ราชันเร้นลับ 1394 : การเดินทางครั้งใหม่

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ณ ห้องหนึ่งภายในปราสาทที่ถูกทิ้งร้าง แสงแดดส่องผ่านช่องว่างบนผ้าม่านผืนหนา ฉาบลงบนโลงศพสีเข้ม

ทันใดนั้น ฝาโลงศพส่งเสียงอึกทึกก่อนจะเลื่อนไปด้านข้างอย่างเชื่องช้า

จากนั้นก็ตกลงพื้นพร้อมกับส่งเสียงโครม

ผ่านไปไม่กี่วินาที อะซิก·อายเกสลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าเหม่อลอย

ในคราวนี้ มันแต่งกายด้วยชุดนอนหลวมๆ ที่ได้รับความนิยมในโลเอ็นเมื่อสองสามปีก่อน คล้ายกับชนชั้นสูงที่ตื่นขึ้นในคฤหาสน์ของตัวเอง

ผ่านไปสักพัก อะซิกหรี่ตาลงเล็กน้อย มองไปรอบๆ ด้วยสายตาสับสนโดยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร

ถัดมา มันเห็นแสงแดดที่ส่องผ่านช่องว่างผ้าม่าน เห็นฝุ่นลอยอยู่กลางแสงแดด และเห็นจดหมายจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ตามโต๊ะ บนพื้น และบนฝาโลงศพ

พวกมันเป็นราวกับกองหิมะยักษ์ ปกคลุมเนื้อที่กว่าครึ่งของห้อง

อะซิกลุกออกจากโลงศพ โน้มตัวลงด้วยความสงสัย หยิบกระดาษจดหมายขึ้นมาอ่าน

ขณะอ่าน สีหน้าเหม่อลอยของมันเริ่มเลือนหาย ราวกับจดจำอดีตได้เป็นจำนวนมาก

อะซิกรีบห้าเก้าอี้มานั่งและบันดาลให้จดหมายทั้งหมดลอยมากองอยู่ด้านหน้า

มันเปิดจดหมายอ่านทีละฉบับ แผ่นแล้วแผ่นเล่า บ้างชะงักงันกลางคัน บ้างแน่นิ่งเป็นเวลานานคล้ายกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่งอย่างจริงจัง

แสงแดดที่ส่องลอดช่องว่างผ้าม่านค่อยๆ จางลง และผ่านไปเป็นเวลานาน มันสว่างขึ้นอีกครั้ง

ในคราวนี้ อะซิกอ่านจดหมายทุกฉบับครบถ้วน ตามด้วยการครุ่นคิดในท่าคล้าย ‘เข้าฌาน’ เป็นเวลานาน

มันจ้องไปยังกองจดหมายที่ถูกวางเรียงบนโต๊ะ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเชื่องช้า

จากนั้น มันควานหาเครื่องเขียนจนพบปากกาและหมึกที่ยังใช้การได้ ตามด้วยลงมือเขียนอย่างนุ่มนวล:

“…ผมตื่นขึ้นมาและพบกับจดหมายทุกฉบับของคุณ ซึ่งช่วยให้ผมทราบว่าตัวเองคือใคร คุณเป็นใคร และเหตุการณ์ในอดีตมากมาย”

“ประสบการณ์ของคุณ ไม่ว่ามันจะซับซ้อน อัศจรรย์ หรืออยู่นอกเหนือจินตนาการของผมเพียงใด แต่มันก็ช่วยให้ผมเข้าใจคำถามบางอย่าง”

“จากจดหมายเหล่านี้ ผมสัมผัสถึงความสุขจากคุณ รวมถึงความเหน็ดเหนื่อย ความหวัง และภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่คุณแบกไว้บนบ่า”

“ผมทำได้เพียงคาดเดาอย่างคลุมเครือถึงเหตุผลที่คุณเลือกวิธีดังกล่าว หากเปลี่ยนเป็นผมคงไม่ตัดสินใจแบบนั้น”

“คุณมีจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์มาตั้งแต่ต้น ค่อยๆ เปลี่ยนจากการเลียนแบบผู้อื่น มาเป็นผู้ที่ทุกคนต้องเลียนแบบ”

“ถัดไป ผมจะเริ่มออกเดินทางเพื่อค้นหาอดีตและเป็นสักขีพยานในการเปลี่ยนแปลงของโลก”

“ดูเหมือนว่าคุณจะยังหลับอยู่ แต่ไม่ต้องกังวล ผมจะเขียนจดหมายเล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจ ขนมธรรมเนียมที่น่าสนใจ และผู้คนที่น่าสนใจให้คุณ”

“ผมคิดว่าผมสามารถส่งจดหมายเหล่านี้ถึงคุณผ่านพิธีกรรมสังเวย…”

