ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 983 ขวานยักษ์ฟันต้นจักรพรรดิ!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จางซู่เหรินฟาดฝ่ามือหนึ่งออก ทั้งโจมตีทั้งป้องกัน ไร้สนใจและไร้ความแยบคาย ใช้สภาวะยิ่งใหญ่กดดันผู้คน

สภาวะด้านในสะท้อนถึงพลังของยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายอย่างเต็มเปี่ยม

หยวนเสี่ยนเฉิงที่อยู่ในช่วงสูงสุด มีพลังโดดเด่นกว่าใคร สามารถสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายได้มากมาย แต่ว่าจางซู่เหรินผู้อาวุโสของเขา ก็ยังคงเผ็ดร้อนและหนักแน่นกว่าหลายส่วน

“ดี!” เยี่ยนจ้าวเกอชมเชย ก่อนจะยื่นมือหนึ่งออกมา ยกตราประทับตะวันขึ้น

ความลี้ลับของคัมภีร์พลิกฟ้า คัมภีร์นภาหยินหยาง คัมภีร์เทพพระอาทิตย์ ในตอนนี้หลอมรวมกันหมดจด เกิดการข่มกันกับตราประทับตะวัน

ตราประทับตะวันที่ตอนแรกมีอานุภาพเกรี้ยวกราด ในวินาทีนี้สะท้อนบารมีที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ท่าฝ่ามือรอยตราพลิกนภากระตุ้นตราประทับตะวัน ปะทะกับจางซู่เหรินตรงๆ หนึ่งกระบวนท่า

มงกุฎสีแดงองค์หนึ่งบนศีรษะของจางซู่เหรินเปล่งแสง กลายเป็นลำเพลิงกระจายไปทั่วสี่ทิศ

เปลวเพลิงกับต้นจักรพรรดิที่เกิดจากสภาวะฝ่ามือของจางซู่เหรินผสานกัน ต้นจักรพรรดิต้นนั้นชัดเจนจนบดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน

ในวินาทีนี้ถ้าหากว่ามองดูจากด้านนอกเขามหาวิญญาณ จะสามารถเห็นประกายเพลิงในเทือกเขาสันติภาพพวยพุ่งขึ้นฟ้า ต้นจักรพรรดิต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น สะกดภูเขาหลายลูก

และด้านข้างต้นจักรพรรดิก็มีดวงอาทิตย์สีทองดวงหนึ่งลอยขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือหนึ่งรองตราประทับตะวัน ส่วนในมืออีกข้างหนึ่งกลับมีกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าเพิ่มขึ้นมาหนึ่งท่อน

หยวนเสี่ยนเฉิงเห็นดังนั้น ใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย “อาจารย์อาระวังกระบองไม้ไผ่ของเขาด้วย ข่าวที่ลูกศิษย์ของจักรพรรดิเอกภพส่งมาเป็นความจริง!”

แววตาของจางซู่เหรินพลันคมกริบ เขาไขว้สองฝ่ามือ ข้างหนึ่งโจมตีใส่ตราประทับตะวัน อีกข้างชักกลับมาป้องกันด้านหน้า ขวางกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าในมือเยี่ยนจ้าวเกอ

“ขึ้น!” เยี่ยนจ้าวเกอตวาดเสียงเบา ใช้ฝ่ามือยกตราประทับตะวันขึ้น

ดวงอาทิตย์ลอยสูงกลางหาว ก่อนจะพุ่งสู่ผืนดิน กดดันต้นจักรพรรดิที่ถูกเปลวเพลิงห้อมล้อม

หลังจากนั้นติดๆ กัน เยี่ยนจ้าวเกอก็หยิบกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนออกมา ใช้กระบวนท่าสังหารมังกรเขียวจู่โจมใส่จางซู่เหริน

‘วิชากระบี่ที่มีจิตสังหารเข้มข้น’ จางซู่เหรินเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว

เขายกมือหนึ่งขึ้น ป้องกันตราประทับตะวัน

อีกมือหนึ่งเปลี่ยนทิศอย่างฉับพลัน ไม่ขัดขวางกระบองไม้ไผ่ของเยี่ยนจ้าวเกออีกต่อไป แต่ฟาดใส่เยี่ยนจ้าวเกอแทน!

