เขตต้องห้ามแม่น้ำนรกที่ทำให้ทุกคนพูดถึงแล้วหน้าเป็นต้องเปลี่ยนสี

เพียงแต่สถานที่นี้น่ากลัวเพียงใดนั้น กลับไม่มีใครสามารถอธิบายอย่างชัดเจนได้

ไม่เพียงเพราะที่แห่งนี้กว้างใหญ่ มีอันตรายที่แปลกประหลาดและอัปมงคลซ่อนอยู่มากเกินไป ยังเป็นเพราะผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เข้ามาในนี้ แปดถึงเก้าในสิบล้วนไม่สามารถกลับออกไปได้!

ตอนนี้สิ่งที่สะท้อนอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็คือโลกสีเลือดใบหนึ่ง

ทอดสายตามองไป พื้นดินราวกับเคยถูกเลือดของเทพมารท่วม แสงโลหิตบาดตา ในอากาศไอชั่วร้ายลมโลหิตกู่ก้องราวกับหมอกที่ปกคลุมฟ้าดิน

สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าในหมอกสีเลือดนั่นมีแนวภูเขาเป็นคลื่นราวกับสัตว์ใหญ่มากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกสีเลือด หมายจะเลือกคนมากลืนกิน

สิ่งที่น่าตกใจที่สุด คือบนท้องฟ้ามีตะวันโลหิตเก้าดวงแขวนลอยอยู่!

ตะวันโลหิตไม่ได้แสบตา กระจายอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกันบนท้องฟ้า โคจรและเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ราวกับถูกเลือดที่ไร้จำกัดย้อมจนแดงเถือก เห็นแล้วชวนสยดสยอง

เพียงแค่แวบเดียวหลินสวินพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันดุร้ายรุนแรงที่ปะทะเข้ามา ทั้งกายใจล้วนกดดัน

นัยน์ตาดำของเขาหดรัดลงเล็กน้อย ในใจหวาดหวั่น

เมื่อมองดูสีหน้าของพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิง โม่เทียนเหอ ต่างก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน พลังขับเคลื่อนรอบตัวพลุ่งพล่าน ต่างระแวดระวังขึ้นมาราวกับเผชิญศัตรูที่แข็งแกร่ง

“นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ระหว่างทางจะต้องเจอกับสิ่งแปลกประหลาดและอัปมงคลที่ไม่คาดคิด ทุกคนจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด!

เจิ้นอวิ๋นเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เน้นย้ำทุกคน

“ข้านำทางเอง”

จี้ซิงเหยาเดินขึ้นหน้า พลังรอบตัวพลันหมุนเวียน

วู้ม!

เหนือศีรษะของนางปรากฏกระดูกมือที่ไม่สมประกอบชิ้นหนึ่ง ขาวซีดราวกับหยก แผ่แสงสีขาวงดงามที่คลุมเครือเป็นวงๆ

แกรก!

กระดูกมือนั่นราวกับฟื้นคืนชีพ ข้อนิ้วชี้กลางอากาศคราหนึ่ง แสงขาวสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากห้วงอากาศ ขยายตัวไกลออกไป

เป็นเหมือนทางเดินสายหนึ่ง!

จากนั้นทุกคนก็เร่งตามหลังจี้ซิงเหยา มุ่งไปยังจุดที่ห่างออกไป

‘นี่คือเศษกระดูกอริยะท่อนหนึ่ง ถูกบรรพบุรุษเรือนกระบี่เร้นปุจฉาของข้าหลอมเป็น ‘แสงเทพนำทาง’ มีมันคอยนำทางสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งชั่วร้ายได้ คราวที่แล้วตอนที่ข้าไปถึงบ่อโลหิตนรกเทพ ก็พึ่งสมบัตินี้ในการนำทาง’

