แก้วเทวเป็นหินแก้วที่กำเนิดมาจากการรวมตัวกันของพลังแห่งกฎฟ้าดิน ซึ่งมันแข็งเป็นอย่างมาก ยักษ์แก้วเทวถูกโจมตี ทำให้มันปะทุออกมาในทันที คำรามเสียงดังลั่น

เสียงคำรามนี้สั่นสะเทือนจนทำให้แผ่นฟ้าที่ว่างเปล่าแตกร้าว ป่าไม้ที่กว้างใหญ่แตกสลายเป็นฝุ่นผง หลัวซิวจ้องตาเขม็งไป พบชายชราผู้หนึ่งร้องเฮือก ก่อนที่เขาจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว บินไกลออกไป

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผลการฝึกตนของชายชรานั่นสูงเท่าไหร่กันแน่ แต่ทว่าภายใต้กฎการกดอัดของโลกเซียนเสวียนเทียน ผลการฝึกตนที่เผยให้เห็นจึงอยู่แค่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9

เขาลอยตัวขึ้นฟ้า บินหนีออกไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ๆ แต่ทว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของยักษ์ตัวนั้นกลับเร็วยิ่งกว่า ก้าวขาออกไปเพียงก้าวเดียวก็ทำให้มิติบริเวณนั้นแตกสลาย ไล่ตามไปพร้อมกับเสียงคำราม กางมือที่ใหญ่จนสามารถบดบังท้องฟ้าออกมา ครอบคลุมชายชรานั่นไว้ใต้ฝ่ามือ

เสียงพึบดังขึ้น ร่างกายของชายชรานั่นก็ถูกบดละเอียดเป็นฝุ่นผง มีช่องจิตดวงหนึ่งลอยออกมาจากร่างกายที่แตกสลายนั่น สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่มีโอกาสหลบหนีออกไปได้อยู่ดี ถูกยักษ์แก้วเทวอ้าปากแล้วดูดกลืนช่องจิตเข้าไป

หลังจากที่สังหารชายชราที่บังอาจจู่โจมตนเสร็จ ออร่าบ้าคลั่งที่อยู่บนตัวยักษ์แก้วเทวกลับมาสงบเหมือนเดิมแล้ว ก่อนที่มันจะย่างเท้าเดินไกลออกไป

“กำลังรบของยักษ์แก้วเทวตัวนี้เทียบทัดกับเทพมารตนหนึ่งได้เลย”

ในที่สุดหลัวซิวก็เข้าใจสักทีว่าเหตุใดทุกครั้งที่โลกเซียนเสวียนเทียนเปิดออก จึงมักมีผู้คนเสียชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เยอะเช่นนั้น นอกจากการเข่นฆ่าและการแข่งขันระหว่างนักยุทธ์แล้ว ภายในโลกเซียนเสวียนเทียนนี้ มีภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ดำรงอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เข้ามาภายในนี้ ผลการฝึกตนก็จะถูกกดอัดลงไปที่ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ และยักษ์แก้วเทวตัวหนึ่งที่อยู่ในโลกเซียนเสวียนเทียนก็มีกำลังรบที่เทียบทัดกับเทพมารแล้ว ผู้ที่สามารถต่อกรกับมันได้จึงมีน้อยมาก ๆ

“ข้าสามารถกำราบยักษ์แก้วเทวตัวนี้ได้อยู่ เมื่อกลั่นแปรพลังเทพที่แฝงซ่อนอยู่ในแก้วเทวบนตัวมัน เช่นนั้นผลการฝึกตนของข้าก็น่าจะเลื่อนขึ้นไปถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 3 หรือมากจนกระทั่งเลื่อนขึ้นไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4 ได้”

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวจึงกระโจนเหาะขึ้นฟ้าในทันที จะไล่ตามไปยังทิศทางที่ยักษ์แก้วเทวตัวนั้นจากไป

และในตอนนี้เอง สีหน้าเขาก็ดูเข้มงวดขึ้นมากะทันหัน หันหน้ากลับไปอย่างฉับพลัน เห็นเพียงมีระฆังใหญ่ลูกหนึ่งที่มีชี่อลวนลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบ ๆ พุ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น แผ่คลุมลงมาทางเขา

เขาเรียกหอกยุทธ์มังกรดำออกมาในพริบตา แทงหอกออกไปต้านทานระฆังใหญ่ลูกนี้เอาไว้ ในขณะเดียวกันภายใต้เหตุการณ์ที่ฉุกละหุก เขาก็ถูกแรงสั่นสะเทือนอัดจนถอยหลังกลับไปหลายก้าว

“หลิงเฟิง!”

หลัวซิวทั้งตะลึงทั้งโกรธ เขาต้องคุ้นเคยกับระฆังอลวนลูกนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเขาตอบสนองรวดเร็ว จากร่างเนื้อมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 8 ของเขา เมื่ออยู่ภายใต้แรงโจมตีของระฆังอลวน เกรงว่าเขาคงจะถูกโจมตีจนร่างแหลกเป็นฝุ่นผงในชั่วพริบตาเดียว

“ยังไม่ตายอย่างนั้นหรือ?”

เสียงเสียงหนึ่งลอยมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะปรากฏให้เห็นเงาร่างของหลิงเฟิง เขายิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด: “ข้าคือศิษย์พี่ใหญ่แห่งเขาสุดหล้าต่างหาก พรสวรรค์และศักยภาพของเจ้าอยู่เหนือข้า เจ้าจึงถูกลิขิตแล้วว่าต้องตาย มีเพียงเจ้าตายจากไป ถึงจะรักษาตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ของข้าต่อไปได้”

ระฆังอลวนสั่นสะเทือนอีกครั้ง กลายเป็นระฆังที่ใหญ่เท่าภูเขาสูง พุ่งชนเข้าไปทางหลัวซิวอย่างโหดเหี้ยม

“หลิงเฟิง เจ้าเป็นคนรนหาที่ตายเองนะ!”

หลัวซิวตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว กระตุ้นเคล็ดวิชาพลังแปรเสวียนเทียน แสงหอกมังกรพุ่งตรงออกมา อานุภาพเพิ่มขึ้นร้อยเท่าในพริบตาเดียว

“โครม!”

อากาศที่ว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ครั้งนี้เขาเตรียมป้องกันมาตั้งแต่แรกแล้ว รีบใช้อานุภาพของระฆังอลวนลูกนี้ต้านรับไว้ ยังคงยืนอยู่กับที่อย่างสง่า

“ในเมื่อเจ้ามารนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าสมความปรารถนาเอง!”

สำหรับผู้ที่คิดจะฆ่าตัวเองนั้น หลัวซิวไม่มีทางไว้หน้าพวกเขาอยู่แล้ว แม้ฝ่ายตรงข้ามจะอยู่ในนามศิษย์พี่สำนักเดียวกันกับตนก็ตาม

เห็นเพียงเขาก้าวเท้าออกไป กระตุ้นกฎปริภูมิ ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิงเฟิงภายในพริบตาเดียว

“ตราจักรวาล!”

สีหน้าของหลิงเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย กระตุ้นพลังเทพเพื่อใช้พลังอมตะ พร้อมกับกระตุ้นตัวสำนึก หวังจะเรียกระฆังอลวนกลับมา