บทที่ 1212 ข้าแซ่เซียง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,212 ข้าแซ่เซียง

หลินเป่ยเฉินชื่นชอบบรรยากาศที่อึกกระทึกวุ่นวายเช่นนี้

เพราะมันทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลับไปเดินในตลาดสดของชาติภพที่แล้วอีกครั้ง

ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเดินดูสินค้าอย่างสบายใจ

ร้านค้าแผงลอยสองข้างทางล้วนมีแต่สินค้าราคาไม่สูงมาก

ชิงเล่ยคอยเดินอยู่ข้างกายเขาไม่ห่างและไม่ลืมทำหน้าที่ของนางในการช่วยต่อรองราคา

หลินเป่ยเฉินต้องยอมรับเลยว่าสตรีนางนี้มีพรสวรรค์ในด้านการต่อรองราคาจริง ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อรองราคากับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าแผงลอย หลายครั้งที่หญิงสาวสามารถช่วยเหลือให้หลินเป่ยเฉินซื้อสินค้าได้ในราคาเพียงหนึ่งในสามของราคาเต็มเท่านั้น

“ได้ยินคนพูดกันว่าท่านมีบุตรสาวอยู่หนึ่งคน?”

หลินเป่ยเฉินถามพลางกวาดสายตามองหาสินค้าข้างทาง

ชิงเล่ยมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยมีบุตรสาวอายุสามขวบอยู่หนึ่งคน”

“สามีของท่านเล่า?”

หลินเป่ยเฉินถามอย่างระมัดระวัง

“ตายแล้ว”

น้ำเสียงของชิงเล่ยแฝงความเย็นชาและเกลียดชังอย่างที่หาได้ยากยิ่งอยู่หลายส่วน

“หืม? ตายอย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินย่อกายลงนั่งยอง ๆ หน้าร้านค้าที่ปูผ้าขายสินค้ากับพื้นดิน กวาดสายตามองหาสิ่งที่น่าสนใจเล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบรูปปั้นอสูรขนาดเล็กที่ชำรุดขึ้นมาตัวหนึ่ง เขาลองหยั่งน้ำหนักมันในมือ และพบว่ารูปปั้นตัวนี้มีน้ำหนักมากผิดปกติ

ชิงเล่ยจ้องมองแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉิน นางถูกกระชากกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง หญิงสาวสงบจิตใจ และควบคุมน้ำเสียงให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เสมือนว่ากำลังบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของบุคคลอื่นก็ไม่ปาน “เขาจากไปพร้อมกับภรรยาใหม่ นอกจากทิ้งข้าน้อยไปแล้ว เขายังทิ้งบุตรสาวของเราที่เจ็บไข้ได้ป่วยไปอย่างไม่ใยดี ดังนั้น สำหรับข้าน้อย เขาจึงไม่ต่างจากตายไปแล้ว”

หืม?

หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ

ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้เอง

“อดีตสามีของท่านคงหล่อเหลาและมีความสามารถมากเลยสินะ”

หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อ

ชิงเล่ยถามกลับมาโดยไม่รู้ตัว “คุณชายทราบได้อย่างไรเจ้าคะ?”

หลังจากพูดออกมาแล้ว นางถึงได้รู้ว่าตนเองพูดสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกมา

นี่นางชื่นชมบุรุษอื่นต่อหน้าคุณชายท่านนี้ได้อย่างไร?

“เถ้าแก่ รูปปั้นตัวนี้ราคาเท่าไหร่?”