ระหว่างทางจี้ซิงเหยาสื่อจิตกับหลินสวิน ‘หากไม่มีสมบัติระดับนี้คอยนำทาง ไม่ว่าใครเข้าสู่เขตต้องห้ามแม่น้ำนรกแห่งนี้ ก็จะหลงทางอยู่ภายใน ง่ายที่จะประสบเคราะห์’

หลินสวินพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ

ข้างทางหมอกโลหิตคละคลุ้ง กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าสะพรึง รอบๆ สายลมคำรามราวกับเสียงร่ำไห้ของเทพมาร พาให้ขวัญหนีดีฝ่อ

ระหว่างทางไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือคนอื่นๆ ล้วนขับเคลื่อนพลังรอบตัว จึงจะสามารถกำจัดกลิ่นอายกดดันที่มีอยู่ทุกแห่งหนนั้นได้

แกรก!

ไม่นานใต้เท้าของโม่เทียนเหอมีเสียงแตกหักดังมา เสียดหูอย่างมากในบรรยากาศที่เงียบเชียบนี้

ทุกคนตกใจ เคลื่อนสายตาไปบนพื้น พบว่ามีกะโหลกศีรษะสีเลือดชิ้นหนึ่งแต่ถูกเหยียบแตกแล้ว เบ้าตาที่ว่างเปล่ามองท้องฟ้า ปากคลี่ออกราวกับกำลังหัวเราะเยาะ

“ซวยชะมัด!”

โม่เทียนเหอสีหน้ามืดทะมึน เสียงปังดังขึ้นคราหนึ่ง ก็เตะกะโหลกนั่นจนปลิวออกไป

ใครจะคิดว่าหัวกะโหลกที่ไม่สมบูรณ์นั่นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกลางอากาศอย่างกะทันหัน แปลงเป็นอีกาโครงกระดูก ส่งเสียงกรีดร้องแหลมคม

เสียงนั่นกลืนจิตชิงวิญญาณ แสบหูอย่างที่สุด ทำลายความเงียบสงัดกลางฟ้าดิน

ภาพที่แปลกประหลาดนี้ทำให้ทุกคนต่างตกใจ

“แย่แล้ว อีกาผีนี่เหมือนกำลังร้องเรียกอะไรอยู่!”

ประกายเย็นเยียบแวบผ่านในสายตาของเจิ้นอวิ๋นเฟิง ฝ่ามือซัดกระบี่เหินสีดำออกไปโดยพลัน เคลื่อนผ่านอากาศราวตัดทะลวง

ปัง!

อีกาโครงกระดูกระเบิดกระจายกลายสภาพเป็นหมอกโลหิต เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แท้จริง

“รีบไปกันเถอะ!”

นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัดลงกะทันหัน สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงคว้าแขนของจี้ซิงเหยาพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงอึ้งไปก่อน จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เร่งตามไปติดๆ

ครืนโครมๆ!

พวกเขาเพิ่งจะจากไป แผ่นดินในบริเวณที่อยู่ตอนแรกแยกออกจากกัน โครงกระดูกมากมายที่ชุ่มเลือดพุ่งออกมา ร่างกายล้วนไม่สมประกอบ

แต่ที่น่าแปลกคือ กระดูกบนร่างกายของพวกมันกลับรวมตัวอย่างต่อเนื่อง เลือดพรูไหลเต็มร่าง ส่วนในเบ้าตาที่ว่างเปล่านั้นกลับมีเปลวเพลิงสีเลือดลุกโพรง สยดสยองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ทอดสายตามองไป หลุมสีเลือดมากมายปรากฏขึ้นมาบนพื้น ท่วมท้นพื้นที่แห่งนั้นราวกับเป็นดินแดนผี!

พวกหลินสวินสูดหายใจอย่างหนาวเยือก

เมื่อครู่นี้หากไม่ใช่เพราะหนีทัน จะต้องจมอยู่ในกองทัพโครงกระดูกเลือดนั่นอย่างแน่นอน!

