บทที่ 1219 เปล่าประโยชน์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,219 เปล่าประโยชน์

ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะมีขั้นพลังต่ำกว่าหรือมีขั้นพลังเท่ากันก็ตาม ก็ไม่มีผู้ใดจะสามารถต้านทานอานุภาพของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้เลย

หรือต่อให้เป็นคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังเหนือกว่าเขา ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถต้านทานการโจมตีจากพลังอัคคีเทวะได้สำเร็จ

บัดนี้

ในดวงตาของเด็กสาวผมทองเต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง

“เจ้ากล้าฆ่าคนของข้าหรือ?”

นางจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาดุดัน “งั้นเจ้าก็ต้องตาย ไม่มีใครในเมืองเยี่ยเฉิงจะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้อีก… ฆ่ามันซะ”

เด็กสาวโบกมือวูบ

นักเวททั้งสองคนที่ยืนขนาบข้างกายนางหยุดร่ายคาถา

หลินเป่ยเฉินรอคอยเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

นักเวททั้งสองคนนี้ต้องใช้เวลารวบรวมพลังนานทีเดียว

พวกเขาจะเอาอะไรออกมาโจมตีนะ?

“กรร!”

ทันใดนั้น บังเกิดเสียงคล้ายมังกรคำรามดังออกมาจากความว่างเปล่า

แล้วเปลวไฟสีแดงก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของนักเวททั้งสองคนนั้น ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ร่างของชายฉกรรจ์ในชุดเกราะที่เหลืออยู่อีกสองคน

ลวดลายอักขระอาคมบนชุดเกราะถูกเปิดใช้งาน

พลังเสริมส่วนพิเศษไหลรินเข้าสู่ร่างกายชายฉกรรจ์

วูบ! วูบ! วูบ!

ร่างกายที่เหมือนยักษ์ปักหลั่นของชายฉกรรจ์ทั้งสองพลันขยายขนาดสูงขึ้นจนแทบจะเทียบเท่ากับตึกสามชั้น ชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่กลายเป็นเปลวไฟลุกโชน และกระบี่ที่อยู่ในมือก็ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟเช่นกัน

ภายในถ้ำใต้ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยความร้อนระอุ

อุณหภูมิร้อนสูงทำให้กองกระดูกบางส่วนที่ทับถมกันอยู่ในถ้ำใต้ดินอันเป็นรังของอสูรกิ้งก่าไฟเกิดการลุกไหม้ขึ้นมา

หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ว่าเปลวไฟเหล่านี้ก็คือเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

คลื่นความร้อนแผ่ออกมาจากร่างของสองชายฉกรรจ์อย่างน่าหวาดกลัว

“อย่าบอกนะว่านี่คือวิชาเวทมนตร์?”

“ดูเหมือนถ้าเราได้ฝึกวิชาเวทมนตร์บ้าง มันก็น่าจะดีเหมือนกันแฮะ”

หลินเป่ยเฉินมีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

ได้เวลาบู๊ล้างผลาญ

เขาวิ่งเข้าใส่เปลวไฟของฝ่ายตรงข้าม

หลินเป่ยเฉินอยากจะลองใช้วิชากระบี่ผนึกเข้ากับพลังอัคคีเทวะ

เขาระเบิดเปลวไฟด้วยพลังจิต

ในมือปรากฏกระบี่เพลิงโลกันตร์

กระบี่ธาตุไฟเล่มนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหลินเป่ยเฉินอย่างสมบูรณ์

หลินเป่ยเฉินควงกระบี่อย่างคล่องแคล่ว

คลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่ปกคลุมรอบทิศทาง

ตู้ม! ตู้ม!

