ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 984 อัจฉริยะสะท้านโลก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจจิตใจของจางซู่เหรินในตอนนี้

เขาจามขวานใส่อย่างดุร้าย เกือบจะโค่นต้นจักรพรรดิสูงเทียมฟ้านั้นได้!

จางซู่เหรินเดือดดาลจนแทบกระอักเลือด ตอนนี้ได้แต่กัดฟันไว้

เขาพลันออกแรง อาศัยการระเบิดครู่สั้นๆ กระแทกตราประทับตะวันออกไปครู่หนึ่ง

จากนั้นก็ไขว้สองมือ กระบวนท่าเปลี่ยนแปลง หยุดโจมตี เปลี่ยนเป็นป้องกันอย่างสุดกำลัง

ตอนนี้รูปทรงของต้นจักรพรรดิที่ค้ำฟ้ายันดินอยู่เริ่มเป็นจริงมากขึ้น มันส่องแสงวิเศษพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ขณะนี้ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายเหมือนกับกลายเป็นต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า

ปฐพีอานิสงส์ปรากฏใต้เท้า ครอบคลุมเขามหาวิญญาณ เชื่อมต่อกับฟ้าดิน รองรับฟ้าบรรจุทุกสรรพสิ่ง

คลื่นบุญบารมีวนเวียนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ไหลเวียนไม่หยุดยั้ง คงอยู่ชั่วกาลนาน

แสงม่วงบารมีสาดแสงบนกิ่งใบ ปราณขาวกุศลซ่อนลอยอ้อยอิ่งระหว่างกิ่งใบที่หนาแน่น เหมือนมีเหมือนไม่มี

พลังป้องกันของจางซู่เหรินเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด

ฝ่ามือเทพต้นจักรพรรดิของเขาละทิ้งการโจมตี เปลี่ยนมาป้องกันอย่างสุดกำลัง ซึ่งเดิมทีเป็นกระบวนท่าป้องกันอันดับหนึ่งของเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์

ตอนนี้ยังมีสี่จริยะหนุนนำร่าง แสดงออกถึงระดับสูงสุดที่พลังป้องกันของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าซึ่งเป็นผู้สืบทอดสายตรงของเนินต้นจักรพรรดิจะไปถึงได้

เยี่ยนจ้าวเกอจามขวานเข้าไป ทว่าต้นจักรพรรดิมั่นคงไม่สั่นไหว!

‘ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย’ ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอทอประกาย เขาเก็บขวานย้อนเอกภพ ทว่าในมือกลับเพิ่มของที่เหมือนกับกระบี่สั้นและตราประทับขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

จางซู่เหรินเห็นดังนั้นก็เดือดดาลจนหัวเราะออกมา ‘อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอีกแล้วหรือ’

เป็นตรากระบี่กาลเวลา

เยี่ยนจ้าวเกอมือถือตรากระบี่กาลเวลา ใช้มันแทนกระบี่ แทงวิชาสังหารมังกรเขียวใส่จางซู่เหรินอีกรอบ

ตรากระบี่กระทบถูกต้นจักรพรรดิที่เกิดจากจางซู่เหริน ประกายกระบี่ที่น่าสะพรึงสาดแสงระยิบระยับ ต้นไม้สูงเสียฟ้าพลันสั่นสะเทือน

ผิวของลำต้นที่เปล่งแสงสว่างถึงกับปรากฏร่องรอยแห้งเหี่ยว

ปฐพีอานิสงส์ลอยขึ้นมาจากด้านล่าง เหมือนกับส่งสารอาหารจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมา ทำให้ร่องรอยแห้งเหี่ยวบนลำต้นค่อยๆ มีชีวิตชีวาอีกครั้ง

แต่หลังจากนั้นติดๆ กัน มันก็แห้งเหี่ยวอีกครั้งเพราะการโจมตีจากประกายกระบี่

ทั้งสองฝ่ายค่อยๆ ปรากฏสภาพยื้อยัน

เยี่ยนจ้าวเกอไม่รีบร้อน ทว่าจางซู่เหรินกลับเคร่งเครียด เพราะตราประทับตะวันที่ก่อนหน้านี้ถูกเขากระแทกออกไป กลับร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง!

