บทที่ 1218 เปลวไฟที่ร้อนแรง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,218 เปลวไฟที่ร้อนแรง

เมืองเยี่ยเฉิง แดนตะวันตกเฉียงเหนือ

เขตพื้นที่ระดับ 1

คฤหาสน์ตระกูลฮัน

“เด็กใบ้ผู้นั้นเข้าไปฝึกวิชาอยู่ในแดน 4 ของหุบผาอเวจี จวบจนกระทั่งถึงบัดนี้ยังไม่กลับออกมา คนของอาที่ส่งไปรับตัวเขาจึงยังไม่สามารถติดต่อเขาได้”

เมื่อฮันฉวินเสร็จงานของตนเอง เขาก็เดินทางกลับมาที่คฤหาสน์ลอยฟ้า และแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการติดต่อหลินเป่ยเฉินให้อู๋เหว่ยกับฮันลั่วเซวี่ยรับทราบ

“ท่านอาเจ้าคะ หลานได้ยินมาว่าหุบผาอเวจีเป็นดินแดนที่อันตรายมาก”

ฮันลั่วเซวี่ยมีสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย “แล้ว… จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือไม่?”

“ไม่หรอก เจ้าอย่าได้วิตกกังวลไปเลย”

ฮันฉวินยิ้มแย้มอย่างอบอุ่น “เด็กใบ้ผู้นั้นสามารถกวาดล้างสำนักหนามทมิฬได้สำเร็จ คงสามารถเอาตัวรอดในหุบผาอเวจีแดน 4 ได้อย่างไม่มีปัญหา”

ฮันลั่วเซวี่ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ฮันฉวินกล่าวต่ออีกครั้ง “จริงด้วยสิ ได้ยินมาว่าอาจารย์เหวินชื่นชมเจ้ามาก เจ้าสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน เจ้าก็กลายเป็นหนึ่งในว่าที่ลูกศิษย์ที่เก่งกาจที่สุดของเขาแล้ว บ่ายวันนี้ อาจะให้อาจารย์เหวินพาเจ้าไปทดสอบพละกำลังที่วิหารเทพเจ้า หากเจ้าสามารถผ่านการทดสอบได้สำเร็จ เจ้าก็จะได้กลายเป็นลูกศิษย์ของเขาอย่างเป็นทางการ”

“ดีเลยเจ้าค่ะ”

ฮันลั่วเซวี่ยพูดออกมาด้วยความดีใจ “ขอบคุณท่านอามากนะเจ้าคะ”

หลังจากนั้น เด็กสาวก็มีสีหน้าลังเลเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า “ท่านอาเจ้าคะ ท่านอาพอจะช่วย…”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ฮันลั่วเซวี่ยก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”

ฮันฉวินยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู “ไม่ต้องเป็นห่วง อาจะส่งคนไปเฝ้าที่สถานีขนส่งแดน 4 ตลอดเวลา เมื่อเจ้าใบ้กลับออกมา อาจะให้คนนำตัวเขามาพบเจ้าโดยเร็วที่สุด”

“ขอบคุณท่านอามากเจ้าค่ะ”

เด็กสาวโค้งตัวอย่างสำนึกบุญคุณ

อู๋เหว่ยมองบุตรสาวด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลงมากแล้ว

สามีของนางถูกวางยาพิษเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เมื่อตนเองกลายเป็นม่าย บุตรสาวก็กลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อ แต่ท่ามกลางชีวิตที่กำลังหมดหวังนั้น เจ้าหนุ่มใบ้และน้องชายสามีของนางกลับปรากฏตัวขึ้น กลายเป็นแสงสว่างนำพาชีวิตออกจากความมืดมิดในที่สุด

อย่างน้อย ชีวิตของบุตรสาวนางนับจากนี้ก็เต็มไปด้วยความหวัง

ในฐานะมารดาผู้หนึ่ง อู๋เหว่ยย่อมโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง

หลินเป่ยเฉินยกแขนขึ้นไขว้กันระดับหน้าอก เพื่อป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม

ฟู่! ฟู่!

คมขวานถูกจามเข้าใส่แขนของเขา

ของเหลวสีแดงสดสาดกระจายหยดลงพื้นดิน

ในเวลาเดียวกันนี้…

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เสียงลูกธนูพุ่งแหวกอากาศ

มือธนูนักล่าอสูรยิงลูกศรใส่กลางหว่างคิ้ว หัวใจและหัวเข่าของเขา

ปรากฏของเหลวสีแดงสดฉีดพุ่งออกมาเช่นกัน

เมื่อเห็นดังนั้น แววตาของเด็กสาวผมทองก็เป็นประกายระยิบระยับด้วยความสะใจ

อ่อนแอเหลือเกิน

ทว่า…

ทันใดนั้น นางก็คิดสงสัย

สำหรับบุคคลที่มีฝีมืออ่อนแอเช่นนี้จะสามารถฆ่าอสูรกิ้งก่าไฟได้อย่างไร?

ไม่กี่ลมหายใจต่อมา เด็กสาวผมทองก็ได้รับทราบคำตอบ

หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ลดมือของตนเองลง

ส่วนขวานของฝ่ายตรงข้ามหล่นลงกระทบพื้นดิน

คมขวานในขณะนี้บิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่าง เพราะมันถูกหลอมละลายจนไม่เป็นขวานอีกต่อไป

“นี่มัน…”

สีหน้าของเด็กสาวผมทองแปรเปลี่ยนไป

จังหวะนั้น ลูกธนูอาบยาพิษทั้งสี่ดอกที่ถูกยิงใส่หว่างคิ้ว หัวใจและสองขาของหลินเป่ยเฉินก็หลอมละลายกลายเป็นของเหลวเหนียวหนืดยืดหยดลงบนพื้นดินเช่นกัน

ต้องเป็นอุณหภูมิสูงมากเพียงใดจึงจะสามารถหลอมละลายอาวุธวิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาจากตระกูลเทวะขั้นสูงเช่นนี้ได้?

ความสงสัยและความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในหัวใจของเด็กสาวผมทองทันที

“ฆ่ามันให้ได้”

นางออกคำสั่งอย่างร้อนรน “อย่าหยุดมือ ทุ่มเทแรงกายทั้งหมดที่พวกเจ้ามีออกไปซะ”

ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะทั้งห้าคน กระจายตัวล้อมรอบหลินเป่ยเฉินและก่อตั้งค่ายกลพร้อมกับควงกระบี่ด้วยความดุดัน หมายจะสังหารเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ให้ได้

“ฮ่า ๆๆ…”

หลังจากรับรู้แล้วว่าการบรรลุขั้นพลังอัคคีเทวะทำให้ตนมีพลังป้องกันตัวในระดับสุดยอด หลินเป่ยเฉินก็เงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชั่วร้าย

“คราวนี้ได้เวลาที่ข้าจะโจมตีบ้างล่ะ”

เมื่อสักครู่ เขาเพียงต้องการทดสอบความแข็งแกร่งในการป้องกันของตนเอง

บัดนี้ ถึงเวลาทดสอบความแข็งแกร่งในการโจมตีบ้างแล้ว

เด็กหนุ่มต่อยหมัดออกไปข้างหน้า

กำปั้นของเขาปะทะเข้ากับคมกระบี่ของอีกฝ่ายที่ฟันเข้ามา

ฟู่!

ของเหลวสีแดงสดสาดกระจายลงไปบนพื้นดิน

ปรากฏว่ากำปั้นของหลินเป่ยเฉินมีความร้อนระอุมากพอที่จะหลอมละลายกระบี่ในมือชายฉกรรจ์ได้ในพริบตาเดียว

ชายฉกรรจ์ผู้นั้นตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

แต่ก็ถอยหนีไม่ทันแล้ว

กำปั้นของหลินเป่ยเฉินกระแทกเข้าใส่หน้าอกของเขา

ลวดลายอักขระบนชุดเกราะทำงาน ม่านพลังที่สมควรเป็นเกราะกำบังถูกปลดปล่อยออกมา แต่แล้วในวินาทีนั้น หมัดของหลินเป่ยเฉินกลับสามารถทะลวงผ่านม่านพลังเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

ชุดเกราะบริเวณหน้าอกของชายฉกรรจ์ผู้นั้นละลายกลายเป็นรูปกำปั้น

ชายฉกรรจ์ยืนตัวแข็งทื่อ ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ

และนี่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มีชายฉกรรจ์อีกสองคนโถมตัวเข้ามาจากทั้งสองข้าง

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม ยกเท้าขึ้นตวัดฟาดใส่ไม่ต่างจากฟันกระบี่

เปลวไฟอันร้อนแรงสาดประกายวูบ

“อ๊าก…”

“ช่วยข้าด้วย… อ๊ากกกก”

ชายฉกรรจ์ทั้งสองคนนั้นส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนที่ตัวคนจะลอยกระเด็นกลับออกไป

และระหว่างที่ลอยกระเด็นอยู่ในอากาศนั้น สิ่งที่น่าสยองขวัญก็บังเกิดขึ้น

ร่างกายของพวกเขาไม่ต่างจากห่อกระดาษติดไฟ ชุดเกราะที่สวมใส่หลอมละลายร่วงหล่น ตัวคนถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ร่างกายก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านปลิวหายไปในอากาศ

ขณะนี้ บรรดามนุษย์วัวกระทิงกำลังส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก

ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะคนแรกก้มลงมองรอยกำปั้นบนหน้าอกของตนเอง เขายกมือขึ้นมาสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้น เปลวไฟก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกาย และตัวเขาเองก็หลอมละลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปเช่นกัน…

เพียงพริบตาเดียว ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะที่มีด้วยกันห้าคนก็เสียชีวิตไปแล้วถึงสามคน

ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะเทวะที่เหลืออยู่อีกสองคนเบิกตาโตด้วยความตื่นตระหนก แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ล่าถอย

หลินเป่ยเฉินก้มมองมือและเท้าของตนเอง

นี่หรือคือความน่ากลัวของพลังอัคคีเทวะ?

เด็กหนุ่มรู้สึกว่าทั่วทั้งตัวล้วนปกคลุมด้วยเปลวไฟอันร้อนแรง การโจมตีด้วยอาวุธของอีกฝ่ายไม่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาได้เลย อย่าว่าแต่จะทำให้ผิวหนังเกิดรอยขีดข่วน กระบี่และคมขวานเหล่านั้นเมื่อสัมผัสผิวหนังของเขา พวกมันก็ละลายหลอมเหลวไปทันที…

และหากเขาต้องการ หลินเป่ยเฉินก็สามารถสาดเหล็กหลอมเหลวนั้นกลับไปใส่ศีรษะ ดวงตาหรือใบหน้าของคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย

นี่คือการป้องกันตัวที่ดียิ่งกว่าการสวมใส่ชุดเกราะเสียอีก

ในเวลาเดียวกันนี้ มือและเท้าของเขาก็ยังเปี่ยมล้นไปด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์

สำหรับการต่อสู้ ตราบใดที่เปลวไฟจากร่างของเขาเผาไหม้ร่างของฝ่ายตรงข้าม คู่ต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินก็จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา

เรียกว่าแทบไม่ต้องเสียเวลาจัดทำพิธีศพเลยด้วยซ้ำ เพราะหลินเป่ยเฉินจัดการฌาปนกิจให้เสร็จสรรพ!