ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 989 ข้ามาที่นี่แล้ว ที่นี่จึงเป็นถิ่นของข้า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

พวกเผิงเฮ่อและชิงซู่จื่อไม่ค่อยทราบถึงภูมิประเทศบริเวณเขารอบวงมากนัก ส่วนใหญ่เพียงแค่เคยได้ยินมา

จางซู่เหรินกลับต่างออกไป เพราะก่อนหน้านี้เฝ้าอยู่ที่นี้มาโดยตลอด รวมถึงวางค่ายกลหงส์เพลิงเกาะต้นจักรพรรดิไว้ด้วย

เนื่องด้วยอาศัยภูมิประเทศและปราณวิญญาณวางค่ายกล จางซู่เหรินย่อมทราบถึงการไหลเวียนของปราณวิญญาณในชีพจรดินของที่นี่

ก่อนหน้านี้การไหลเวียนของปราณวิญญาณบริเวณแม่น้ำเฉาเหอคล้ายมีการเปลี่ยนแปลง ดึงดูดความสนใจของเขา

แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงในตอนนั้นค่อนข้างบางเบา จางซู่เหรินถึงแม้ว่าจะมองไม่ออก แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใหญ่อะไรต่อบริเวณเขารอบวง

ทว่าในตอนนี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเส้นสายปราณวิญญาณของแม่น้ำเฉาเหอที่อยู่ไกลออกไป กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

พอได้รับผลกระทบเช่นนี้ การไหลเวียนของปราณวิญญาณในชีพจรดินของเขารอบวงทั้งลูกก็เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ตามไปด้วย!

ค่ายกลหงส์เพลิงเกาะต้นจักรพรรดิที่เขาวางไว้ ตอนนี้ถึงขั้นกำลังสั่นไหวอย่างเลือนราง

ไม่มีคนทำลาย แต่ค่ายกลกลับถูกสั่นไหว

ในเวลาส่วนใหญ่แล้ว สถานการณ์เช่นนี้ไม่อาจจินตนาการได้

จางซู่เหรินเพ่งตามองไปยังแม่น้ำเฉาเหอที่อยู่ไกลออกไป กลับเห็นน้ำสีเหลืองเข้มพวยพุ่งขึ้น คลื่นสูงเทียมฟ้าอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

“น้ำจากแม่น้ำเฉาเหอที่แล้วมากระจ่างใส ไฉนจึงได้ขุ่นเช่นนี้” จางซู่เหรินรู้สึกหวั่นวิตก

ชิงซู่จื่อ เผิงเฮ่อ นักพรตเชียนหลาน และหยวนเสี่ยนเฉิงได้รับการแจ้งเตือนจากเขา จึงมองไปยังแม่น้ำใหญ่บ้าง

แม่น้ำเฉาเหอไม่ใช่แม่น้ำของเขารอบวง แต่ว่าเป็นสายน้ำขนาดยักษ์ที่ตัดผ่านเขตมหานภากลางและเขตเพลิงทักษิณ กว้างใหญ่ดุจทะเล เหมือนกับแม่น้ำใหญ่ มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งโลกซ้อนโลก

ในตอนนี้หลังจากเห็นลักษณะของคลื่นที่สูงเทียมฟ้านั้นแล้ว ทุกคนต่างก็สังเกตเห็นความไม่ถูกต้องได้ในทันที

“แม้นจะบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอนั่นมีพลังเกินคน แต่ไม่มีทางทำให้แม่น้ำเฉาเหอเกิดการเปลี่ยนแปลงได้กระมัง” เผิงเฮ่อลังเลเล็กน้อย

จางซู่เหรินว่า “ข้าไม่รู้สาเหตุ แต่ว่าน่าจะเป็นฝีมือของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนที่เขาเพิ่งจากไปไม่นาน ข้าก็รู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณของแม่น้ำเฉาเหอไม่ถูกต้อง เพียงแต่ในตอนนั้นมันน้อยนิดจนเกินไป เพื่อรักษาพรมแดนเขารอบวงไม่ให้พวกคนฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ และรอพวกท่านมาถึงก่อน ข้าจึงไม่ได้สนใจ”

“แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เกรงว่าจะไม่ธรรมดาจริงๆ!”

เผิงเฮ่อได้ยินก็ไม่ถามมากความ กล่าวตรงๆ ว่า “ขอให้ศิษย์พี่จางรักษาที่นี่ต่อ ข้ากับสหายร่วมเส้นทางจากยอดเขาอนัตตาสองท่านจะไปตรวจสอบดูสักรอบ”

แต่ว่าไม่รอเขาเคลื่อนไหว ประกายอุทกสีเหลืองเข้มที่อยู่ห่างออกไปถึงกับพุ่งมาทางพวกเขาก่อนก้าวหนึ่ง!

ความแปรปรวนของปราณวิญญาณของที่นี่ยิ่งมายิ่งสับสน สภาพปั่นป่วนเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วสูงสุด!

