ตอนที่ 1248: การมาถึงของการถดถอยของโลก

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1248: การมาถึงของการถดถอยของโลก

เจ้าศาลาวิญญาณสวรรค์ ท่านตั้งใจที่จะบุกรุกอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของข้าหรือ ? ขณะที่เขาลังเล เสียงที่เย็นชาก็ดังมาจากด้านบน ร่างที่ล้อมรอบไปด้วยแสงสีน้ำเงินปรากฏขึ้นอยู่เงียบ ๆ ตรงหน้าเขา ร่างของนางพร่ามัวแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิง นางยืนห่างเจ้าศาลาวิญญาณสวรรค์ออกไป 10 เมตร และหันหน้ามามองเขา

เจ้าศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะมาไวขนาดนี้ ท่านปรากฏขึ้นทันทีที่ข้ามาถึงพรมแดน ท่านกลัวว่าข้าจะเข้าไปในอาณาเขตของท่านรึ ? เจ้าศาลาวิญญาณสวรรค์ถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น หญิงสาวที่ถูกแสงสีฟ้าปกคลุมด้านหน้าของเขาคือเซียนจักรพรรดิเจ้าศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เขาไม่คาดคิดว่านางจะมาไวขนาดนี้

นางอาจจะพบข้ามานานแล้วและอาจจะออกเดินทางพร้อมกับตอนที่ข้าออกจากศาลาวิญญาณสวรรค์ โชคดีที่ข้าไม่ได้ทำอะไรโดยไร้เหตุผลเพราะความโกรธของข้า หากข้าเข้าไปในอาณาเขตนางโดยไม่ได้ตั้งใจ มันจะเป็นเรื่องที่ลำบาก เห็นได้ชัดว่าข้าจะไม่กลัวหากว่าข้าอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด แต่วิญญาณของข้าได้รับบาดเจ็บและความแข็งแกร่งของข้าก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก ข้าไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กับผู้หญิงคนนี้ได้แน่นอนหากว่าเราต้องมาต่อสู้กันจริง ๆ เจ้าศาลาวิญญาณสวรรค์คิดอย่างโล่งอก

มีข้อตกลงชัดเจนระหว่างทั้งสามอาณาเขตในอาณาจักรทะเล ทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของศาลาจะไม่อาจบุกรุกอาณาเขตของผู้อื่น แม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ต้องทำตาม เจ้าศาลา ข้าหวังว่าท่านจะไม่ละเมิดข้อตกลงนี้ เจ้าศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลกล่าวอย่างเฉยเมย

เจ้าศาลาใบหน้าหมอง แน่นอน ข้ารู้ ข้าอาจจะมีที่พรมแดนอาณาเขต แต่ข้ายังอยู่ในเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์ ข้าไม่ได้เข้าไปในอาณาเขตของท่านแต่อย่างใด ดังนั้นข้าจึงยังไม่ได้ละเมิดมัน ด้วยเหตุนี้เจ้าศาลาวิญญาณสวรรค์ก็หายจากไปด้วยความเร็วที่ยอดเยี่ยม เขากลับไปยังศาลาวิญญาณสวรรค์

ฮึ่ม ข้าจะให้เจ้าได้มีชีวิตอีกสองสามวัน เจี้ยนเฉิน ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้ที่เจ้าได้กำจัดโคลนของข้าเป็นพันเท่า เจ้าศาลาวิญญาณสวรรค์คิดอย่างมาดร้าย

เจ้าศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมองดูเขาจากไป ริมฝีปากที่ขดเข้าหากันก็ยิ้มออกมาอย่างช้า ๆ มีความสุขปรากฏอยู่บนใบหน้าของนางขณะที่นางยินดีต่อความลำบากของเจ้าศาลาวิญญาณสวรรค์ นางพึมพำ เจี้ยนเฉิน แน่นอนว่าเจ้ามีความสามารถที่จะทำลายร่างโคลนของเขาได้ เจ้าทำให้ข้าไม่ต้องกังวลอะไรเลย อย่างไรก็ตามเจ้าศาลาวิญญาณสวรรค์ต้องลำบากมากในคราวนี้ มันยากสำหรับเขาที่จะฟื้นตัวด้วยเวลาที่รวดเร็วจากการบาดเจ็บทางวิญญาณของเขา

