ตอนที่ 2,534 : หลงเจิ้นกั๋ว!
อันที่จริงตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงประเทศจีน เขาก็พบตำแหน่งหลงเจิ้นกั๋วด้วยสำนึกเทวะแต่แรกแล้ว
ทว่าหลงเจิ้นกั๋วนั้นอยู่ในฐานทัพอันแน่นหนา เขาเลยไม่ได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าอีกฝ่ายโดยตรง
เพราะหากเขาเลือกที่จะไปโผล่ตรงหน้าหลงเจิ้นกั๋วในฐานทัพล่ะก็ ไม่พ้นความน่าเชื่อถือของฐานทัพต้องลดลงแน่นอน อีกทั้งยังสร้างปัญหาให้หลงเจิ้นกั๋วไม่น้อยแน่
ดังนั้นเขาเลยเลือกที่จะมาปรากฏตัวด้านนอกฐานทัพ และรอให้หลงเจิ้นกั๋วออกมาเอง
แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะมารอเฉยๆให้อีกฝ่ายยออกมาเพราะสงสัยเองอะไรแบบนั้น จึงกล่าวเรียกหาหลงเจิ้นกั๋วออกไปโดยตรง
ด้วยเสียงที่ผสานไปด้วยพลังเขา เป็นธรรมดาว่าจะได้ยินกันทั้งฐาน!
“ผมมาหาหลงเจิ้นกั๋ว ครูฝึกหลง!”
เรียกว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดออกมา ไม่ต้องให้ใครไปรายงาน หลงเจิ้นกั๋วก็ได้ยินมันทันที
หลงเจิ้นกั๋วตอนนี้มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนร่างใหญ่แลดูกำยำแข็งแกร่งนัก
ในขณะที่เสียงต้วนหลิงเทียนดังขึ้น หลงเจิ้นกั๋วก็กำลังประชุมอยู่ในห้องยุทธวิธีกับขุนพลทั้ง 10!
หากจะกล่าวว่าหลงเจิ้นกั๋วก็คือผู้นำองค์กรจิตวิญญาณแห่งเหยียนหวงแล้วล่ะก็ ขุนพลทั้ง 10 ก็เป็นดั่งเสาหลักที่องค์กรจิตวิญญาณแห่งเหยียนหวงไม่อาจขาดได้เช่นกัน
“ครูฝึกหลง?”
สีหน้าหลงเจิ้นกั๋วเคร่งขรึมไปทันใด หลังได้ยินถ้อยคำเรียกหาที่ดังก้องหูเมื่อครู่
เพราะมันรู้ดีว่าผู้เปล่งเสียงเมื่อครู่ออกมา สมควรเป็นชนชั้นปรมาจารย์แน่นอน! หาไม่แล้วไม่มีทางเปล่งเสียงด้วยพลังอันร้ายกาจขนาดนี้ได้!!
อย่างไรก็ตามคำ ‘ครูฝึกหลง’ นี้มันไม่ได้ยินมาหลายปีแล้ว
นั่นเพราะมันไม่ได้เป็นครูฝึกมาหลายปีแล้ว
วูบ วูบ วูบ
…
ขณะเดียวกันสีหน้าคนอีก 10 คนในห้องประชุมก็เปลี่ยนไปทันใด และต่างพากันหันไปมองหลงเจิ้นกั๋วด้วยความสงสัย
และตอนนี้เองมีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังยกข้อมือขึ้นมามองไปยังอุปกรณ์บางอย่างที่คล้ายนาฬิกาหากแต่มีจอสามมิติฉายขึ้นคล้ายสามารถใช้สื่อสารได้
และหลังจากที่สีหน้าของนางเปลี่ยนไปมาพักหนึ่ง ก็เร่งเงยหน้าขึ้นไปมองกล่าวกับหลงเจิ้นกั๋วทันที “หัวหน้าคะ…ทางห้องควบคุมแจ้งมาว่า…คนที่ตะโกนเรียกหาหัวหน้าตอนนี้ได้ลอยตัวรออยู่ด้านนอกฐานเรา…”
“ลอยตัวรออยู่นอกฐาน?”