เพียงแค่พูดคุยกัน สภาวะน้ำนั้นก็ยิ่งใหญ่กว่าเดิม บรรลุถึงด้านหน้าทุกคนแล้ว

จางซู่เหรินสีหน้าแปรเปลี่ยน “แม้จะสร้างทำนบสั่งสมน้ำได้ แต่เขาขวางแม่น้ำเฉาเหอที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร ต่อให้ทำสำเร็จ ก็มีเวลาไม่มากพอที่จะทำให้มันท่วมมาถึงที่นี่ได้”

“ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของปราณวิญญาณยิ่งมายิ่งเพิ่ม นี่…ไม่ใช่พลังส่วนตัวของเยี่ยนจ้าวเกอนั่น กลับเป็นการผลักดันค่ายกลต่างหาก!”

เขาไม่กล้าลังเล กระตุ้นค่ายกลหงส์เพลิงเกาะต้นจักรพรรดิ ประกายเพลิงหลายชั้นสว่างขึ้น ต้านทานกระแสน้ำที่มีสภาวะสูงเทียมฟ้า กระจายไปทั่วบริเวณ

ทว่าเป็นเพราะผลกระทบจากภูมิประเทศ ค่ายกลหงส์เพลิงเกาะต้นจักรพรรดิเดิมทีไม่ค่อยแข็งแรงอยู่กแล้ว ยามนี้ถูกกระแสน้ำพัดโถมใส่ ก็พลันโงนเงนสั่นไหว

ทะเลเพลิงที่แผ่พุ่งออกมาในตอนนี้เหมือนกับเทียนไขกลางพายุ

พวกเผิงเฮ่อรีบร้อนลงมือ คิดช่วยเหลือจางซู่เหรินเสริมความมั่นคงให้แก่ค่ายกล

ทว่าเพิ่งกระทบถูก ทุกคนก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย

สถานการณ์ของยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้ายังดีอยู่

คนอื่นๆ ต่างรู้สึกวิงเวียนศีรษะ

แม้แต่นักพรตเชียนหลานกับหยวนเสี่ยนเฉิงที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ร่างถึงขั้นส่ายโซเซ

‘แย่แล้ว! หรือว่า…’ ชิงซู่จื่อสายตากลายเป็นคมกริบ

เขาพยายามลอยตัวขึ้นไปด้านบน เห็นบนท้องฟ้าเหนือน้ำสีเหลืองเข้มที่กดดันเข้ามาด้วยความเร็วสูง ถึงกับปรากฏลมโรคาหลายระลอก!

ลมส่งเสียหวีดหวิว ไม่ทันไรก็มีหมอกสีดำแผ่พุ่งออกมา

ก่อนหน้านี้แสงอาทิตย์ยังสาดสูง แต่ยามนี้กลับถูกหมอกสีดำบดบัง ไม่เห็นฟ้าเห็นตะวัน

หากเป็นแค่น้ำสีเหลืองเข้มยังพอว่า พอถูกหมอกสีดำนี้บดบัง ลมโรคาพัดมาถึง ด้วยพลังฝึกปรือของชิงซู่จื่อ ยังเกิดความรู้สึกวิงเวียน เหมือนกับดื่มสุราจนมึนเมา

เขารีบร้อนสงบจิตใจ กางแขนเสื้อออก ดูดซับหมอกสีดำและลมโรคาที่ปกคลุมตัวเองอยู่เข้าไปมากกว่าครึ่ง

ทว่าลมโรคาและหมอกสีดำที่แผ่พุ่งไปทั่วแม่น้ำสีเหลืองเข้มได้บดบังฟ้าและตะวัน ไม่เห็นปลายทาง กำลังจะพัดมาอีกครั้ง

ชิงซู่จื่อสะบัดแขนเสื้อ เคลื่อยย้ายมิติ ร่างพุ่งลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว

แม่น้ำสีเหลืองเข้มซึ่งเหมือนกับภัยพิบัติฟ้าเบื้องหลัง แทบจะกลืนกินป่าต้นจักรพรรดิจนหมดสิ้น

เรือนภาร่อนวายุยามนี้ได้ใช้ประโยชน์ของการเป็นเรืออย่างแท้จริง ลอยจมอยู่บนแม่น้ำใหญ่

เผิงเฮ่อพยายามบังคับตัวเรือ และพวกจางซู่เหรินได้มาอยู่บนเรือแล้ว

ขณะมองค่ายกลหงส์เพลิงเกาะต้นจักรพรรดิที่ถูกท่วมมิด จางซู่เหรินอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา

ตอนนี้เอง ด้านในลมโรคาและหมอกสีดำที่กระจายอยู่รอบๆ ฟ้าดิน เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอดังมาพร้อมกัน เหมือนจากทุกทิศทุกทาง

“ขออภัยต้นจักรพรรดิจางด้วย ค่ายกลหงส์เพลิงเกาะต้นจักรพรรดิของท่านไม่ธรรมดาจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพื่อเป็นการตอบแทน ท่านลองเจอค่ายกลของข้าผู้แซ่เยี่ยนดู”