หลายคนบอกเล่ากันว่าจางซู่เหริน ‘ต้นจักรพรรดิสะกดภูผา’ หนักแน่นเยือกเย็น แต่ว่าพอมาอยู่ในสถานการณ์ต่อสู้ที่อึดใจเดียวก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย เขาก็ไม่ขาดความเด็ดเดี่ยวในการโจมตีด้วยตัวเอง

ในวินาทีนี้ ทั่วทั้งร่างของจางซู่เหรินมีแสงม่วงบารมี ปฐพีอานิสงส์ ปราณขาวกุศลซ่อน และคลื่นบุญบารมีพรั่งพรูออกมาพร้อมกัน

สี่จริยะหนุนเสริมร่าง ป้องกันกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ

จางซู่เหรินมองข้ามกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าของเยี่ยนจ้าวเกอ ที่กำลังฟาดใส่มงกุฎหงส์กู่ร้องบนศีรษะของเขา

ตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่า เมื่อใช้โจมตีปะทะโจมตี พลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอจะรับการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายได้หรือไม่!

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน เก็บกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้า ใช้มือซ้ายฟาดรอยตราพลิกนภาออกไปใส่โดยไม่หลบหลีก!

ทั้งสองฝ่ายปะทะฝ่ามือกันกลางอากาศ ร่างของคนทั้งสองต่างส่ายไหว

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดงกลับไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!

มือขวาของเขาถือกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน ใช้วิชาสังหารมังกรเขียว ฟันใส่จางซู่เหรินอย่างไม่มีเกรงใจ!

เปลวเพลิงลุกโชน ญาณจริงแท้ยิ่งใหญ่ปกป้องร่างกายของจางซู่เหริน ทว่าภายใต้การโจมตีโดยประกายกระบี่สีม่วงช้ำที่น่าสะพรึง เพลิงโหมกลับถูกฟันสลายอย่างหักโหม

ปฐพีอานิสงส์ที่เสริมฟ้าสืบทอดเต๋า และคลื่นบุญบารมีที่ไม่กร้ำกรายสรรพวิชาสำแดงฤทธิ์ กำลังจะเสริมเพลิงโหมที่ถูกทำลาย และช่วยป้องกันประกายกระบี่

แสงม่วงบารมีถูกระตุ้นเพราะประกายกระบี่อันน่ากลัว กำลังจะขจัดรังสีสังหาร ส่วนปราณขาวกุศลซ่อนเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่

แต่ว่าประกายสีม่วงที่น่ากลัวเหมือนเลือดมังกรสาดกระเซ็นนั้น ในวินาทีนี้เปลี่ยนชีวิตเป็นความตาย รังสีสังหารเทียมฟ้า เคลื่อนที่ไปด้านหน้าไม่หยุดยั้ง

ฝ่ายหนึ่งโจมตีดุดัน ฝ่ายหนึ่งป้องกันหนาแน่น คนทั้งสองติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน

จางซู่เหรินแม้ว่าจะแบ่งความสนใจไปไว้ยังแรงกดดันที่ตราประทับตะวันด้านบนนำมา แต่เขาสามารถกระตุ้นพลังของมงกุฎหงส์กู่ร้องซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงบนศีรษะได้อย่างสมบูรณ์

ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้ากระตุ้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ย่อมไม่ธรรมดา พลังของทั้งสองฝ่ายกระตุ้นกันและกัน สำแดงอานุภาพอย่างหมดจด

เยี่ยนจ้าวเกอไม่เพียงแต่ติดที่พลังฝึกปรือไม่อาจกระตุ้นพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้ทั้งหมด ระหว่างอาวุธและวิชากระบี่ของเขายังไม่เหมาะสมกันด้วย

ทว่าในม่านตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันมีสีแดง สีดำ และสีขาวกะพริบขึ้น

ประกายของกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง

กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนที่ตอนแรกบริสุทธิ์ราวกับสายน้ำ เหมือนกับกระแสเวลา ยามนี้ถูกประกายโลหิตชั้นหนึ่งคลุม

กระแสเวลาเชี่ยวกรากตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด!

เหมือนกับกำลังแสดงให้เห็นว่า เมื่อกาลเวลาเลื่อนไหล ชีวิตทั้งหลายก็เหลือเพียงน้อยนิด

และที่สุดปลายทางของกลายเวลา จุดจบก็คือทุกอย่างสูญสลาย สรรพสิ่งหายไป

พริบตาเดียว วิชากระบี่สังหารมังกรเขียวที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนผลักดัน ก็มีพลังทำลายล้างเพิ่มขึ้นอีก!

