“หากผู้อาวุโสอนุญาตละก็ ให้เสี่ยวเจียงหมิงเพ็ญตนไปพร้อมกับข้าก็ได้ขอรับ ข้าคิดว่าผู้อาวุโสก็น่าจะทราบเช่นกันว่าข้าถือเป็นศิษย์ครึ่งหนึ่งของผู้อาวุโสจื่อเยียนอยู่ ผู้อาวุโสจื่อเยียนชี้แนะสั่งสอนเกี่ยวกับด้านการฝึกกฎความตายให้แก่ข้าค่อนข้างมาก”

“เจ้า?”

ซุ๋นซินเหลียนขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ต่อให้ทั้งหมดที่หลัวซิวกล่าวมาจะเป็นความจริง แต่ทว่าปัจจุบันเสี่ยวเจียงหมิงเป็นศิษย์ของนาง หากให้หลัวซิวเป็นผู้ชี้แนะการเพ็ญตนให้แก่เสี่ยวเจียงหมิง แล้วตนที่เป็นอาจารย์จะรับผลเช่นนี้ไหวหรือ?

เพียงแวบเดียวหลัวซิวก็มองเห็นความกังวลในใจซุ๋นซินเหลียนแล้ว ทราบว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินให้ความสำคัญกับฐานะและชื่อเสียงอย่างมาก

และในตอนนี้ จู่ ๆ เสี่ยวเจียงหมิงก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา: “ข้าอยากเพ็ญตนพร้อมกับพี่ใหญ่ขอรับ”

……

เมื่อหลัวซิวกลับไปที่ถ้ำ เสี่ยวเจียงหมิงก็เดินอยู่ข้างกายเขาเช่นกัน

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ซุ๋นซินเหลียนไม่มีทางยินยอมง่าย ๆ เช่นนี้แน่นอน แต่เสี่ยวเจียงหมิงกลับเป็นน้องชายของช่าจื่อเยียน ท้ายที่สุดซุ๋นซินเหลียนก็เคารพการตัดสินใจของเขา ให้เขาเพ็ญตนพร้อมกับหลัวซิว

“พี่ใหญ่ ท่านสอนข้าเพ็ญตน เช่นนั้นต่อไปข้าต้องเรียกท่านว่าอาจารย์ใช่ไหมขอรับ?”เหมือนการได้อยู่กับหลัวซิวจะทำให้เสี่ยวเจียงหมิงมีความสุขมาก ทุกครั้งที่เขาอยู่คนเดียว เขาจะดูอ้างว้างมากอย่างเห็นได้ชัดเลย

“ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าเฮีย เจ้าก็ต้องเป็นน้องข้าอยู่แล้วสิ มิต้องเรียกข้าว่าอาจารย์หรอก”หลัวซิวลูบศีรษะเขาพลางพูดด้วยความรักใคร่เอ็นดูเล็กน้อย

จนบัดนี้ หลัวซิวยังไม่มีความคิดที่จะรับศิษย์ บางทีในอนาคตรอผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงระดับขั้นที่แน่นอนเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเขาก็อาจจะรับศิษย์ก็เป็นได้ แต่ทว่าไม่มีทางใช่ตอนนี้แน่นอน

เนื่องจากโลกเซียนเสวียนเทียนจะถูกเปิดออกในอีกไม่กี่เดือนภายหน้า บวกกับมีการเพิ่มขึ้นของเสี่ยวเจียงหมิง หลัวซิวจึงวางแผนไม่ออกไปฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ข้างนอกเสียเลย

เพ็ญตนด้วยตัวเองกับเพ็ญตนโดยมีการชี้แนะจากผู้อื่น เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะแดนในปัจจุบันของเสี่ยวเจียงหมิง เป็นแดนเมื่อสิบปีก่อนของหลัวซิว บัดนี้เมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว การตระหนักรู้ที่ไม่เคยมีในอดีตก็ต่างพากันผุดขึ้นมาในใจ

ตามข้อเรียกร้องของเขา สิ่งแรกที่ทำหลังจากเสี่ยวเจียงหมิงกลับมาก็คือทำลายผลการฝึกตนทั้งหมดทิ้ง เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง

เขาฝึกตนมาเป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะฝึกตนมาถึงแดนราชายุทธ์ ปัจจุบันหลัวซิวกลับจะทำลายทุกสิ่งในคำพูดเดียว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าตีให้ตายยังไงคนคนนั้นก็ไม่มีทางยอมแน่นอน

แต่เสี่ยวเจียงหมิงกลับไว้เนื้อเชื่อใจทำตามทุกอย่างที่หลัวซิวว่า ทำลายผลการฝึกตนทิ้งอย่างไม่ลังเลใจ เริ่มฝึกบำเพ็ญพลิกทมิฬใหม่

“เจียงหมิง เจ้าต้องจำไว้ว่าต้องสูญเสียก่อนถึงจะได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด อย่าสนใจแค่ผลที่ได้รับมาอย่างเดียว ต้องรู้ไว้ด้วยว่าการที่มนุษย์คนหนึ่งดำรงอยู่บนโลกใบนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียหรือได้มา ก็ต้องยิ้มให้มันอย่างเต็มที่ ไม่ละอายต่อเจตนาเดิมของตน”

ตั้งแต่ที่เริ่มฝึกบำเพ็ญพลิกทมิฬ พูดได้เลยว่าพรสวรรค์ทุกด้านของเสี่ยวเจียงหมิงล้วนถูกค้นพบแล้ว

โดยเฉพาะอายุเขายังน้อยมาก ๆ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การปูรากฐานพื้นฐานให้ดี หลัวซิวนำวิชาบรรพเทพโลหิตถ่ายทอดให้เขาในเวลาเดียวกัน ทำให้รากฐานของเขาแข็งขันอย่างมาก

เวลาสองเดือนผ่านไปในพริบตาเดียว หลังจากที่เสี่ยวเจียงหมิงเริ่มฝึกตนใหม่ ผลการฝึกตนบรรลุได้เร็วอย่างน่าทึ่ง บรรลุถึงแดนฝึกจิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซุ๋นซินเหลียนไม่วางใจจึงมาสำรวจดู ก่อนจะพบว่าผลการฝึกตนของเสี่ยวเจียงหมิงร่วงจากแดนราชายุทธ์ลงมาถึงแดนฝึกจิต นางก็ทราบแล้วว่าเขาทำลายผลการฝึกตนในก่อนหน้านี้ทิ้ง เลือกที่จะเริ่มใหม่อีกครั้ง

แม้ผลการฝึกตนจะไม่สูงเท่าอดีต แต่ทว่าแดนฝึกจิตในตอนนี้ของเสี่ยวเจียงหมิงกลับแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าแดนราชายุทธ์ในอดีตมาก

นี่จึงทำให้ซุ๋นซินเหลียนทอดถอดใจอย่างมาก ถามใจตัวเองว่าตนฝึกตนมานานหมื่นปี แต่ความสามารถในการสอนศิษย์ฝึกตนนั้น กลับเทียบไม่ได้กับชายหนุ่มอย่างหลัวซิวที่เพิ่งฝึกตนมาได้แค่สิบปีเท่านั้น

เวลาชั่วพริบตาเดียว ระยะเวลาหลายเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หลัวซิวไม่ได้ฝึกตนปิดขังยกระดับศักยภาพและผลการฝึกตนของตัวเองเลย กลับอบรมชี้แนะเสี่ยวเจียงหมิงอย่างใจเย็น รวมไปถึงชี้แนะการเพ็ญตนของถังหยุนและจินเฟยเทียนด้วย