ฮึ่มม เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาสามารถหลอกทุกคนได้โดยที่มาที่นี่พร้อมกับร่างโคลนของเขาและพยายามที่จะควบคุมเจี้ยนเฉินโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ? เขาไม่รู้ว่าข้าเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในตำนาน…

พริบตา สองสามวันก็ผ่านไป ในช่วงเวลานี้ตระกูลเต่าสงบมาก เจี้ยนเฉินมอบหมายเรื่องทั่วไปให้กับผู้อาวุโสไปจัดการและกำหนดทิศทางคร่าว ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาเผ่าเต่า เขามอบอำนาจทั้งหมดให้กับผู้อาวุโสเพื่อทำสิ่งนั้นหลังจากที่ได้เสนอความคิดคร่าว ๆ ไป

ในระยะเวลาดังกล่าวตระกูลเต๋ายังคงทำตัวธรรมดา กิจกรรมของตระกูลก็น้อยมากเช่นกัน พวกเขาไม่เต็มใจที่จะลองเสี่ยงหากว่าเผชิญกับเผ่าเต่า ในขณะเดียวกันเผ่าเต่าก็ไม่ได้ไปยั่วยุตระกูลเต๋าเลย ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามก็มีโถงศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจพ่ายแพ้ได้ง่าย ๆ พวกเขาจึงไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้เช่นกันและมันก็เป็นเหมือนทางตัน หากพวกเขาล้มกระดานไปสังหารอีกฝ่าย พวกเขาก็ยังทำอะไรไม่ได้หากว่าอีกฝ่ายอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์

เป็นผลให้ตระกูลเต๋าและเผ่าเต่ายิ่งหยุดรบยากมากขึ้น แต่ก็ต่างฝ่ายก็อ่อนล้าลงเช่นกัน

เจี้ยนเฉินยีังคงนั่งอยู่ในห้องของเผ่าเต่าขณะที่บ่มเพาะ ตั้งแต่ที่เขาบ่มเพาะร่างบรรพกาล เขาก็ดูดซับแกนอสูรอย่างรวดเร็ว ความเร็วที่เขาดูดซับนั้นเทียบไม่ได้กับคนทั่วไป จำนวนแกนอสูรที่ว่างเปล่าวางกองสุมอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง มันมีกว่าพันก้อนและมันก็กองรวมกันราวกับเนินเขาเล็ก ๆ

เจี้ยนเฉิน การถดถอยของโลกกำลังจะปะทุ เตรียมตัวให้พร้อม…

ในเวลานี้ มีเสียงดังก้องอยู่ในหัวของเจี้ยนเฉิน มีเพียงเสียงเท่านั้นโดยไม่มีต้นกำเนิดเสียง มันเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่สื่อสารกับเจี้ยนเฉินอย่างลับ ๆ

เจี้ยนเฉินหูกระตุกเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดบ่มเพาะ เขาใช้ทักษะสื่อสารเรียกเถี่ยต้าก่อนที่จะออกเดินทางไปยังโถงกลางของเผ่า

ไม่นาน เถี่ยต้าและนูบิสก็เดินเข้ามาทันที เมื่อพวกเขาเห็นเจี้ยนเฉิน นูบิสก็พูดว่า เจี้ยนเฉิน เจ้าเรียกพวกเราสองคนทำไม ?