ฮูม

โครงกระดูกสีเลือดที่รูปร่างคล้ายสัตว์ปีศาจโบราณตัวหนึ่งร่างกายสั่นไหว ถึงกับเปลี่ยนเป็นกระดูกแขนที่หนาใหญ่สูงหมื่นจั้งยื่นออกมา สะบัดมาทางพวกหลินสวินอย่างแรง

ทันใดนั้นห้วงอากาศยุบทลาย ไอชั่วร้ายไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งมาพร้อมกับการโจมตีนี้ น่ากลัวกว่าการโจมตีของระดับมกุฎราชันมาก!

“ไป!”

พวกหลินสวินพุ่งปราดออกไปอีกครั้งอย่างไม่ลังเล

โครม!

ด้านหลังพวกเขาพื้นดินแตกแยก ถูกตบใส่จนเป็นหลุมลึกมองไม่เห็นก้นหลุมหนึ่ง

ในเวลาเดียวกันโครงกระดูกสีเลือดที่ราวกับกระแสน้ำก็พุ่งออกมา แผ่พุ่งมาทางพวกหลินสวินด้วยความเร็วสูง

“อ๊าก!”

ทันใดนั้นผู้หญิงคนหนึ่งที่ติดตามอยู่ด้านหลังเจิ้นอวิ๋นเฟิงกรีดร้อง ตรงบั้นท้ายของนางถูกโครงกระดูกเลือดตัวหนึ่งกัดอยู่

ต้องรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็เป็นถึงระดับมกุฎราชัน กลับไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ได้!

ทันใดนั้นสีหน้าของคนไม่น้อยต่างเปลี่ยนสี โครงกระดูกพวกนี้มันอะไรกันแน่ เหตุใดถึงแปลกประหลาดเช่นนี้

ปัง!

หลินสวินกลับเด็ดขาดยิ่ง พุ่งไปอย่างรวดเร็วตบโครงกระดูกนั่นจนแตกในฝ่ามือเดียว

ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องอีกครั้ง กระโดดขึ้นมาราวกับกระต่ายที่ตื่นตกใจ ใบหน้างามทั้งโกรธทั้งอาย ดวงตาทั้งคู่จ้องหลินสวินเขม็ง

ที่แท้ตอนที่ฝ่ามือของหลินสวินตบโครงกระดูกแตก แรงฝ่ามือยังตกลงบนก้นของนางจนเจ็บแสบขึ้นมาด้วย

“เจ้า…” หญิงสาวกัดฟัน

หลินสวินกลับไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้ ตรงปลายนิ้วของเขามีแสงโลหิตที่แปลกประหลาดสายหนึ่งพันอยู่ ดุร้ายและแปลกประหลาดอย่างยิ่ง มันฉีกทึ้งผิวหนังของเขา มุดเข้ามาในร่างกายของเขา ถึงกับไม่สามารถกำจัดมันได้!

“นี่คือพลังเทวบุตรโลหิต เป็นพลังประหลาดที่น่ากลัวอย่างที่สุดชนิดหนึ่ง สามารถเจือปนเลือดลม ย่อยสลายจิตวิญญาณของมนุษย์! ไม่ว่าใครที่ปนเปื้อน แม้ผู้แข็งแกร่งระดับราชันก็ยังต้องประสบเคราะห์!”

จี้ซิงเหยาหัวใจกระตุกวูบ ใบหน้างดงามปรากฏความกังวล

คนอื่นๆ เองก็สะท้านไหว อดตกใจไม่ได้ แม้แต่หญิงสาวที่ตอนแรกทั้งโกรธทั้งอายคนนั้น ตอนนี้ยังหยุดเสียงกรีดร้องไป

“ออกจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน!”

หลินสวินกลับดูใจเย็นผิดปกติ เร่งเร้าพลังต่อต้านเทวบุตรโลหิตนั่นพลางโฉบพุ่งไปข้างหน้า

ครืน โครม โครม!