ทันใดนั้นคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าตกใจ
แม้แต่หลงเจิ้นกั๋วเองก็อดเผยความแปลกใจในแววตาไม่ได้ มันไม่รอช้าเอื้อมมือไปกดปุ่มหนึ่งบนโต๊ะประชุมตรงหน้าทันที
และทันทีที่กดปุ่มดังกล่าว ก็บังเกิดภาพโฮโลแกรมฉายขึ้นเหนือโต๊ะ
ภาพที่กำลังฉายให้เห็นก็คือเรื่องราวนอกฐาน
และตอนนี้ในภาพ ก็ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดโบราณสีม่วงคนหนึ่งลอยล่องอยู่กลางอากาศ!
ไม่ทราบทำได้อย่างไร แต่ร่างนั้นลอยแน่นิ่งไม่ไหวติงกลางหาวโดยไร้ซึ่งอุปกรณ์ช่วยบินหรือสายสลิงใดๆ!!
“ท่านคะ…จากรายงานของห้องควบคุม เห็นว่าชายคนนี้ไม่มีอุปกรณ์หรือไฮเทคใดๆติดตัวเลยค่ะ กระทั่งอุปกรณ์สื่อสารก็ไม่มีด้วยซ้ำ”
สตรีที่กล่าวแจ้งหลงเจิ้นกั๋วก่อนหน้า พูดต่อ
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
ทันใดนั้นไม่เว้นหลงเจิ้นกั๋ว ทุกคนในห้องประชุมนอกพากันสูดลมหายใจเข้าดังเฮือก
“เดี๋ยวนะ…ไม่ใช่ว่าต่อให้เป็นพวกธาตุลมมือเก๋าแบบเธอ ก็ลอยตัวแบบนี้ไม่ได้นานไม่ใช่รึไง?”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ หันไปมองถามผู้หญิงคนหนึ่งในชุทสูทสีน้ำเงินทันที
“ก็ไม่ได้น่ะสิ…หากไม่ใช่อุปกรณ์ช่วยบินเลย จะให้ลอยนิ่งๆแบบนี้…ถึงจะทำได้ก็ทำได้ไม่เกินครึ่งนาทีหรอก”
ผู้หญิงคนนี้ก็คือนักรบเหนือธรรมชาติระดับสูงที่โดดเด่นในเรื่องธาตุลมขององค์กรณ์จิตวิญญาณแห่งเหยียนหวง
กล่าวได้ว่า ให้มองไปยังเหล่านับรบเหนือธรรมชาติที่ใช้ธาตุลมทั่วทั้งโลก ฝีมือของนางก็ร้ายกาจติด 3อันดับแรกแน่นอน!
ดังนั้นคำพูดของนางก็มีน้ำหนัก และสามารถพูดแทนผู้ใช้ธาตุลมกว่า 99% ของโลกได้!
“ดูชุดของผู้ชายคนนี้สิ เสื้อคลุมแบบโบราณนั่น หรือว่าจะเป็นตระกูลลับที่สืบทอดกันมาแต่โบราณของประเทศเราที่ตัดขาดโลกภายนอก?”
คนหนึ่งในโต๊ะเอ่ยขึ้น แววตาเผยความครุ่นคิดคล้ายเดาอะไรบางอย่าง “เพราะคนของพวกตระกูลโบราณที่สืบทอดกันมาของประเทศเรา มักจะแต่งตัวทำนองนี้กัน ดูแล้วเหมือนพวกถ่ายหนังย้อนยุค”
“ผมคือหลงเจิ้นกั๋ว…ไม่ทราบคุณเป็นใคร?”
ตอนนี้เองหลงเจิ้นกั๋วพลันกดปุ่มหนึ่งบนโต๊ะประชุมเบื้องหน้า ค่อยพูดถามออกมา
และเสียงของมันก็ดังขึ้นจากตัวกระจายเสียงที่ติดตั้งไว้บริเวณประตูหน้าฐานทัพ เข้าหูต้วนหลิงเทียนชัดถ้อยชัดคำ
“ครูฝึกหลง!”
ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย สองตาต้วนหลิงเทียนลุกวาวขึ้นมาทันใด ยังอดไม่ได้ที่จะเผยท่าทีตื่นเต้นเล็กน้อย
สุดท้ายเขาก็ระงับความตื่นเต้นยินดีในใจ ก่อนที่จะเปล่งเสียงที่มีเพียงหลงเจิ้นกั๋วเท่านั้นที่ได้ยินออกไป “ครูฝึกหลงนี่ผมเอง หมาป่าโลหิต หลิงเทียน!”
หมาป่าโลหิต หลิงเทียน!
ต้วนหลิงเทียนบอกชื่อรหัส และชื่อของตัวเองเมื่อชีวิตที่แล้วออกไปทันที
หากเขาบอกแค่ชื่อรหัสหมาป่าโลหิตอย่างเดียว ครูฝึกหลงคงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะมันมีผู้ใช้ชื่อรหัสนี้หลายรุ่น
แต่ตอนนี้เมื่อเขาเอ่ยชื่อตัวเองออกไปด้วย เขาเชื่อมั่นว่าครูฝึกหลงต้องจดจำเขาได้ทันที และมีวิธียืนยันตัวตนเขาได้แน่นอน
“ครูฝึกหลงนี่ผมเอง หมาป่าโลหิต หลิงเทียน!”
ทันทีที่เสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนดังขึ้นในหูของหลงเจิ้นกั๋ว ก็ทำให้หลงเจิ้นกั๋วอดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน
หลิงเทียน!
ชื่อนี้ มันไม่ได้ยินมานานมากแล้ว!
หลิงเทียนนั้น เป็นทหารที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่มันฝึกมาก็ว่าได้ หากอีกฝ่ายไม่เลือกออกจากราชการซะก่อน ป่านนี้ยศและตำแหน่งเกรงว่าไม่มีทางต่ำกว่ามันแน่!
อย่างไรก็ตามแม้หลิงเทียนคนนี้จะถอนตัวออกจากหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าจนกลายไปเป็นทหารรับจ้างสากล แต่หลิงเทียนก็ไม่เคยลืมรากเหง้า กระทั่งลอบลงมือจัดการศัตรูที่คิดร้ายกับประเทศจีนอย่างลับๆ และเรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่มันพึงพอใจอย่างถึงที่สุด!
น่าเสียดายที่ไม่กี่สิบปีก่อน อยู่ๆหลิงเทียนก็ขาดการติดต่อไปอย่างสิ้นเชิง และมันเองก็ไม่ได้ข่าวใดๆจากอีกฝ่ายเลย
ด้วยเหตุนี้มันถึงกับระดมสายลับ จัดตั้งหน่วยสืบสวนพิเศษเพื่อออกตามหา แต่สุดท้ายก็ไม่พบอะไร
‘แต่ทำไม…ผ่านไปไม่กี่สิบปี เจ้าหนูนั่นถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ล่ะ?’
มองไปยังชายหนุ่มชุดม่วงในในภาพโฮโลแกรม หลงเจิ้นกั๋วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เพราะมันดูอย่างไรก็รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้กับหลิงเทียนในความทรงจำของมัน เป็นคนละคนกันอย่างสิ้นเชิง แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย
อย่างไรก็ตามแม้จะสงสัยแคลงใจ แต่มันก็ยังคิดจะไปพบกับชายหนุ่มที่อ้างตัวว่าเป็น หมาป่าโลหิต หลิงเทียนด้วยตัวเอง
“เอาล่ะ ถ้างั้นวันนี้ก็เลิกประชุมกันแค่นี้ก่อน…ฉันจะออกไปเจอเจ้าหนุ่มนี่หน่อย”
หลงเจิ้นกั๋วกวาดตามองคนทั้ง 10 ที่โต๊ะประชุม ค่อยกล่าว
“หัวหน้า…ท่านจะไปเจอผู้ชายคนนี้คนเดียวเหรอครับ?”
“หัวหน้าคะ ผู้ชายคนนี้ความเป็นมาไม่แน่ชัด ให้หนูไปด้วยเถอะค่ะ”
“ใช่หัวหน้า ผมลองแสกนใบหน้ามันแล้ว กลับไม่พบในฐานข้อมูลไหนๆเลย ท่านไปพบมันคนเดียวแบบนี้ผมกลัวจะมีปัญหา…”
…
คนทั้ง 10 บนโต๊ะประชุมลุกขึ้นแล้วแย่งกันค้านออกมา
“หืม? เมื่อครู่พวกเธอไม่มีใครได้ยินเขาพูดเหรอ ว่าเขาคือหมาป่าโลหิต หลิงเทียน?”