การถดถอยของโลกเสื่อมกำลังจะมาถึง ข้าจะออกจากเผ่าไปทันทีที่มันมา เจ้าจะมากับข้าหรือไม่ หรือว่าจะอยู่ในเผ่าเต่า ? เจี้ยนเฉินถามพวกเขาทั้งสองคน

นูบิสรู้เกี่ยวกับการถดถอยของโลก ด้วยอำนาจของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ได้มอบเม็ดพลังของผู้คุมกฎเป็นของขวัญให้กับข้า ดังนั้น ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นที่โปรดปรานของนาง ข้าเห็นได้ชัดว่าการถดถอยของโลกกลับมานั้นเป็นเพราะเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นที่โปรดปราน

เจี้ยนเฉิน ข้าจะไปกับเจ้า ข้าจะไปกับเจ้าทุกที่ เถี่ยต้าก็ไม่ลังเลเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะไม่รู้เกี่ยวกับการถดถอยของโลก แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะตามเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินพยักหน้าและเห็นด้วยกับทั้งสองที่จะไปกับเขา แม้ว่าจะมีอันตรายที่ไม่อาจรู้ได้ เขายังสามารถใช้วัตถุเซียนได้ หากว่าพวกเขาเจอกับอันตรายใด ๆ พวกเขาก็สามารถซ่อนตัวอยู่ในวัตถุเซียนได้

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็เรียกตัวฉิงยี่หยวนมา เขามอบโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดให้นางและพูดว่า ฉิงยี่หยวน ข้าจะออกไปสักระยะหนึ่งเพื่อทำบางอย่าง ตอนนี้ข้าจะออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์และให้เจ้าเป็นคนควบคุม หากเกิดกรณีตระกูลเต๋าเริ่มโจมตีอย่างลับ ๆ

ฉิงยี่หยวนไม่ได้มีความสุขหรือตื่นเต้นที่เจี้ยนเฉินมอบโถงศักดิ์สิทธิ์ให้นาง นางเหลือบมองไปที่เขาอย่างไร้อารมณ์และพูดอย่างเย็นชา เจ้าเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่าที่สบายจริง ๆ มันอาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์

ฮี่ฮี่ เจ้าก็เห็นว่ามันไม่มีอะไรที่จะทำ ในฐานะที่เป็นผู้คุมกฏของเผ่า เพียงทำสิ่งที่เจ้าต้องการขณะที่เจ้าอยู่ในเผ่าเต่า เจ้าต้องดูแลความปลอดภัยของเผ่า ก่อนที่ข้าจะมาจัดการตระกูลเต๋า เจี้ยนเฉินตอบอย่างเฉยเมย

ฉิงยี่หยวนแค่นเสียงอย่างเย็นชาก่อนที่จะรับโถงศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไม่ใช่ความคิดจรงที่ว่าตระกูลเต๋าเป็นเจ้าของบางอย่างที่นางต้องการ นางจะไม่ช่วยให้เผ่าเต่าลุกขึ้นมาต่อต้านตระกูลเต๋าที่ทรงพลัง

หลังจากนั้นไม่นานเจี้ยนเฉิน, เถี่ยต้าและนูบิสก็ออกจากตระกูลไปอย่างเงียบ ๆ นอกจากฉิงยี่หยวนก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาออกไปแล้ว ทุกคนตระกูล รวมถึงเหล่าอาวุโส, ไทโตว, หลานจิงและคนอื่น ๆ ต่างก็คิดว่าเจี้ยนเฉินยังคงเก็บตัวฝึกฝน

เจี้ยนเฉินไม่ต้องการที่จะจากไป หากตระกูลเต๋ารู้ว่าเขาจากไปแล้วและตัดสินใจที่จะบุกมาที่เผ่าเต่า ในเวลานั้นมันจะเกิดการสูญเสียอย่างมาก

เจี้ยนเฉิน,เถี่ยต้าและนูบิส ลบตัวตนของพวกเขาขณะที่รีบผ่านอาณาจักรทะเลด้วยตัวตนที่ธรรมดาอย่างมาก พวกเขารับไปยังที่ที่ซึ่งเทพเจ้าแห่งท้องทะเลบอก

