ฉากตรงหน้าดูธรรมดาเสียจนบาร์ตันไม่พบความผิดปรกติใด
แม้มันจะสัมผัสถึงความคุ้นเคยเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดมาก
สิ่งที่เคยเห็นอยู่ทุกวัน จะไม่ให้คุ้นเคยได้อย่างไร?
มันแหงนหน้ามองท้องฟ้าพลางกลอกตาไปเรื่อยๆ เห็นพระจันทร์สีแดงลอยอยู่อย่างเงียบงัน ส่องแสงสว่างสดใส ทำให้จิตใจของผู้คนรู้สึกสงบนิ่งโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น คล้ายกับบาร์ตันวางภาระที่มองไม่เห็นลงจากบ่า ร่างกายและจิตใจเกิดความผ่อนคลายสุดขีด ปราศจากความหวั่นวิตก ความกังวล และอาการหุนหันพลันแล่น
สัมผัสวิญญาณของมันกำลังบอกว่า เรื่องราวของแฟร์นันจบลงแล้วและจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของตนอีก
“ขอบคุณพระองค์สำหรับการอวยพร” บาร์ตันรีบยกกำปั้นขวามาวางบนอกซ้ายพร้อมกับพึมพำ
เมื่อปราศจากความกังวลและความเครียด ความรู้สึกเดียวที่หลงเหลือคืออาการอ่อนเพลีย ราวกับพวกมันพรั่งพรูออกจากส่วนลึกสุดของดวงวิญญาณ ท่วมท้นหัวสมอง แขนขา และเซลล์ทั่วร่างกาย
บาร์ตันอดไม่ได้ที่จะปิดปากหาว แต่ใบหน้าค่อนข้างพึงพอใจ
มันไม่แช่อยู่ในห้องหนังสือต่อ รีบหันหลังกลับและเดินออกจากที่นี่ กลับไปยังห้องนอน อาบน้ำและดื่มไวน์แดงแก้วเล็กอย่างมีความสุข
ในคืนดังกล่าว บาร์ตันไม่ได้ฝันถึงสิ่งใด เพียงหลับสบายอย่างสงบสุข
เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า จิตใจของมันกระปรี้กระเปร่าเหนือคำบรรยาย ความปีติยินดีกำลังล้นเอ่อประหนึ่งได้รับชีวิตใหม่
เมื่อเห็นภรรยากำลังหลับอยู่ด้านข้าง บาร์ตันค่อยๆ ลุกจากเตียงอย่างระมัดระวัง เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปเดินเล่นรอบๆ
มันไม่เคยรู้สึกว่าละแวกบ้านของตนงดงามขนาดนี้มาก่อน:
อากาศสะอาด สภาพแวดล้อมสงบสุข ทิวทัศน์ร่มรื่น แม้แต่คนเดินถนนก็ยังดูมีการศึกษา
สิ่งเหล่านี้ทำให้อารมณ์ของบาร์ตันสดใสยิ่งกว่าเก่า เป็นอีกครั้งที่มันมั่นใจว่าเรื่องราวของแฟร์นันจบแล้วจริงๆ และตนได้รับชีวิตประจำวันแสนสงบสุขกลับคืนมา
ด้วยอารมณ์ดังกล่าว มันกลับมาที่บ้าน กินอาหารเช้ากับภรรยาและลูก
ระหว่างนั้น บาร์ตันคอยหยอดมุกตลกในหนังสือพิมพ์กับภรรยา ซึ่งนั่นทำให้ลูกมีความสุขมาก
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าภรรยาและลูก บาร์ตันเกิดความพึงพอใจสุดขีด