ดวงอาทิตย์สีทองพุ่งลงด้านล่าง เป้าหมายก็คือต้นจักรพรรดิที่ยื่นสูงเข้าไปในหมู่เมฆ

ตำนานหงส์เพลิงพักบนต้นจักรพรรดิ ทุกคนล้วนรู้จักดี

ทว่าในตอนนี้กลับเหมือนมีอีกาทองอาทิตย์ตัวหนึ่งโฉบลงมาจากฟ้า พุ่งใส่ต้นจักรพรรดิต้นนั้น

ไม่ว่าหงส์เพลิงจะยินดีหรือไม่ และไม่ว่าต้นจักรพรรดิจะยินดีหรือไม่

ถึงแม้ว่าทั่วทั้งต้นจักรพรรดิจะมีเปลวเพลิงไหลเวียน ไม่เพียงแต่ไม่กริ่งเกรงไฟ กระทั้งตัวมันยังก่อกำเนิดไฟ

กระนั้นในตอนนี้กิ่งใบต้นจักรพรรดิที่มีชีวิตชีวาก็เกิดสภาวะแห้งเหี่ยวอย่างเลือนราง เพราะการเผาไหม้ของดวงอาทิตย์อันลุกโชน กิ่งใบต้นจักรพรรดิที่มีชีวิตชีวาก็เกิดสภาวะแห้งเหี่ยวอย่างเลือนราง!

หยวนเสี่ยนเฉิงสะกดอารมณ์ต่อไปไม่ไหว ร่างกลายเป็นหงส์เพลิง มาถึงด้านบนสุดของต้นจักรพรรดิ

หงส์เพลิงเริ่มขับไล่อีกาทองที่หมายจะยึดรังหงส์ของตัวเอง ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือด

หยวนเสี่ยนเฉิงเขวี้ยงพัดห้าหงส์เพลิงของตัวเองไปยังกิ่งใบ มอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นนี้ให้จางซู่เหรินยืมใช้ชั่วคราว

จางซู่เหรินกลับไม่ได้ใช้ ตอนนี้เขาได้แต่ป้องกันสุดกำลัง หากรับพัดห้าหงส์เพลิงไว้ ก็ได้แต่ถูกกระบองไม้ไผ่ของเยี่ยนจ้าวเกอฟาดใส่เปล่าๆ

ผู้อาวุโสแห่งเนินต้นจักรพรรดิผู้นี้สงบจิตใจลง ตั้งใจป้องกันสภาวะโจมตีของเยี่ยนจ้าวเกอ พร้อมกับสำรวจเยี่ยนจ้าวเกอไปด้วย

หลังจากผ่านการต่อสู้กับนักพรตตงเฉวียน จ้าวเจิน และหยวนเสี่ยนเฉิงมา และประมือกับเขาจางซู่เหรินอีกครั้ง

แม้นว่าจะเป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายซึ่งมีระดับเท่ากับเขาคนอื่น ต่อให้ไม่หมดแรง ก็ต้องสิ้นเปลืองกำลังไปไม่น้อย

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเป็นปรกติ แต่การหายใจกลับหนักหน่วง เห็นร่องรอยชัดเจนขึ้น

ปราณหยินหยางสองสายเป็นสีขาวดำ ถูกเขาดูดกลืนไม่หยุดยั้ง

ทว่าการหายใจของเยี่ยนจ้าวเกอนี้ ต่อให้จะประมือกับผู้ทรงอำนาจที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าอย่างจางซู่เหริน ก็ไม่ปั่นป่วนแต่ประการใด ยังคงรักษาจังหวะที่สงบนิ่งหนักแน่นไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

แสงสีชาด ขาว เขียว แดง ดำห้าสีเปล่งแสงระหว่างช่องท้องของเขา อีกทั้งยังหมุนวนไม่หยุด

บนหน้าผากยังมีลวดลายไท่จี๋บัดเดี๋ยวปรากฏบัดเดี๋ยวสูญหาย หมุนวนไม่หยุดเช่นกัน

จางซู่เหรินเห็นดังนั้น ในใจตื่นตระหนกกว่าเดิม ‘มิน่าถึงได้มีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้! คนหนุ่มผู้นี้ครอบครองวรยุทธ์มากน้อยขนาดไหนกันแน่?’

“อาจารย์อาจาง เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้อย่างน้อยบรรลุคัมภีร์พลิกฟ้า หนึ่งในสามคัมภีร์ก่อนกำเนิด และคัมภีร์นภาหยินหยางกับคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตซึ่งอยู่ในหกคัมภีร์หลังกำเนิด ซึ่งเป็นการสืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์”

หยวนเสี่ยนเฉิงมองออกว่าอาจารย์อาของตนคิดจะสู้ยืดเยื้อกับเยี่ยนจ้าวเกอ จึงรีบร้อนกล่าวเตือน

จางซู่เหรินว่า “ข้าทราบแล้ว นอกจากนี้ ยังอาจจะมีคัมภีร์นภากาลเวลา อีกทั้งยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับยอดเขาอัศจรรย์หรือไม่ เขายังใช้ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด หนึ่งในห้ากำเนิดแรกเริ่มจากสายเอกพิสุทธิ์ได้ด้วย!”

