่เขาสร้างขึ้นมาได้เปิดศักราชใหม่ เพิ่มวรยุทธ์ใหม่เข้าไปในการสืบทอดของเนินต้นจักรพรรดิ

หลังจากที่จางซู่เหรินยกฝ่ามือขึ้น ต้นจักพรรรดิที่สูงเทียมฟ้าก็กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ขณะที่สะท้อนถึงพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ก็นำแรงกดดันที่ทำให้ผู้คนต้องกลั้นหายใจมาด้วย

มิติที่อยู่ใต้อาณาเขตการควบคุมของกิ่งใบบนต้นจักรพรรดิ ล้วนถูกเพลิงโหดกลืนกิน สลายหายไป!