ปลายปากกาสีทองกำลังส่องสะท้อนกับแสงแดด ส่งเสียงขีดเขียนไปบนกระดาษสีขาว ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งกลายเป็นเนื้อความยาว

กรุงเบ็คลันด์ ณ ห้องอาบแดดของบ้านแถวหลังหนึ่ง

เมลิสซ่าเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กผู้หญิงที่อายุไม่ถึงสิบขวบ

“คุณอา พามาที่นี่ทำไมหรือคะ?” เด็กหญิงถามด้วยความสงสัย “พิธีกรรมเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับทั้งหมดหนูเคยฟัง ล้วนจัดขึ้นที่ห้องใต้ดิน”

เมลิสซ่าที่สวมแว่นและรัดผม เผยรอยยิ้ม:

“พวกนั้นคือพิธีกรรมนอกรีต”

หญิงสาวชี้ไปยังแท่นบูชาและเทียนไขที่ถูกจัดเตรียมไว้ด้านหน้าพลางกล่าว

“เธอเริ่มได้เลย”

“จริงหรือคะ?” เด็กสาวมองไปด้านข้างที่แสงแดดส่องเข้ามา “ต้องปิดม่านไหมคะ?”

“ไม่จำเป็น” หลังจากเมลิสซ่าตอบ เธอยิ้มพลางจ้องมองเด็กสาวที่พยายามเลียนแบบพิธีกรรมอย่างเก้ๆ กังๆ

ระหว่างนั้น เธอคอยมอบคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ลงมือช่วยด้วยตัวเอง จนในที่สุดเด็กสาวก็เตรียมพิธีกรรมเสร็จ

“เอาล่ะ พูดตามอา” เมลิสซ่าสูดลมหายใจลึก สีหน้าค่อยๆ สงบลง

“อื้ม” เด็กหญิงเองก็พยายามเคร่งขรึม

เมลิสซ่าจ้องแสงเทียนบนแท่นบูชาสักพัก ก่อนจะกล่าวเชื่องช้า เปล่งเสียงดังเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ:

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย…”

“ดะ ฟุล จัก ตัง ยุก สะมัย…” เด็กหญิงไม่เคยเรียนเฮอร์มิสโบราณมาก่อน แม้จะพยายามเลียนแบบอา แต่ก็ไม่ทราบความหมายของสิ่งที่พูด

“ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกสีเทา…” เมลิสซ่ากล่าวต่อ

“ผุ ปก คอง ลึก ลับ เนือ หวง สาย มอก สี เทา…” เด็กหญิงพูดตามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ…” เมลิสซ่าท่องจบ แสงเทียนไขพลันขยายขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ก่อนที่เด็กสาวจะได้ท่องตาม

ใจกลางกลุ่มก้อนแสงสว่าง ภาพมายาของหนวดรยางค์มันลื่นแฝงลวดลายชั่วร้ายเจือจาง ที่คนธรรมดายากจะเห็นด้วยตาเปล่า บรรจงเหยียดยาวออกมาด้วยท่าทีเชื่องช้า

เด็กหญิงหวาดผวาทันที รีบวิ่งไปหลบหลังอาของเธอ

เมลิสซ่าเม้มปากพลางกล่าวด้วยสีหน้าอ่อนโยน

“ไม่ต้องกลัว เข้าไปทักทายสิ”

เด็กสาวค่อยๆ โผล่หัวออกจากด้านหลังอา และได้เห็นหนวดรยางค์มันลื่นอันน่าสะพรึง กำลังโยกเอนแผ่วเบาท่ามกลางแสงแดดที่ส่องจากนอกหน้าต่าง ดูคล้ายกับกำลังปัดฝุ่นละอองในแสงแดด ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนกำลังโบกมือให้เธอ

“เข้าไปสิ ไม่ต้องกลัว” เมลิสซ่าพูดซ้ำ

ท้ายที่สุด เด็กสาวรวบรวมความกล้าหาญและเดินไปยืนหน้าแท่นบูชา

เธอพึมพำคาถาบางชนิดที่คิดค้นขึ้นเอง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มจริงใจพร้อมกับยกฝ่ามือขึ้น

หนวดรยางค์มันลื่นที่มีลวดลายลึกลับชะงักกลางอากาศสักพัก ประหนึ่งออกท่าทีลังเลและไม่คุ้นชิน

ถัดมา หนวดยกขึ้นอย่างอ่อนโยน ส่วนปลายบรรจงโค้งลงเล็กน้อย

ท่ามกลางแสงแดด หนวดรยางค์สัมผัสกับฝ่ามือเล็กๆ แผ่วเบา

(จบภาค)

……………………………………………………