ตอนที่ 1249: ดูดซับพลังงานการถดถอยของโลก

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1249: ดูดซับพลังงานการถดถอยของโลก

ถูกต้อง นั่นคือทางเข้าของการถดถอยของโลก ในขณะนั้นเอง เสียงของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ดังก้องอยู่ในหัว ร่างมายาของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลค่อย ๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสามคน ใบหน้าของนางพร่ามัวทำให้ไม่มีใครมองเห็นใบหน้าของนางได้ มีเพียงรูม่านตาของนางที่ส่องแสงราวกับแสงจันทร์

เทพเจ้าแห่งท้องทะเลกวาดสายตามองทั้งสามก่อนที่จะมองไปยังน้ำวนขนาดใหญ่ นางกล่าวว่า สถานที่นี้สามารถบอกได้เลยว่าเป็นที่มหัศจรรย์อย่างมากและเป็นสถานที่ลึกลับอย่างที่สุดในอาณาจักรทะเล คลื่นพลังงานจะปะทุมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุก ๆ หมื่นปีก่อนที่จะกลายเป็นน้ำวน ข้าจึงเรียกมันว่าการถดถอยของโลก

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าพยายามตรวจสอบสาเหตุการปรากฏของการถดถอยของโลก แต่ข้าก็ไม่รู้อะไรเลย ถึงตอนนี้ข้ายังไม่รู้เลยว่ามันก่อตัวขึ้นอย่างไร แต่ทั้งหมดที่ข้ารู้ก็คือพลังงานอันมหาศาลที่รวบรวมจากโลกทั้งใบมาอยู่ที่นี่ พลังงานต่าง ๆ ทั้งหมดในภูมิภาคนี้รวมตัวกันอย่างเงียบ ๆ ทุก ๆ หมื่นปีและก่อให้เกิดพลังน้ำวนขนาดใหญ่ ไม่มีใครสามารถสัมผัสมันได้และถ้าข้าไม่ได้ตั้งใจดูแลสถานที่นี้ ข้าจะไม่อาจค้นพบความลับที่ซ่อนอยู่ที่นี่เลย

อุโมงค์จะค่อย ๆ ก่อตัวใจกลางน้ำวน มันเป็นอุโมงค์ที่พาไปยังที่อื่น ข้าเคยใช้วิญญาณของข้าในการสำรวจที่นั่น มันไม่มีพลังงานของโลกหรือกฏของโลก แม้ว่าเซียนจักรพรรดิจะเข้าไปในพื้นที่เหล่านั้น พวกเขาก็จะสูญเสียความเข้าใจเกี่ยวกับความลับของโลกทั้งหมดและแม้แต่พลังทางกายก็ถูกกดเอาไว้ พวกเขาจะกลายเป็นเพียงคนธรรมดา

มันไม่ปลอดภัยแน่นอนเช่นกัน มีสัตว์อสูรมากมายที่อาศัยอยู่ที่นั่น แม้ว่าพวกมันจะขาดสติปัญญา แต่มันก็ไม่อ่อนแอ แม้แต่เซียนจักรพรรดิก็พ่ายแพ้เมื่อความสามารถของเขาถูกระงับและพวกเขาก็ไม่อาจใช้กำลังได้เต็มที่

เทพเจ้าแห่งท้องทะเลให้เจี้ยนเฉินมองไปยังส่วนที่ลึกที่สุด นางพูดว่า เจี้ยนเฉิน เหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าเพราะพลังงานที่เจ้าใช้นั้นแตกต่างจากคนอื่น แม้ว่าข้าจะไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับพลังงานนี้ แต่ข้าก็รู้สึกถึงพลังของมัน ข้าสงสัยว่าพลังของเจ้าอาจไม่ถูกระงับและยังคงอิสระได้ ดังนั้นเจ้าจึงเป็นคนที่สามารถใช้พละกำลังได้มากที่สุดในนั้นหรือไม่ก็ยังคงมีพลังอยู่อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าข้าจะคาดเดาไม่ถูกต้องและพลังของเจ้าถูกระงับ เจ้ายังสามารถใช้พลังกายเพื่อให้รอดพ้นจากสัตว์อสูรได้

เจี้ยนเฉินคิดเงียบ ๆ ซักพักก่อนจะถามว่า ฝ่าบาท บอกสิ่งที่ท่านต้องการให้หา

ข้าต้องการให้เจ้ามองหาของสองอย่างสำหรับข้า หนึ่งคือสารสีขาวที่อ่อนนุ่ม อีกอย่างคือของเหลวสีเขียว ของเหลวที่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต สิ่งของทั้งสองนี้มีความสำคัญมากในการสร้างร่างกายของข้าขึ้นมาใหม่ เทพเจ้าแห่งท้องทะเลกล่าว