ด้านหลังกองทัพโครงกระดูกกำลังตามมาอย่างไม่ลดละ มืดฟ้ามัวดิน ในโลกสีเลือดนี้ทำให้ดูน่าสะพรึงผิดปกติ

จนกระทั่งหนึ่งเค่อหลังจากนั้น ทุกอย่างจึงค่อยๆ หายไป

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกหลินสวินคือแม่น้ำใหญ่ยักษ์ที่หมอกโลหิตคละคลุ้ง

แม่น้ำแห้งเหือดไปนานแล้ว แต่กลับถูกหมอกสีเลือดเติมจนเต็มไปทั้งแถบ ไม่สามารถมองเห็นว่าอีกฝั่งอยู่ที่ไหนกันแน่

วู้ม

ในเวลาเดียวกันนี้ แสงเทพนำทางเหนือศีรษะของจี้ซิงเหยาหมุนอย่างมั่วซั่ว ไม่สามารถจับทิศทางได้อีก

จี้ซิงเหยาทอดสายตามองไปรอบๆ ในใจหนักอึ้งอย่างอดไม่อยู่ เอ่ยว่า “เมื่อครู่นี้พวกเราห่วงแต่หนีเอาตัวรอด เดินผิดทางแล้ว ตอนนี้… อาจจะ… หลงทางแล้ว…”

สีหน้าของคนอื่นๆ ต่างอึมครึมขึ้นมา

นี่เพิ่งจะเข้ามาในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับนี้แล้ว ทำให้สภาพจิตใจของพวกเขาต่างย่ำแย่อยู่บ้าง

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” สายตาจี้ซิงเหยามองไปทางหลินสวิน หว่างคิ้วแฝงความกังวล

คนอื่นๆ ต่างก็มองไปเช่นกัน

ตอนนี้สีหน้าของหลินสวินขาวซีดเล็กน้อย ในร่างกายของเขาเทวบุตรโลหิตกำลังโลดแล่น ทุกที่ที่ผ่าน กลิ่นอายที่แพร่กระจายออกมา กำลังค่อยๆ กัดกร่อนเลือดลมของเขาทีละนิด

แม้เขาใช้มรรคดับดารากลืนกิน ก็ไม่สามารถสลายมันได้!

“ขอโทษด้วย เมื่อครู่นี้หากไม่ใช่เพราะข้า…” หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ถูกกัดบั้นท้ายรู้สึกผิดไม่น้อย แม้นางจะบาดเจ็บ แต่ไม่ได้ถูกเทวบุตรโลหิตแทรกเข้าไปในร่างกาย

กลับเป็นหลินสวินที่โดนเพราะช่วยนาง

“แม่นางอิ๋นเสวี่ยไม่ต้องรู้สึกผิด เรื่องนี้ไม่โทษเจ้า”

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ทุกท่านรอสักครู่ได้หรือไม่ ให้ข้านั่งสมาธิฟื้นตัวสักหน่อย”

แน่นอนว่าคนอื่นๆ ต่างไม่ปฏิเสธ

ตอนนี้หลงทางแล้ว ก่อนที่จะยืนยันทิศทางได้ การกระทำทุกอย่างล้วนไร้ประโยชน์

หลินสวินนั่งขัดสมาธิอย่างไม่ลังเล

ส่วนคนอื่นๆ ต่างหารือกัน ว่าจะข้ามแม่น้ำแห้งขอดที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเลือดสายนี้หรือไม่

เทวบุตรโลหิต จากที่จี้ชิงเหยาพูด นี่เป็นพลังที่แปลกประหลาดและอัปมงคลมากชนิดหนึ่ง เกี่ยวข้องกับแม่น้ำนรกในตำนาน

ผู้ฝึกปราณระดับราชันทั่วไปล้วนไม่สามารถสลายมันได้ จะถูกกัดกร่อนจิตวิญญาณ กลายสภาพเป็นศพเลือดที่เน่าเปื่อย!