หลินเป่ยเฉินหันกลับมาสนใจที่การซื้อของเบื้องหน้า ในมือของเขาชูรูปปั้นหุ่นอสูรสามแขนตัวหนึ่งให้พ่อค้าผู้สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำปิดบังหน้าตาได้รับชม

“คะแนนศรัทธาสามหมื่นแต้ม”

ตลอดทั้งร่างกายของเจ้าของร้านล้วนแต่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าของร้านผู้นี้มีอายุเท่าไหร่ เป็นบุรุษหรือสตรี เสียงพูดที่แหบแห้งนั้น บอกชัดถึงเจตนาการดัดเสียง

หลินเป่ยเฉินโยนรูปปั้นอสูรสามแขนตัวนั้นกลับลงไปที่เดิมและลุกขึ้นยืน

“ช้าก่อน”

เจ้าของร้านร้องเรียกด้วยความร้อนรนเล็กน้อย “ราคาสามารถต่อรองกันได้”

“เกรงว่าราคาที่ข้าจะมอบให้ท่าน ท่านคงรับไม่ได้”

หลินเป่ยเฉินว่า

“ไม่เป็นไร คุณชายลองเสนอราคามาก่อน การทำธุรกิจสามารถต่อรองกันได้เสมอ” เจ้าของร้านพูด

“แปดสิบแต้มคะแนนศรัทธา”

หลินเป่ยเฉินบอกราคาที่ตนเองยินดีจ่ายออกไป

เจ้าของร้านรีบตอบรับทันที “ตกลงขาย”

อ้าว?

หลินเป่ยเฉินยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

ให้ตายสิ เจ้าของร้านนี้เจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย

ระหว่างที่คิดอยู่นี้ เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงยกข้อมืออวดกำไลผลึกแก้วกิเลน เป็นทำนองว่าพร้อมจ่ายแล้ว

“อ๊ะ คุณชายได้โปรดทบทวนดูก่อน”

หญิงสาวใบหน้ารูปไข่รีบส่งเสียงร้องเตือน

นางเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกมาและนั่นก็ทำให้หลินเป่ยเฉินไม่พอใจ โดยเฉพาะนับตั้งแต่ที่เขาเลิกพูดคุยกับนาง ชิงเล่ยอยู่ในภวังค์แห่งความวิตกกังวลจนลืมเลือนทำหน้าที่ต่อรองราคาสินค้าไปโดยปริยาย เมื่อรู้สึกตัวอีกที นางก็เห็นว่าหลินเป่ยเฉินกำลังจะซื้อรูปปั้นอสูรสามแขน จึงต้องรีบกล่าว “กราบเรียนคุณชาย รูปปั้นตัวนี้หาได้มีค่าอันใด อย่าได้ถูกผู้อื่นหลอกลวง…”

พูดยังไม่ทันจบ

เจ้าของร้านก็กล่าวขัดขึ้นอย่างไม่พอใจ “สาวน้อย เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล รูปปั้นเทพสามแขนตัวนี้ ข้าค้นพบมาจากเขตม่านหมอกของเมืองเยี่ยเฉิง รับรองว่าเป็นของเก่าแก่โบราณและเป็นของแท้แน่นอน”

ชิงเล่ยไม่สนใจเจ้าของร้าน แต่หันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินและส่ายศีรษะบอกเขาว่าอย่าถูกผู้อื่นหลอกลวงเด็ดขาด

หลินเป่ยเฉินไม่สนใจหญิงสาว จัดการโอนคะแนนศรัทธาแปดสิบแต้ม และซื้อรูปปั้นอสูรสามแขนตัวนั้นมาในที่สุด

เมื่อเดินออกมาจากร้านค้าร้านนั้น สีหน้าของชิงเล่ยก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

“คุณชาย… โกรธข้าน้อยหรือเจ้าคะ?”

นางถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“หา? ทำไมข้าต้องโกรธท่านด้วย?”

หลินเป่ยเฉินเล่นรูปปั้นอสูรสามแขนในมือและถามกลับมาเหมือนไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่

“ข้าน้อยไม่ควรเอ่ยถึงเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน”

หญิงสาวสารภาพผิดออกมา

หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก ก่อนพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “ท่านพูดออกมาเช่นนี้… คงคิดว่าข้าเป็นบุรุษของท่านแล้วกระมัง?”