หลงเจิ้นกั๋วขมวดคิ้ว กล่าวออก
เพราะหลงเจิ้นกั๋วนั้นไม่รู้ตัว ว่าที่ต้วนหลิงเทียนพูดออกมาเมื่อครู่มีแต่มันที่ได้ยินอยู่คนเดียว
“หมาป่าโลหิต หลิงเทียน?”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของหลงเจิ้นกั๋ว ทั้ง 10 คนอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งกันเป็นแถบ
เพราะเหล่าขุนพลมือดีที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหลงเจิ้นกั๋วโดยตรงทั้ง 10 คนนี้ ได้ติดตามหลงเจิ้นกั๋วมานานแล้ว จึงเคยได้ยินเรื่องราวสมัยก่อนของหลงเจิ้นกั๋วมาไม่น้อย รวมถึงเรื่องที่เคยเป็นครูฝึกด้วย
ที่สำคัญในบรรดาพวกมัน ก็มีทหารมือดีที่เคยอยู่ในหน่วยรบพิเศษ แถมถูกหลงเจิ้นกั๋วปั้นมากับมือ!
และในบรรดาทหารเหล่านี้ พวกมันรู้ดีว่าเด็กปั้นที่ร้ายกาจที่สุดของครูฝึกหลงก็คือ หมาป่าโลหิต หลิงเทียน!
“เขาคือหมาป่าโลหิตหลิงเทียน?”
ทันใดนั้นดววงตาของผู้หญิงในชุทสูทสีน้ำเงินก็ส่องสว่างขึ้นมาทันที ใบหน้ายังเผยความชื่นชมไม่น้อย
หมาป่าโลหิต หลิงเทียนนั้น ก่อนที่โลกจะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างห้วงแห่งนิพพาน อีกฝ่ายก็คือคนที่โด่งดังที่สุดในโลกใต้ดิน และได้รับการยอมรับว่าเป็นมือหนึ่ง!
เรียกว่าถึงตอนนั้นตัวนางจะยังเด็ก แต่ก็ชื่นชมหลิงเทียนคนนี้มาก!
…
ต้วนหลิงเทียนที่รออยยู่ด้านนอก ไม่คิดเลยว่าที่ออกมาพบเขาจะไม่ใช่แค่หลงเจิ้นกั่วแค่คนเดียว
กึง กึง กึง!
ตึก ตึก ตึก
…
เมื่อประตูฐานทัพเลื่อนเปิดออก ก็ปรากฏร่างหนึ่งก้าวนำออกมาจากฐานด้วยท่วงท่ามั่นมาดราวพยัคฆ์มังกร
ด้านหลังยังมีคนทั้งสิ้น 10 คนติดตามมาไม่ห่าง
ต้วนหลิงเทียนเพียงมองทั้ง 10 ปราดเดียว ก็จดจำได้ทันทีว่าทั้ง 10 คนเป็นใคร เพราะก่อนหน้าสำนึกเทวะเขาก็ได้ตรวจสอบหมดแล้ว…พวกมันคือนักรบเหนือธรรมชาติชั้นยอด! อีกทั้งจิตวิญญาณทุกคนยังแข็งแกร่งเทียบได้กับครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!
ส่วนเรื่องที่ทำไมจิตวิญญาณของทุกคนแข็งแกร่งถึงได้ขนาดนี้…ไม่พ้นใช้ยาพันธุกรรมช่วยแน่นอน!
ด้วยไม่ได้เพิ่มขึ้นเพราะการขัดเกลายกระดับด้วยตัวเอง เช่นนั้นแล้วจิตวิญญาณของทุกคนก็ทำได้แค่สัมผัสกับธาตุต่างๆในธรรมชาติเพื่อช่วยเหลือในการต่อสู้ จนกลายเป็นนักรบเหนือธรรมชาติ
“เธอคือ ‘หมาป่าโลหิต’ จริงๆเหรอ?”
