ตอนที่ 2312 คำเชิญจากโอสถบรรพกาล!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“นั่นคือเหลนข้า! พวกเจ้าเห็นหรือไม่? เขานั้นคือหยุนยี่! เขานั้นคือเหลนของข้า! เหลนของข้าเอาชนะงานประชุมโอสถสหภูมิภาค! ฮ่าๆๆ…”

ในกลุ่มคนนั้นเทพสวรรค์ดันหยู่ยิ้มหัวเราะพร้อมตะโกนลั่นขึ้นมา

แม้ว่าตัวเทพสวรรค์ดันหยู่นั้นจะโอหังถือตัวว่าเก่งกาจแค่ไหนเขาก็ไม่เคยนึกฝันว่าเหลนของตนนั้นจะกลับมายืนอยู่ในแนวหน้าของมหาพิภพถงเทียนได้เช่นนี้ ยิ่งได้กลายเป็นยอดคนอัจฉริยะอันดับหนึ่งเช่นนี้แล้วด้วย!

มันมิใช่ว่าเขาไม่เคยจะวาดฝัน เพียงแค่เขานั้นรู้ตัวว่าด้วยความสามารถของตนเองนั้นมันคงไม่มีทางไปถึงได้

ความยากจนนั้นมันได้จำกัดจินตนาการของเขาไว้!

สำหรับเขาแล้วอย่างมากที่สุดที่หยุนยี่จะทำได้มันก็คงเป็นแค่ขึ้นมารับอำนาจแทนตำแหน่งของเขาเพื่อครอบครองวงการโอสถในดินแดนใต้

แต่เวลานี้หยุนยี่กลับก้าวล้ำจุดนั้นไปอย่างไม่อาจเทียบ ไปจนถึงจุดที่เขาไม่กล้าจะวาดฝัน

เอาชนะโซวรุยได้เช่นนี้หยุนยี่ในเวลานี้มันคงนับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง!

แล้วได้เห็นเช่นนั้นมีหรือที่เทพสวรรค์ดันหยู่จะจดจำการทรยศของหยุนยี่ไว้? มีหรือที่จะจดจำความแค้นใดๆ ที่เคยมีกับเย่หยวน?

เวลานี้สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเปี่ยมล้นใจคือความภาคภูมิ

ที่ด้านข้างตัวเขานั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์จั่วหยุน จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาและเทพสวรรค์เปียวหยูต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างมึนงง

ดูท่าพวกเขาทั้งหลายเองก็คงไม่มีใครคาดฝันว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นเช่นนี้ไป

แต่คนอื่นๆ นั้นกลับหันมามองหน้าเทพสวรรค์ดันหยู่แปลกๆ ราวกับมองดูคนบ้า

“ก็เคยเห็นมาก่อนนะพวกที่อ้างตัวเป็นญาติ แต่ไม่เคยจะเห็นใครหน้าด้านทำถึงขนาดนี้”

“เขาชนะแล้วเขาก็เป็นเหลนเจ้า เช่นนั้นแล้วก่อนหน้านี้เจ้าไปอยู่ที่ใดมา? เพิ่งจะมาอ้างตัวเป็นญาติเอาเวลานี้ ข้าอ้างว่าเจ้าเป็นเหลนข้าบ้างไหมเล่า!”

“ไปไกลๆ ไป! หน้าตาท่าทางโง่ๆ ของเจ้านี้มีหรือจะสั่งสอนเหลนได้ถึงขั้นนั้น?”

มันไม่มีใครคิดเชื่อเทพสวรรค์ดันหยู่เลย

เพราะเหล่ายอดคนจากเขาขนนกนั้นต่างมีที่นั่งประจำของตนเองแยกไว้ หากหยุนยี่นั้นเป็นเหลนของเขาอย่างที่เทพสวรรค์ดันหยู่ว่าเหตุใดเขาจะมานั่งดูจากที่นั่งคนทั่วไปในมุมน้อยๆ เช่นนี้?

ยิ่งได้เห็นมันก็ยิ่งทำให้คนทั้งหลายรู้สึกขำขัน

เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นหน้าดำมืดลงด้วยความอับอาย

แน่นอนล่ะว่าหากเขาคิดยอมรับสนับสนุนหยุนยี่แต่แรก เรื่องราวในเวลานี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น

เมื่อทุกคนเห็นท่าทางนั้นของเขา พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจไปใหญ่ว่าเขานั้นพูดจาไร้สาระ

ในห้วงความตื่นเต้นนั้นงานประชุมโอสถสหภูมิภาคก็ได้จบลงและทำให้ชื่อเสียงของเมืองเล็กๆ อย่างวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์ในแดนใต้นี้โด่งดังไปทั่วโลกหล้า

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นนำเอาตำราทั้งสองของโอสถบรรพกาลนั้นออกมามอบให้ทั้งหยุนยี่และหนิงซืออวี๋ก่อนจะกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้มไม่ขาดปาก