เจี้ยนเฉินพยักหน้า ท่านเจ้า ไม่ต้องกังวล ข้าจะเอาทั้งสองกลับมาอย่างแน่นอน

แม้ว่าข้าจะเข้าไปในพื้นที่อิสระด้วยวิญญาณของข้าและได้รับข้อมูลบางอย่างมาก่อน แต่วิญญาณของข้าก็กระจัดกระจายอยู่นอกเมืองหลังจากนั้นไม่นาน ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่รู้ว่ามีอันตรายมากมายเพียงใดลึกลงไปในมิตินั้น ดังนั้นอย่าออกไปไกลเมื่อเจ้าเข้าไป เทพธิดาเตือนเจี้ยนเฉินด้วยความกังวล เขาเป็นความหวังเดียวของนางเพื่อที่จะได้สร้างร่างกายของนางใหม่ ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเขาอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อไหร่ที่ข้าจะเข้าไปได้ ฝ่าบาท ? เจี้ยนเฮินถามขณะที่มองน้ำวนที่กำลังหมุนอย่างคงที่

อุโมงค์จะก่อตัวขึ้นกลางตาน้ำ หากเจ้าพร้อมแล้วสามารถเข้าไปได้ทันที อุโมงค์จะเปิดถึงครึ่งปีและจะหายไปหลังจากที่มันครบกำหนด ทำให้เจ้าต้องออกมาก่อนหรือไม่เจ้าก็ต้องติดอยู่ในนั้น เทพเจ้าแห่งท้องทะเลกล่าว

แค่ครึ่งปี มันไม่สั้นเกินไปหรือ ? เจี้ยนเฉินคิดอยู่ภายใน เขาพบว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้า จากนั้นเขาก็พูดกับเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ฝ่าบาท ไม่เพียงแต่มันมีพลังงานที่รวมตัวอยู่ที่นี่อย่างมหาศาล ข้าต้องการที่จะบ่มเพาะที่นี่เป็นเวลา 3 เดือนและจะเข้าไปในมิตินั้นหลังจากนั้น

เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็แปลกใจจากสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูด นางตอบ พลังงานที่นี่อาจจะไม่มีความน่ารังเกียจ แต่มันก็รุนแรงมากและยากที่จะดูดซับ และเมื่อเข้าอยู่กลางตาน้ำวนที่มีพลังกดดันอย่างมหาศาล เจ้ามั่นใจหรือว่าต้องการที่จะบ่มเพาะที่นี่ ?

เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างไม่ลังเล หากเขาต้องการบ่มเพาะร่างบรรพกาลให้แข็งแกร่งขึ้น เขาต้องสะสมพลังงานเป็นจำนวนมาก พลังงานของน้ำวนนี้น่ากลัวอย่างมาก นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของเขา ดังนั้นเขาจะพลาดเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เขารูว่าเขาต้องทนรับแรงกดดันเพื่อดูดซับพลังงานที่นั่น เขาเชื่อว่ามันต้องเป็นไปได้เพราะร่างบรรพกาลอยู่ในขั้นที่ 3

เทพเจ้าแห่งท้องทะเลเห็นด้วยหลังจากที่เห็นว่าเจี้ยนเฉินมุ่งมั่นแค่ไหน เอาล่ะ เจ้าสามารถบ่มเพาะที่นี่ได้ 3 เดือน หลังจากนั้นข้าจะแยกวิญญาณของข้าไปกับเจ้า แม้ว่าสายใยวิญญาณจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม แต่ข้าสามารถใช้พลังของมันเพื่อค้นหาและบอกตำแหน่งที่แม่นยำแก่เจ้า หากเจ้ากลับมาเร็ว เจ้าสามารถบ่มเพาะต่อได้เช่นกัน

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินถามนูบิสและเถี่ยต้าว่าพวกเขาเต็มใจที่จะบ่มเพาะที่นี่ 3 เดือนหรือไม่ นูบิสสำลักคำพูดทันทีและขอให้ส่งเขาเข้าไปยังวัตถุเซียนหลังจากที่เห็นพลังที่รุนแรงของน้ำวน แม้ว่าเขาจะเป็นสัตว์อสูรยุคโบราณ แต่แรงกดดันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการต่อสู้ของเซียนจักรพรรดิสองคน เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถต้านทานการกดดันของน้ำวนได้หรือไม่