หลงเจิ้นกั๋วที่ก้าวออกมานอกฐานสักพัก ก็หยุดลงแล้วเงยหน้ามองถามชายหนุ่มชุดม่วงที่ลอยค้างกลางหาวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครูฝึกหลง”
เมื่อเห็นใบหน้าครูฝึกที่ไม่เปลี่ยนไปเลยจากในอดีต รอยยิ้มสดใสพลันคลี่กางขึ้นบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน
ทันใดนั้นเขาก็ค่อยๆโรยตัวลงมาจากกลางอากาศ ก่อนที่จะมาหยุดยืนตรงหน้าหลงเจิ้นกั๋ว ค่อยยืนตัวตรงดั่งหอก ยกมือขึ้นทำวันทยหัตถ์ให้หลงเจิ้นกั๋ว!
ถึงแม้จะยังไม่เชื่อ่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าเป็นหมาป่าโลหิตหลิงเทียนแน่หรือไม่ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำความเคารพแบบทหารมา หลงเจิ้นกั๋วก็ตะเบ๊ะกลับไปทันที
“ไม่วาจะรูปร่างหน้าตาของเธอ…มันไม่มีอะไรเหมือนกับหมาป่าโลหิตแม้แต่นิดเดียว…แล้วเธอจะพิสูจน์ได้ไงว่าเป็นเขา?”
หลงเจิ้นกั๋วมองจ้องต้วนหลิงเทียนพลางถามออกมาด้วยน้ำเสียงลึกซึ้ง
“ครูฝึกหลง…อยากให้ผมพิสูจน์ตรงนี้จริงๆหรือ?”
อย่างไรก็ตามได้ยินคำพูดของหลงเจิ้นกั๋ว ต้วนหลิงเทียนพลันมองจ้องตากลับไปอย่างลึกซึ้ง และในแววตาก็ค่อยๆเผยความอึกอักเล็กน้อย กล่าวถามออกไปเพื่อขอคำยืนยัน
“พูดมา!”
เสียงของหลงเจิ้นกั๋วนั้นเด็ดขาดมาก ไม่อนุญาตให้สงสัย!
“ผมจำได้ว่าตอนไปบ้านครูฝึกหลงครั้งแรก…ครูฝึกหลงกำลังถูกอาซ้อทำโทษให้คุกเข่าบนเปลือกทุเรียน 15 นาที อันที่จริงเดิมทีอาซ้อจะให้ครูฝึกหลงคุกเข่าสักครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ แต่พอดีเกรงใจเพราะเห็นผมมา แล้วก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อาซ้อได้ยินพลขับกำลังคุยกัน ว่าครูฝึกหลงมาโม้ในฐานว่า ‘ปกติอยู่บ้านจะเตะเมียเล่น’ อาซ้อก็เลย…”
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆพูดออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
แต่ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้พูดจนจบ หลงเจิ้นกั๋วก็เร่งกล่าวขัดออกมาอย่างร้อนรน “พอ! หยุด! ไม่ต้องพูดแล้ว! บ้าเอ๊ย…ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเธอจริงๆ ด้วยเจ้าหนู!!”
ตอนนี้หลงเจิ้นกั๋วรู้สึกเสมือนมีสายตาแปลกๆมองมาจากด้านหลัง
แน่นอนว่าเจ้าของสายตาแปลกๆที่ว่าก็คือ 10 ขุนพลที่เดินตามออกมาด้วยนั่นเอง ทำให้หลงเจิ้นกั๋วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าอยู่บ้าง
“ไอ้หนู! ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาเธอไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมากันแน่? ฉันถึงกับตั้งหน่วยสืบสวนไปสืบข่าวเธอโดยเฉพาะ…แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครพบอะไรเลย เหมือนกับอยู่ๆเธอก็หายไปในอากาศ…”
หลงเจิ้นกั๋วรีบกล่าวเปลี่ยนเรื่องออกมา ทีท่ายังทำราวกับขุ่นเคืองไม่น้อยที่อีกฝ่ายหายหน้าหายตาไปไม่ยอมติดต่อหรือส่งข่าว…
“ยังมีรูปร่างหน้าตาอีก…ทำไมมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ล่ะ กระทั่งเมื่อก่อนยังไม่ดูอ่อนขนาดนี้เลยนี่?”