ชิงเล่ยก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอาย

ชิงเล่ยไม่เป็นตัวของตัวเอง นางพูดมากเกินไป แล้วจะตอบคำถามของเขาอย่างไรดี?

อีกอย่างคุณชายท่านนี้ก็ไม่ได้สนใจนางอยู่แล้ว เขาเพียงต้องการจะหยอกล้อนางเล่นเท่านั้นไม่ใช่หรือ?

“ใช่ ข้ารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง”

หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มออกมาขณะกล่าวต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าชื่ออะไร?”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใส “จริงด้วยสินะเจ้าคะ ข้าน้อยยังไม่ได้ถามเลยว่าคุณชายมีชื่อว่าอันใด?”

หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ข้าแซ่เซียง”

“แซ่เซียง?”

ชิงเล่ยพยายามนึกทบทวนรายชื่อตระกูลใหญ่ในเมืองเยี่ยเฉิง แต่นางก็ไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลเซียงมาก่อน จึงอดกล่าวออกไปไม่ได้ว่า “นับเป็นแซ่ที่หาได้ยากยิ่ง”

“ใช่ ข้าใช้แซ่เซียง ส่วนนามนั้นมีเพียงพยางค์เดียว แปลว่าอาวุโส”

หลินเป่ยเฉินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมจริงจัง

“ถ้าอย่างนั้นคุณชายก็มีนามว่า เซียงกง*[1]…”

หญิงสาวพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว

หลังจากนั้นนางถึงได้รับรู้สิ่งผิดปกติ

หญิงสาวกระทืบเท้า ใบหน้ารูปไข่แดงระเรื่อ สองแก้มร้อนผ่าว หัวใจเต้นรัวเร็วด้วยความเขินอายและขุ่นเคืองใจ

นางถูกเด็กหนุ่มผู้นี้กลั่นแกล้งเอาอีกแล้ว

ชิงเล่ยได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่เงยหน้ากลับขึ้นมาอีกเลย

หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม ยังคงเล่นกับรูปปั้นอสูรสามแขนในมือต่อไปขณะออกเดินต่อ

การใช้จ่ายเงินกับสิ่งของที่ไม่เป็นประโยชน์ ย่อมไม่ใช่นิสัยของหลินเป่ยเฉิน

แต่เหตุผลที่เขาซื้อรูปปั้นตัวนี้มาด้วยราคาคะแนนศรัทธาถึง แปดสิบแต้ม ก็เป็นเพราะว่าหลินเป่ยเฉินได้ลองถ่ายรูปและใช้แอปความรู้คู่ปัญญาตรวจสอบดูแล้ว

ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้หลินเป่ยเฉินต้องประหลาดใจ

เพราะว่ารูปปั้นอสูรสามแขนตัวนี้มีอายุถึงสามสิบปี นับว่าเป็นของโบราณเก่าแก่อย่างที่เจ้าของร้านพูดเอาไว้ไม่มีผิด รูปปั้นอสูรตัวนี้มีชื่อเรียกว่าเยี่ยลั่วซาหรืออะไรสักอย่าง ท่าทางคงไม่ใช่พวกที่เคยมีชื่อเสียงสักเท่าไหร่

แอปความรู้คู่ปัญญายังบอกอีกด้วยว่าที่รูปปั้นตัวนี้มีการลงค่ายอาคมเอาไว้ ซึ่งหมายความว่าน่าจะมีคัมภีร์ลับซ่อนอยู่ข้างใน

นับว่าเป็นโชคดีของหลินเป่ยเฉิน

แต่เขาลองเล่นกับมันดูทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะลองขยับแขน หมุนหัว ขยับตัวหรือบิดขา ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถเปิดการใช้งานค่ายอาคมบนตัวรูปปั้นอสูรสามแขนตัวนี้ได้เลย

หลินเป่ยเฉินไม่รู้สมควรทำอย่างไรต่อ จึงได้แต่นิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่

[1] เซียงกง แปลว่าสามี