เจี้ยนเฉิน ข้าจะอยู่ด้านนอกและดูว่าข้าสามารถดูดซับมันได้หรือไม่ ในฐานะที่เป็นเทพเจ้าสงคราม ร่างกายของข้าควรจะสามารถทนได้ เถี่ยต้ากล่าวอย่างลังเลก่อนที่จะเลือกลงมือตามแผนเช่นกัน

หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ส่งนูบิสไปยังวัตถุเซียนก่อนที่จะเข้าไปในน้ำวนอย่างระมัดระวัง เถี่ยต้าก็วางแผนที่จะให้เสือขาวออกมาจากวัตถุเซียนเพื่อบ่มเพาะเช่นกัน แต่เมื่อเขาจำได้ว่าเขายังไม่ถึงระดับเซียนราชา เขาก็ทำได้แต่จำใจ ร่างกายของสัตว์อสูรเป็นคู่ปรับอาจจะต่อกรกับเถี่ยต้าได้ แต่เถี่ยต้าก็ไม่มั่นใจอย่างเต็มที่นี่แม้ว่าเขาจะอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 4 ของเซียนราชา

เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้ายืนอยู่ริมน้ำวนและร่างกายของเขาก็ถูกกระชาก น้ำวนหมุนอย่างรวดเร็วและพาเข้าไปใกล้ตาน้ำ แรงดูดที่น่าสะพรึงกลัวเกือบจะทำให้เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าเสียการควบคุมทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในน้ำวน

ท่าทีของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความอึดอัดของพวกเขาจากโลกนั้นเพื่อรักษาความสมดุล เท้าของพวกเขาจมลงไปในดินเหมือนกับรากของน้ำไม้ เขาไม่เคลื่อนไหวไม่ว่าพลังน้ำวนจะรุนแรงเพียงใด

พลังงานปราณบริสุทธิ์ที่พวกเขาสัมผัสได้มันราวกับเป็นดาบที่แหลมคมที่ตัดผ่านพวกเขาทั้งสอง เสื้อผ้าของพวกเขาก็ถูกฉีกเป็นชิ้นในขณะที่บางแห่งปรากฏบาดแผลขึ้นมาบนร่างของเถี่ยต้า เลือดสีทองราง ๆ เห็นได้จากตัวเขา

อย่าไงก็ตามเถี่ยต้าก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว บาดแผลของเขาเริ่มสมานกันหลังจากที่ถูกพลังปราณกระทบ เขาสามารถรักษาความสมดุลระหว่างความเจ็บปวดและการรักษา

เจี้ยนเฉิน ข้าจะบ่มเพาะตรงนี้ ข้าไม่อาจดูดซับพลังลึกไปกว่านี้ได้ เถี่ยต้าพูดกับเจี้ยนเฉินก่อนที่จะนั่งลงเพื่อบ่มเพาะ

เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดอยู่ที่ขอบ เขาเดินตรงเข้าไปยังศูนย์กลางของน้ำวนด้วยตัวเอง ความแข็งแกร่งของร่างบรรพกาลของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าร่างเทพเจ้าสงครามของเถี่ยต้าเมื่อระดับของมันเท่ากัน แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดอย่างมากที่ต้องถูกเฉือนด้วยพลังปราณที่คมกริบทำให้เขาเกิดบาดแผลทั่วทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ข้อนิ้ว แต่มันก็ไม่มีบาดแผลใดที่ลึก

เจี้ยนเฉินหยุดหลังจากเดินไปได้ 30 กิโลเมตร เขาเกือบจะอยู่ใจกลางน้ำวนและพลังก็บริสุทธิ์กว่าที่เถี่ยต้าอยู่ แรงดึงดูดก็ลดลงเช่นกัน แต่มันก็อันตรายมากกว่าชายขอบของมันหลายเท่า

ยิ่งพลังบริสุทธิ์มากเท่าไรมันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ดังนั้นพลังปราณที่นี่จึงยากที่จะดูดซับ มันจึงเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ของร่างบรรพกาล ในขณะเดียวกันความกดดันจากพลังงานก็น่ากลัวอย่างมาก หากประมาทเพียงนิดเดียวมันอาจจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสหรืออาจตายได้

เจี้ยนเฉินผลักดันร่างบรรพกาลให้ถึงขีดจำกัดมานานแล้ว จากนั้นเขาก็นั่งลงตรงนั้นและเริ่มดูดซับพลังงาน

ทันทีที่พลังปราณเข้ามาเขาก็สั่นอย่างรุนแรง พลังปราณที่เขาดูดซับเข้าไปราวกับเป็นดินระเบิดและมันก็ได้ระเบิดทันทีที่ถูกเขา หากไม่ใช่ว่าเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างร่างบรรพกาล เขาอาจจะต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวเป็นอย่างมากแล้ว