‘แม้แต่กาลเวลายังถูกรังสีสังหารซึมผ่านหรือ’ จางซู่เหรินรู้สึกได้ถึงการคุมคามในการเปลี่ยนแปลงนี้

เขาจนปัญญา ได้แต่ถอยท่าร่างไปด้านหลัง

แสงม่วงบารมีกะพริบ ปราณขาวกุศลซ่อนพรั่งพรู จางซู่เหรินหลบรอดคมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ

แต่พอเขาถอย ตราประทับตะวันก็พลันร่วงหล่น

จางซู่เหรินได้แต่หยุดฝีเท้า ยกมือซ้ายขึ้นป้องกันดวงอาทิตย์สีทองที่พุ่งลงมานั้น

เมื่อร่างของเขาชะงัก คมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอก็ติดตามมาอีก

แต่ว่าครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดมือ กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนลอยออกจากมือ กลายเป็นรุ้งยาวสีโลหิต เป้าหมายคือมงกุฎหงส์กู่ร้องบนศีรษะของจางซู่เหริน!

จางซู่เหรินร่างถูกตราประทับตะวันหยุดไว้ ยากจะหลบหลีก ได้แต่ฟันมือขวาออก คิดจะกระแทกกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนให้ให้กระเด็นไป

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด ขณะที่หยินหยางที่ใจกลางฝ่ามือกลับคืนสู่อนัตตา ทำลายทุกสรรพสิ่ง ก็ก่อเกิดแรงดึงดูดมหาศาล ยึดมือขวาของจางซู่เหรินไว้ กดดันให้เขาต้องปะทะฝ่ามือด้วย

จางซู่เหรินจนปัญญา เอียงศีรษะเล็กน้อย

ทว่ารุ้งโลหิตที่เกิดจากกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนหักเลี้ยวเป็นเส้นโค้งอันงดงามกลางอากาศ ยังคงฟันลง ฟันมงกุฎหงส์กู่ร้องบนศีรษะของจางซู่เหรินกระเด็น!

ขณะเห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของตัวเองกำลังจะถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนฟันใส่ จางซู่เหรินก็เกิดสังหรณ์ใจไม่ดี

เป็นอย่างที่คาด วินาทีต่อมา ในเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มขวานยักษ์หยกขาวเล่มหนึ่ง

เขาใช้สองมือกำด้ามขวาน จากนั้นก็ควงจามใส่เอวของจางซู่เหริน!

ในสายตาของคนที่มุงดู เห็นแสงวิญญาณหลายสายระหว่างฟ้าดิน กลายเป็นขวานยักษ์เบิกฟ้าที่สร้างจากหยกขาว จากนั้นก็จามใส่ลำต้นของต้นจักรพรรดิที่สูงเสียดฟ้านั้น

ภายใต้การจามในครั้งนี้ แม้นจะเป็นต้นจักรพรรดิที่สูงใหญ่คล้ายกับค้ำฟ้ายันดินได้ก็เกิดการสั่นสะเทือนเช่นกัน

กิ่งใบจำนวนนับไม่ถ้วนหล่นโปรยปรายลงด้านล่าง ลำต้นที่เหมือนกับค้ำยันท้องฟ้าได้ถึงกับเอนเอียงเล็กน้อย!

ขณะมองขวานย้อนเอกภพในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ จางซู่เหรินซึ่งที่แล้วมาเยือกเย็นก็เกิดความรู้สึกคับข้องใจขึ้น

กระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าที่แปลกกระหลาดนั้นยังไม่นับ นอกจากตราประทับตะวันและกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนแล้ว คนหนุ่มตรงหน้านี้ยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นที่สามอีกหรือนี่

อีกฝ่ายคิดจะใช้ของวิเศษกลบฝังเขาจนตาย อาศัยจำนวนศาสตราวุธข่มเห่งคนหรือไร

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ดูเหมือนเขาจางซู่เหรินจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนไม่ใช่หรือ

เด็กน้อยที่ทั้งตัวล้วนเป็นของล้ำค่านี้ เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงกระมัง

ด้วยเวลาและประสบการณ์ของจางซู่เหรินที่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียน ด้วยพลังฝึกปรือของเขา คิดจะหลอมสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งชิ้นจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ปัญหาที่จำกัดเขาไว้หลักๆ อยู่ที่การขาดแคลนวัตถุดิบ

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่ยังไม่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียนแท้ๆ แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวกลับมีแต่ของล้ำค่า

เทียบกับความรู้สึกพ่ายแพ้แล้ว สิ่งที่เติมเต็มจิตใจของจางซู่เหรินในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นความรู้สึกเหลวไหล

ทำให้เขาอึดอัดจนอยากกระอักเลือด

………………..