จากจุดนี้ก็สามารถจินตนาการได้ว่าพลังนี้ดุร้ายและน่ากลัวเพียงใด

หลินสวินลองใช้พลังของตนเข้าสลาย กลับพบว่าไม่ได้ผล ถึงขั้นที่แม้แต่จิตรับรู้ยังยากจะจับร่องรอยการเคลื่อนไหวของเทวบุตรโลหิตนี้ได้

ตอนนี้เลือดลมในตัวถูกกัดกร่อนไปเกือบครึ่งแล้ว แม้หลินสวินเองในใจยังอดร้อนรนไม่ได้ ทำอย่างไรดี

เขาลองมาหลายวิธีแล้วก็ล้วนไม่มีประโยชน์

“ออก!”

จนกระทั่งตอนหลัง หลินสวินถูกบีบจนเร่งร้อนแล้ว โคจรพลังของ ‘คัมภีร์มหาครรภ์จุติ’ โดยตรง สำแดง ‘คาถาข้ามทุกข์กษิติครรภ์’ ออกมา เมล็ดพันธุ์มรรคในร่างกายเปล่งแสง เกิดเสียงสวดท่องธรรมกึกก้องกังวานขึ้น

ในเวลาเดียวกันแสงธรรมสีดำที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ก็หมุนวน ควบรวมเป็นแท่นบัวสีดำ

แท่นบัวนี้มีนามว่า ‘นำทาง’ วิวัฒน์มาจากนัยเร้นลับสำคัญของคาถาข้ามทุกข์กษิติครรภ์ สามารถนำทางเทพผี กำราบสิ่งชั่วร้าย

เดิมทีวิชานี้เป็นหนึ่งในนัยเร้นลับชั้นสูงของอารามกษิติครรภ์ แต่เพราะผ่านการอนุมานจากอริยสงฆ์ตู้จี้ จึงมีอานุภาพที่เร้นลับกว่าเพิ่มเข้ามา

บนแท่นบัวสีดำนั้น ยังก่อกำเนิดเพลิงเทพหงส์ทมิฬออกมาสายหนึ่ง!

ที่ใช้วิชานี้ล้วนเป็นเพราะความรีบเร่งทั้งสิ้น ถูกหลินสวินนำมาใช้เหมือนรักษาม้าตายเยี่ยงม้าเป็น[1]

ใครจะคิดว่าทันทีที่สำแดงวิชานี้ ภาพที่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้น

เทวบุตรโลหิตสายนั้นหยุดชะงักทันที จากนั้นเหมือนได้รับการชักนำ ถูกเก็บเข้าไปในแท่นบัวสีดำ!

ครืน!

พร้อมๆ กับที่เสียงสวดท่องธรรมดังขึ้นเป็นระลอก เทวบุตรโลหิตพลันลุกไหม้ในแสงธรรม ส่งเสียงกรีดร้องที่แหลมและเศร้ารันทด

สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหมอกโลหิตเป็นสายๆ ถูกเผาไหม้และสลายไป สุดท้ายเหลือเพียงแค่เงาร่างขนาดประมาณเล็บมือตกลงบนแท่นบัวสีดำ

‘ขอบคุณสหายยุทธ์ที่ทำให้ข้าฟื้นตื่นจากการหลับใหลไร้ที่สิ้นสุด ได้รับการปลดปล่อยในที่แห่งนี้’ เสียงที่ราวกับปล่อยวางก้องสะท้อนขึ้น แฝงความรู้สึกขอบคุณ

จากนั้นเงาร่างนั่นก็หายไปโดยพลัน

และบนแท่นบัวสีดำ มีมุกที่แวววาวกระจ่างใสเม็ดหนึ่งเพิ่มเข้ามา คลื่นพลังที่งดงามและพิสุทธิ์รินไหล

…………………

[1] รักษาม้าตายเยี่ยงม้าเป็น มีความหมายว่า แม้จะรู้ว่าเรื่องราวหมดทางช่วยเหลือแล้ว แต่ก็ยังคงโอบกอดความหวัง ทดลองกระทำให้ถึงที่สุด