ทั้งสามเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ออกจากอาณาเขตเทพธิดาทะเลเพียง 1 วัน พวกเขาก็มาถึงดินแดนรกร้างที่ไม่มีพลังงานของโลก

ภูมิภาคนี้ไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของสามศาลาใด ๆ เพราะมันเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งเป็นอย่างมาก ไม่มีเหมืองผลึกและพลังงานของโลกก็เบาบาง พายุที่รุนแรงจะระเบิดออกมาเป็นครั้งคราวที่อาจจะฆ่าเซียนปฐพีเอาได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่คนอ่อนแอจะอยู่ที่นี่และในขณะที่คนเข้มแข็งก็จะไปมาบ่มเพาะที่นี่ เป็นผลทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นรกร้างหลังจากที่เวลาผ่านไป ไม่มีใครเต็มใจที่จะมาที่นี่

ทั้งสามบินกันอย่างต่อเนื่องนานกว่าหมื่นกิโลเมตรมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของดินแดนรกร้าง ทันใดนั้นระลอกคลื่นที่ทรงพลังอย่างมากก็สามารถสัมผัสได้ปรากฏขึ้น

การแสดงออกของเจี้ยนเฉิน, เถี่ยต้าและนูบิสพลันเป็นแข็งทื่อพร้อมกับความประหลาดใจที่ปรากฏอยู่ในแววตาของเขา ระลอกพลังงานที่ทรงพลังจนทำให้การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไป พลังงานนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและทำลายล้างและความวุ่นวายอย่างมาก พวกเขาสงสัยว่ามีเซียนจักรพรรดิ 2 คนกำลังต่อสู้กันอยู่หรือไม่

นั่นเป็นที่ที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลบอกเรา คลื่นพลังงานที่ทรงพลังนี้เกิดขึ้นเพราะการถดถอยของโลก ? การถดถอยของโลกนี้เป็นเช่นใด ? เจี้ยนเฉินคิดอย่างสงสัยอยู่ภายใน

ทั้งสามบินไปอีกหลายพันกิโลเมตรก่อนที่จะเห็นแหล่งที่มาของพลังงาน แหล่งที่มานั้นเป็นพลังน้ำวนที่มีพลังทำลายล้างมหาศาลกว้างหลายสิบกิโลเมตร มันหมุนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อและรุนแรงอย่างน่ากลัว มันทำให้พื้นที่หลายกิโลเมตรบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด มีรอยแยกมิติสีดำปรากฏออกมาเป็นครั้งคราว

เจี้ยนเฉิน, เถี่ยต้าและนูบิสอยู่ห่างจากน้ำวน 100 กิโลเมตร พวกเขาจ้องมองด้วยความตกใจ อันที่จริงแล้วน้ำวนนี้เกิดจากพลังงานที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ มันเกือบจะกลายเป็นของเหลว

พลังงานน้ำวนที่น่ากลัวนี้เหนือกว่าพลังของเซียนจักรพรรดิ เจี้ยนเฉินสงสัยว่าพลังที่อยู่ภายในของขอบเขตดั้งเดิมอาจจะมีเพียงหนึ่งในสิบของพลังทั้งหมด

เจี้ยนเฉินอาจรู้สึกว่าพลังงานบริสุทธิ์มากขึ้นเมื่อเข้าใกล้ศูนย์กลาง

น้ำวนนี้น่ากลัวมาก เจี้ยนเฉิน นี่คือทางเข้าของการถดถอยของโลก ? นูบิสจ้องไปที่น้ำวนขณะที่เขาแทบจะสำลักขณะที่พูดออกมา

เจี้ยนเฉินไม่ตอบเพราะเขาก็ไม่รู้เช่นกัน เขาไม่เคยเห็นสิ่งที่เป็นทางเข้าของการถดถอยของโลกที่ดูเหมือนอย่างนี้