“เด็กน้อยผู้นี้ปีนี้เพิ่งมีอายุเท่าไร?” จางซู่เหรินพูดพลางสูดหายใจเย็นเยียบ

วรยุทธ์ที่เหนือกว่าระดับสูงสุด หลักการที่แฝงอยู่ยิ่งลี้ลับน่าอัศจรรย์ คิดจะฝึกฝนให้สู้ถึงระดับหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์จำเป็นต้องใช้ความพยายามไม่น้อย

คัมภีร์พลิกฟ้า คัมภีร์นภาหยินหยาง ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาฝึกฝน ส่วนใหญ่เกรงว่าจะต้องใช้ความพยายามทั้งชีวิต

แน่นอนว่าเวลาที่ต้องใช้ ก็มากพอจะสร้างจอมยุทธ์ระดับสุดยอดได้คนหนึ่ง

วรยุทธ์จำนวนมากเหล่านี้รวมอยู่ในคนเดียวกัน ที่คนหนุ่มตรงหน้ามีพลังที่น่าพรั่นพรึงขนาดนี้ได้ ดูเหมือนจะไม่ได้แปลกประหลาดให้แก่ผู้คนถึงเพียงนั้น

พูดง่ายแต่ทำยาก

ทำได้อย่างไร…นี่ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อมากกว่า

ยังไม่เอ่ยถึงว่าจางซู่เหรินผจญภยันอันตรายอยู่ในโลกซ้อนโลกมาหลายปี แม้จะเป็นหยวนเสี่ยนเฉิง ในกลุ่มจอมยุทธ์ระดับเดียวกันก็ยังถือว่าอายุน้อยยิ่ง แต่ว่าในแนวคิดเรื่องเวลาของคนจำนวนมาก ก็ถือว่ามีชื่อเสียงมานานปี

อัจฉริยะบุคคลแต่ละรูปแบบล้วนเคยเห็นมานับไม่ถ้วน ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้านี้ยังคงทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกเหมือนทัศนคติถูกโค่นล้ม

เหตุใดแม้แต่เขตตะวันอาคเนย์ที่เป็นศัตรูยังชื่นชมพลังของหยวนเสี่ยนเฉิง

สืบเนื่องจากไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุอะไร เขาก็เป็นคนเพียงคนเดียวของเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ ที่พลังฝึกปรือยังไม่เลื่อนถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย แต่ก็ครอบครองสี่จริยะในเวลาเดียวกัน

เรื่องนี้ได้ปูเส้นทางที่มุ่งสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าให้แก่หยวนเสี่ยนเฉิง ขอแค่สั่งสมมากพอ ย่อมคว้าระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายได้สิบส่วน และสร้างความมั่นใจได้อีกเก้าส่วน

อีกทั้งยังมีความหวังว่าจะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งประมุขในหมู่คนเหมือนจวงเซิน อาจารย์ของเขา

จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิคนอื่นไม่คิดจะเป็นเหมือนเขาหรือ

ย่อมคิด ทว่า…ทำไม่ได้

ก่อนจะเรียนวิ่ง ได้แต่ก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างหนักแน่นทีละก้าว

หยวนเสี่ยนเฉิงมากพรสวรรค์ แต่ก็เป็นเพราะวาสนา จึงค่อยอยู่เหนือกว่าหลักเหตุผล เดินมาถึงระดับนี้ในวันนี้ได้

ทว่าเมื่อเทียบกับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว กลับห่างชั้นจนถึงขั้นที่สร้างความตกตะลึงให้แก่จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิ

อย่าว่าแต่เยี่ยนจ้าวเกออายุน้อยกว่าหยวนเสี่ยนเฉิงมากเกินไป แม้ทั้งสองจะมีอายุเท่ากัน ก็มีความแตกต่างมากเกินไปอยู่ดี

“คัมภีร์พลิกฟ้า…ถึงกับมีคัมภีร์พลิกฟ้า หนึ่งในสามคัมภีร์ก่อนกำเนิด เมื่อเป็นเช่นนี้ ความยิ่งใหญ่ของญาณจริงแท้ของเขาย่อมสุดที่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงจะเทียบเคียงได้” จางซู่เหรินรู้สึกฝาดขมในปาก “คัมภีร์นภาหยินหยาง ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด ฝึกวรยุทธ์ของสายหยกพิสุทธิ์และเอกพิสุทธิ์ร่วมกันหรือ เช่นนั้นความเร็วในการฟื้นพลังของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าข้าเสียอีก”

“ถ้าหากยังฝึกฝนคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตอีก เช่นนั้นก็เพิ่มการสั่งสมและการฟื้นฟูญาณจริงแท้ให้เขาอีกขั้นหนึ่ง”

ผู้อาวุโสเนินต้นจักรพรรดิใช้สายตามองดูสัตว์ประหลาดมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ยังไม่แน่ว่าผู้ใดจะเหนื่อยตายก่อน

………………..