เวลานี้หยุนยี่นั้นมีจิตใจสงบนิ่งใกล้เคียงตัวเย่หยวนเขาย่อมไม่ได้คิดสนใจว่าใครจะชื่นชมหรือเยาะเย้ยใดๆ

ส่วนตัวหนิงซืออวี๋นั้นก็นับถือเย่หยวนเป็นอาจารย์เพียงหนึ่ง ไม่ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อจะกล่าวชมอย่างไรนางก็ไม่ได้คิดสนใจ

แต่ขณะที่ทุกผู้คนกำลังคิดไปว่างานประชุมโอสถสหภูมิภาคในครั้งนี้มันจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับของอาณาจักรทหัยเมฆาตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อก็เดินเข้ามาหาเย่หยวน

“รองมหาปราชญ์ อาจารย์ขอเชิญท่านไปยังเขาทหัยเมฆาเพื่อถกวิชา”

คำพูดนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องหันหน้ามามองดูพร้อมๆ กัน โอสถบรรพกาลคิดออกโรงแล้ว!

นี่แหละคือจุดน่าจับตาของงานที่แท้!

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวอากาศมันก็หนักหน่วงขึ้นมาในทันที

โอสถบรรพกาลนั้นมันมิใช่แค่นามของยอดฝีมือ แต่ตัวเขานั้นคือสัญลักษณ์ของเต๋าโอสถ

เขานี้คือท้องฟ้าของเต๋าโอสถ!

เขานี้คือเต๋าบรรพกาลแห่งเต๋าโอสถ!

แน่นอนว่าเขาย่อมมิใช่เต๋าบรรพกาลอย่างแท้จริง แต่ในจิตใจของเหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายเขานี้คือเต๋าบรรพกาล!

ตัวตนที่ไร้เปรียบ!

ต่อให้จะเป็นยอดคนอย่างมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงกับเขานี้ได้

แต่วันนี้พวกเย่หยวนศิษย์อาจารย์กลับเอาชนะคนอาณาจักรทหัยเมฆาได้สิ้นจนเหมือนได้ตบหน้าอาณาจักรทหัยเมฆาอย่างรุนแรง

นั่นทำให้โอสถบรรพกาลไม่อาจนั่งเฉยได้อีกต่อไป!

เขานั้นเป็นตัวตนที่อยู่เหนือโลกและแทบจะไม่เคยปรากฏตัวออกมาต่อโลกหล้า

หลายต่อหลายปีมานี้มันมีแค่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่กล้าจะขึ้นเขาไปและทำให้โอสถบรรพกาลต้องลงมือ

วันนี้ เพื่อเย่หยวนแล้วเขาถึงกับต้องออกตัวเชิญอีกฝ่าย

หนึ่งนั้นคือดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์เด่นล้ำฟ้าดินเก่งกาจกว่าใครๆ ในยุค

อีกหนึ่งนั้นคือรากฐานวิชาการโอสถผู้ปกครองโลกหล้ามายาวนาน เก่งกาจเหนือล้าฟ้าดิน

การต่อสู้ของคนทั้งสองนี้ย่อมจะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกาอย่างแน่นอน

แล้วปัญหาก็คือเย่หยวนจะรับคำเชิญนี้ของโอสถบรรพกาลหรือไม่?

ทุกผู้คนต่างอยากจะเห็นมัน!

เย่หยวนที่ได้ยินจึงยิ้มตอบกลับไป “ทนไม่ไหวแล้วสินะ? หึๆ ต้องรอให้เย่ผู้นี้ตบหน้าอย่างสาหัสก่อนถึงจะออกตัวได้ มันจำเป็นด้วยหรือ?”

ทุกผู้คนต่างตื่นตะลึงเมื่อได้ยิน เจ้าหมอนี่มันคิดดูถูกโอสถบรรพกาลหรือ?

ทุกผู้คนในที่นี้ต่างล้วนถือว่าการได้พบโอสถบรรพกาลนั้นเป็นเกียรติสิ้น

การได้รับคำชี้นำจากเขาแค่เล็กน้อยมันก็คงมากพอจะก้มกราบ

แต่เย่หยวนกลับไม่ได้แสดงความชื่นชมใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย

มันกลับยังมีนักหลอมโอสถที่ไม่เคารพต่อโอสถบรรพกาลอยู่!