ชิงซู่จื่อกลับมาถึงบนเรือนภาร่อนวายุ ฝืนต้านทานลมโรคาและหมอกดำที่มาจากสี่ทิศ

คิ้วของเขาขมวดขึ้น “เด็กน้อยผู้นี้ไฉนจึงใช้ค่ายกลอันตรายจากบุคโบราณเช่นนี้ได้ เขาไปได้รับการถ่ายทอดมาจากที่ใด”

ในตอนนี้นอกจากชิงซู่จื่อ จางซู่เหริน เผิงเฮ่อ นักพรตเชียนหลาน และหยวนเสี่ยนเฉิงที่ยังยืนอยู่ได้แล้ว จอมยุทธ์ฝั่งทิศใต้ที่เหลือล้วนโซซัดโซเซ ล้มกลิ้งอยู่บนดาดฟ้าเรือนภาร่อนวายุ!

ทุกคนเหมือนกับเมามาย ส่วนใหญ่แล้วสลบไสลไป

แม้จะมีคนที่สามารถครองสติไว้ได้อยู่น้อยนิด แต่ก็ง่วงเหงาหาวนอนอยู่บนพื้น

“ค่ายกลอันตรายยุคโบราณ”

จางซู่เหรินฝืนต้านทาน ขณะเห็นคนในสำนักวิงเวียนล้มลง และแม่น้ำสีเหลืองเข้มคดเคี้ยวเป็นเก้าโค้ง บนแม่น้ำมีลมโรคาไม่ขาดสาย หมอกสีดำปิดฟ้า ก็อดร้องเสียงหลงไม่ได้

“ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง?!”

นักพรตเชียนหลานที่อยู่ด้านข้างได้ยินวาจาของชิงซู่จื่อ ก็เหมือนนึกอันใดออก ร้องออกมาพร้อมจางซู่เหริน อดตะลึงลานจนยืนแน่นิ่งอยู่กับที่ไม่ได้

เผิงเฮ่อกับหยวนเสี่ยนเฉิงยามนี้ค่อยรู้สึกตัว ต่างก็หน้าถอดสี

แม่น้ำเหลืองเก้าโค้งแรกสุดมาจากผู้สืบทอดกระแสตรงของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ บรมครูสายเหนือพิสุทธิ์ อวิ๋นเซียว ปี้เซียว ฉยงเซียวสามเจ้าแม่ฟ้าแห่งเกาะสามเซียน

ในยุคสถาปนาเทพเจ้าซึ่งเป็นตำนานโบราณ เคยมีเหล่าเซียนที่เคยเปล่งสีสัน ไม่ทราบว่าฝากตำนานเล่าขานไว้มากเท่าไร ตายตกอยู่ท่ามกลางค่ายกลนี้

ต่อมาเป็นเพราะเจ้าแม่ฟ้าทั้งสามเข้าสู่วังเทพ ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งนี้จึงถูกถ่ายทอดเข้าสู่วังเทพ

ด้านในหอเก็บหนังสือ มีผังค่ายกลสมบูรณ์ถูกเก็บรักษาไว้

หากให้เยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนย้ายแม่น้ำเฉาเหอทั้งสายมาตั้งค่ายกล นั่นยังทำไม่ได้

แต่เขาสามารถพลิกสายน้ำของแม่น้ำเฉาเหอด้านในเขารอบวง ทำให้แม่น้ำเหลืองเก้าโค้งในตำนานปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้งได้

อานุภาพย่อมสู้ค่ายกลที่เจ้าแม่ฟ้าทั้งสามวางในตำนานสถานปนาเทพไม่ได้ ยังขาดโอสถลวงเซียน และคาถากักขังเซียน นับว่ามีดีแค่รูปร่าง

อีกทั้งยังไม่มีถังทองกำเนิดโกลาหล สามารถเก็บของล้ำค่าทั้งหมดในโลกหล้าได้

แต่ว่าคนที่เขาต้องการต่อสู้ด้วยในตอนนี้ไม่ใช่ผู้มีความสามารถในตำนานเทพนิยายเหล่านั้น

ชิงซู่จื่อกับจางซู่เหรินสบตากัน หัวเราะอย่างขื่นขม

“แม่น้ำเฉาเหอ แม่น้ำเฉาเหอ…แม่น้ำเฉาเหอ!” จางซู่เหรินเงยหน้าถอนใจยาว

เขารอบวงไม่ใช่ชัยภูมิของเขาจางซู่เหริน ไม่ใช่ของถิ่นของเขาจางซู่เหริน!

เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ขัดสมาธิอยู่เหนือแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง มองดูลูกคลื่นก่อเกิดเมฆสลายหายตรงหน้าเงียบๆ “ข้าย่อมรู้ว่าเนินต้นจักรพรรดิวางกำลังไว้ที่พรมแดนทางเขารอบวง”

“กระนั้นถ้าข้าไม่ถึงเขารอบวงยังพอว่า แต่วินาทีที่เหยียบย่างเข้าสู่เขารอบวง ที่นี่ก็กลายเป็นถิ่นของข้าแล้ว”