เกิดการระเบิดขึ้นสองครั้งในอากาศ

แล้วร่างขนาดมหึมาของชายฉกรรจ์ทั้งสองคนก็ระเบิดกระจายราวกับฟองสบู่แตก หลงเหลือแต่เพียงควันไฟลอยฟุ้งในอากาศที่กำลังจางลงเรื่อย ๆ เท่านั้น

แม้แต่เศษเนื้อเศษกระดูกหรือเลือดก็ไม่มีอีกแล้ว

ชุดเกราะเทวะของพวกเขาร่วงกราวลงสู่พื้นดินเป็นเศษเล็กเศษน้อย

หลินเป่ยเฉินรั้งกระบี่กลับคืนมาและยืนนิ่ง

เฝ้าดูผลลัพธ์การโจมตีของตนเอง

สมบูรณ์แบบ

ยิ่งเขาควบคุมพลังอัคคีเทวะได้มากเท่าไหร่ การโจมตีก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินพอใจเป็นอย่างยิ่ง

เด็กสาวผมทองทั้งประหลาดใจและโกรธแค้น

“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงฆ่าคนของข้า”

นางจ้องมองหลินเป่ยเฉินไม่วางตา “เจ้าอย่าได้คิดว่าตนเองจะสามารถรังแกผู้อื่นได้ตลอดไป ข้าจะจดจำทุกกระบวนท่าของเจ้าเอาไว้ ข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่… พวกเรากลับ”

ระหว่างที่พูด เด็กสาวก็เริ่มเดินถอยหลังไปอย่างช้า ๆ

เดี๋ยวก่อนนะ?

หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าพฤติกรรมของบุคคลสมองเสื่อมเป็นเช่นไร

แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวผมทองผู้นี้ก็จะเป็นบุคคลสมองเสื่อมด้วยเช่นกัน

นางตั้งใจส่งลูกสมุนออกมาฆ่าเขาเองแท้ ๆ แล้วคิดจะกลับไปง่าย ๆ เนี่ยนะ?

“กำจัดศัตรูต้องถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นภัยคุกคามในวันข้างหน้าได้อีก”

หลินเป่ยเฉินกระโจนเข้าไปหาเด็กสาวผมทอง “คิดจะหนีหลังจากพยายามสังหารข้าหรือ? ฝันไปเถอะ”

“เจ้าพวกทาสรับใช้ เหตุไฉนถึงยังไม่รีบมาคุ้มครองคุณหนูอีก?”

หนึ่งในนักเวทร้องตะโกน

ในจำนวนมนุษย์วัวกระทิงหกตัว มีสี่ตัวที่โยนห่อของสัมภาระบนแผ่นหลังฝากไว้กับสหายของตนเอง ก่อนที่พวกมันจะระเบิดเสียงคำรามและวิ่งเข้าใส่หลินเป่ยเฉินในลักษณะที่กล้ามเนื้อปูดโปน อักขระบนร่างกายเป็นประกายระยิบระยับ…

เมื่อพวกมันระเบิดเสียงคำราม มวลอากาศก็ปั่นป่วน ข่มขวัญผู้คนได้อย่างน่าหวาดกลัว

เอาแล้วไง

พวกมนุษย์วัวกระทิงนี่แหละที่หลินเป่ยเฉินเกลียดมากที่สุด

หลินเป่ยเฉินฟันกระบี่ออกไป

กระบวนท่ากระบี่ที่แปด

คมกระบี่สาดประกาย

นี่คือกระบวนท่าที่โทรศัพท์มือถือของเขาวิเคราะห์ออกมาเอง และไม่ได้มาจากคัมภีร์ฉบับดั้งเดิม แต่มันมีความเหมาะสมสำหรับการต่อสู้ในขณะนี้มากที่สุด

วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!

รังสีกระบี่พุ่งแยกออกไปเป็นสี่สาย

แล้วมนุษย์วัวกระทิงเหล่านั้นก็กลายเป็นหมอกควันสลายหายไปในอากาศ

เด็กสาวผมทองอาศัยจังหวะนี้รีบวิ่งหนีไปทางปากถ้ำพร้อมด้วยนักเวททั้งสองคน

“จะหนีไปไหน”

หลินเป่ยเฉินฟันกระบี่ตามไป “ตายซะเถอะ”

กระบวนท่ากระบี่ที่หก

เงากระบี่แผ่ปกคลุมกำลังจะเข้าถึงตัวเด็กสาวผมทองและนักเวททั้งสองคนนั้น

และร่างของหลินเป่ยเฉินก็ทิ้งตัวลงมายืนดักหน้าพวกนางเอาไว้

เคร้ง!