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อยิ้มตอบ “เรื่องใดที่รองมหาปราชญ์มีก็ขอเชิญไปบอกท่านอาจารย์เองเถอะ ข้านั้นแค่ทำตามที่ได้รับสั่งมาเท่านั้น”

เย่หยวนหันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม “พี่ฉางเล่อ เย่ผู้นี้อยากจะประลองกับพี่ฉางเล่อในสักวันเสียจริงๆ”

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อยิ้มตอบกลับมา “มันนับเป็นเกียรติแก่ฉางเล่อแล้วที่รองมหาปราชญ์ให้ความสนใจแต่จักรพรรดิผู้นี้เองก็แค่บังเอิญบรรลุเต๋ามาได้ หลายต่อหลายปีมานี้ข้าแทบจะไม่อาจพัฒนาตัวไปได้และถูกศิษย์น้องรองก้าวล้ำไปมาก รองมหาปราชญ์เอาชนะได้แม้แต่ตัวศิษย์น้องรอง จักรพรรดิผู้นี้คงไม่มีทางเทียบเคียงท่านได้แล้ว”

เย่หยวนยิ้มตอบ “นำทางไปเถอะ”

เขาย่อมจะไม่คิดว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นอ่อนแอกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูใดๆ

เขานั้นเคยได้ยินมาก่อนว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นเป็นคนในรุ่นเดียวกันกับโอสถบรรพกาลและมีชีวิตอยู่มายาวนานจนเกินนับ

การที่จะมาเป็นศิษย์คนโตของโอสถบรรพกาลได้นั้นและยังถึงขั้นบรรลุโอสถเต๋ามีหรือที่เขาจะเป็นคนธรรมดาไปได้?

ยิ่งได้เห็นตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนี้เย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกถึงความลึกล้ำของเขา

ฝีมือของเขานั้นมันอยู่ในระดับที่เย่หยวนไม่อาจจะมองออกได้ แต่เขานั้นรู้สึกได้ว่าต่อให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อจะไม่เก่งกาจเท่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตัวเขาก็คงไม่ได้อ่อนแอกว่ามากมาย

อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องเก่งกาจกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเป็นแน่

แต่อีกฝ่ายนั้นกลับสวมหน้ากากเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัวปล่อยให้คนทั้งหลายคิดว่าเขานั้นไร้พิษภัย ไม่อาจสัมผัสถึงตัวตนได้ง่ายๆ

แต่เมื่ออีกฝ่ายคิดก้มหัวจนสุดทางแล้วเย่หยวนเองก็ไม่อาจจะไปงัดหน้าเขาขึ้นมาดูได้

เพราะจะอย่างไรตัวโอสถบรรพกาลนั้นก็เป็นสุดยอดเส้นทางของเต๋าโอสถ

การได้เห็นผู้อยู่บนจุดสุดยอดนั้นมันย่อมจะสำคัญกับเย่หยวนกว่าสิ่งใดๆ ไปมาก

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อหันหน้ากลับมามองและกล่าวกับทุกผู้คน “งานประชุมโอสถสหภูมิภาคจบลงเท่านี้แล้ว เกมของอาจารย์และรองมหาปราชญ์นั้นพวกเจ้าสามารถไปดูได้ที่เขาทหัยเมฆา! หากไม่คิดสนใจก็เชิญกลับได้”

พูดจบเขาก็เดินนำเหล่าบรรพกาลทั้งหลายจากไป

เรื่องที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อกล่าวนี้มันคืองานใหญ่ที่สิบล้านปีจะเกิดขึ้นสักครั้งมีหรือที่ใครจะคิดพลาดมัน?

เพราะฉะนั้นคนที่เหลือจึงได้ออกเดินทางไปยังเขาทหัยเมฆาในทันทีอย่างไม่มีใครคิดกลับไปไหน

ความแตกตื่นนั้นมันเกิดขึ้นอย่างมากล้น!

“พวกเจ้าคิดว่าระหว่างโอสถบรรพกาลและรองมหาปราชญ์ ใครจะชนะหรือแพ้กัน?”

“ดูสิว่าเจ้าพูดอะไรออกมา โอหังนัก! ก็จริงที่ว่ารองมหาปราชญ์นั้นเก่งกาจแต่แค่จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเขาก็ยังแทบไม่อาจเอาชนะมาได้ มีหรือจะเอาชนะโอสถบรรพกาลได้?”

“หึ หลังๆ มานี้มันเริ่มมีคนที่ไม่เคยเห็นฝีมือของโอสถบรรพกาลปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว! เขานี้คือยอดสุดที่ไม่อาจวัด! เขานั้นคือเขาแห่งถงเทียนของเต๋าโอสถ!”

“หึๆ ข้าแค่หวังว่ารองมหาปราชญ์จะยังก้าวหน้าต่อไปได้หลังพ่ายแพ้!”

นี่มันคือการประลองที่มีผลแน่นอน สิ่งเดียวที่พวกเขาอยากเห็นก็คือเย่หยวนจะพ่ายแพ้ลงย่อยยับแค่ไหน

ก่อนหน้านั้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้พ่ายแพ้ต่อโอสถบรรพกาลและต้องจิตตกไปนานแสนนาน

หลังจากเขาเริ่มกลับมาตั้งหลักได้เขานั้นถึงไปตั้งวิหารนักบวชและเริ่มสั่งสอนวิชาโอสถในเผ่าอสูร

เช่นนั้นแล้วเย่หยวนที่พ่ายแพ้ในครั้งนี้จะกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้งเหมือนมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหรือไม่?

………………….