กระบี่เพลิงโลกันตร์สะท้านสะเทือน

ม่านพลังสีทองคำพลันปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า

ม่านพลังทองคำนี้มีความพิเศษเฉพาะตัว พวกมันมีลักษณะเหมือนเถาวัลย์ที่ถักทอรวมกันเป็นกำแพงหนา นอกจากสามารถต้านทานคมกระบี่ในมือหลินเป่ยเฉินได้แล้ว ยังสามารถสร้างแรงดีดสะท้อนกลับมาได้อีกด้วย…

เปรี้ยง!

เป็นแรงดีดสะท้อนที่รุนแรงยิ่ง

หลินเป่ยเฉินถึงกับเซถอยหลังกลับมาสามก้าว

“ฟู่…”

หนึ่งในนักเวทมีโลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก กระดูกเกือบแตกหักตลอดร่าง เสียงพูดแผ่วเบา “พวกเจ้าพาคุณหนูหลบหนีไป เจ้าคนผู้นี้มีความแข็งแกร่งมากเกินไป ม่านพลังพฤกษาของข้าสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น…”

กล่าวจบ

ม่านพลังทองคำที่กางกั้นอยู่เบื้องหน้าก็ค่อย ๆ ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปต่อหน้าต่อตา…

มันไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของหลินเป่ยเฉินได้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมันสามารถทำได้เพียงชะลอการโจมตีลงเท่านั้น

กระดูกภายในร่างกายนักเวทผู้นี้เกือบแตกละเอียด กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แล้วร่างกายก็มีเปลวไฟลุกโชน ตัวคนกลายร่างเป็นมนุษย์ไฟ เขาลุกขึ้นยืนและวิ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน…

อ้าวเฮ้ย?

หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยง

เห็นได้ชัดว่านี่คือวิชาเดียวกับที่นักเวทถ่ายทอดให้แก่ชายฉกรรจ์ชุดเกราะเทวะก่อนหน้านี้

หลินเป่ยเฉินไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บถึงขั้นนี้ ยังจะมีพลังสามารถต่อสู้ได้อีก?

วูบ!

นักเวทมนุษย์ไฟยกมือขึ้นและกระแทกฝ่ามือออกมา

ปรากฏเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นดินบริเวณที่หลินเป่ยเฉินยืนอยู่

“เปล่าประโยชน์”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะ

เขาบรรลุขั้นพลังอัคคีเทวะแล้ว นั่นหมายความว่าไม่มีเปลวไฟใดจะสามารถทำอันตรายเขาได้อีก

หลินเป่ยเฉินยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟของฝ่ายตรงข้าม แม้แต่ผมสักเส้นก็ไม่ถูกเผา

เสื้อผ้าของเขายังอยู่ครบถ้วนดี

แต่นักเวทมนุษย์ไฟกลับลงมือด้วยความรวดเร็ว เพียงหมุนวนฝ่ามือไม่กี่ครั้ง ลูกไฟขนาดเท่ากับลูกบาสเกตบอลก็ถูกยิงใส่ใบหน้าของหลินเป่ยเฉิน

“ก็บอกว่าเปล่าประโยชน์ไงล่ะ… ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง?”

หลินเป่ยเฉินพูดมาได้ถึงตรงนี้ เขาก็ถูกลูกไฟกระแทกเข้าใส่ศีรษะจนมึนงง ร่างกายแข็งค้าง คล้ายกับกำลังถูกอะไรบางอย่างพันธนาการไม่ให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

นี่คือพลังชนิดใดกัน?

หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบ

แต่เพียงลมหายใจต่อมา อาการมึนงงและอาการตัวแข็งก็หายไป

ควับ!

เขาตวัดกระบี่เพลิงโลกันตร์ใส่ร่างของมนุษย์ไฟ

คมกระบี่เหมือนฟันใส่อากาศธาตุ

แต่นักเวทมนุษย์ไฟกลับล้มลงไปบนพื้นดิน ก่อนที่ร่างกายจะเผาไหม้ หลงเหลือเป็นกองขี้เถ้ารูปทรงมนุษย์เท่านั้น

ตายไปอีกหนึ่ง!!