ถัดมา มันสวมเสื้อนอกและหมวก ถือไม้ค้ำเดินออกไปขึ้นรถม้าสาธารณะ นั่งตลอดทางจนกระทั่งมาถึงสำนักงานกองทุนขุดค้นและเก็บรักษาวัตถุโบราณที่ตั้งอยู่ขอบเมือง
เข้าไปในสำนักงาน บาร์ตันกลับเข้าสู่จังหวะชีวิตเดิม แทนที่จะเริ่มทำงานทันที มันเตรียมชงชาดำด้วยสมุนไพรราคาแพง
ด้วยชาดำในมือ มันอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับที่ไม่ได้สมัครไว้ที่บ้านด้วยท่าทีผ่อนคลาย ก่อนจะหยิบจดหมายและเอกสารขึ้นมาตรวจสอบ
กระบวนการเหล่านี้ จังหวะชีวิตเหล่านี้ ทุกสิ่งทำให้บาร์ตันสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งเดียวที่คอยกวนใจก็คือ บาร์ตันยังคงเป็นกังวลเล็กๆ เกี่ยวกับจดหมายที่ได้รับจากแฟร์นัน
อย่างไรก็ดี ความกังวลดังกล่าวไม่กลายเป็นจริง
ราวสิบห้านาทีถัดมา ประตูห้องทำงานของมันมีเสียงเคาะ
“เชิญครับ” บาร์ตันหยิบแก้วชาดำขึ้นมาจิบ
บุคคลที่เปิดประตูเข้ามาคือปาเชโก้·ดอน รองหัวหน้าแผนกกฎระเบียบ เจ้าของใบหน้าแสนธรรมดาที่ไม่มีความโดดเด่น แต่กลับมอบบรรยากาศอ่อนโยน
“เมื่อคืนหลับฝันดีไหม?” ปาเชโก้ยังคงยืนหน้าประตู ถามทักทาย
“สุดยอด” บาร์ตันไม่เก็บซ่อน
ปาเชโก้พยักหน้า ยิ้มและกล่าว
“ดูเหมือนว่าคุณจะหลุดพ้นจากอิทธิพลของเรื่องนี้แล้ว”
บาร์ตันไม่ได้เล่าถึง ‘ฝันร้าย’ ที่มันเผชิญ เพียงถามกลับไปว่า
“แล้วคุณล่ะ”
“ผมเองก็หลับฝันดีเหมือนกัน” ปาเชโก้ตอนด้วยรอยยิ้ม “ตำรวจเข้ามาทำคดีนี้เต็มตัวแล้ว ได้ยินมาว่าพบตัวแฟร์นันเมื่อคืน แต่ช่างน่าเศร้า ดูเหมือนว่าเขาจะโชคร้าย”
“ขอให้เขาได้พักผ่อนอย่างสงบ” บาร์ตันไม่ได้ขอให้พระองค์อวยพร เพราะแฟร์นันได้หันหลังให้เทพวายุสลาตัน บางที ‘พร’ ของพระองค์อาจเป็นพายุสายฟ้าอันเกรี้ยวกราด
กล่าวจบ มันหวนนึกถึงความช่วยเหลือที่ได้รับจากปาเชโก้ รวมถึงความเป็นกันเองของอีกฝ่าย บาร์ตันจึงถือโอกาสพูด
“วันนี้กินอาหารกลางวันด้วยกันไหม?”
“เลี้ยงไหม?” ปาเชโก้ยิ้ม
“แน่นอน ผมยินดีเสมอที่มีคนแบบคุณเป็นเพื่อน” บาร์ตันลุกขึ้นยืน ทำความเคารพอย่างสุภาพชน
ปาเชโก้พยักหน้ารับ
“ผมจะรอคำเชิญที่แผนกกฎระเบียบก็แล้วกัน… ก่อนเที่ยงเป็นไง?”
“ไม่มีปัญหา” ไม่เพียงจะรู้สึกขอบคุณอีกฝ่าย แต่บาร์ตันยังสัมผัสได้ว่า การได้ทำความรู้จักกับรองหัวหน้าแผนกกฎระเบียบคนนี้ อาจส่งผลดีกับตนในระยะยาว
ยิ่งไปกว่านั้น มันเชื่อว่าปาเชโก้ก็คงเหมือนตน มีบางแง่มุมที่เหนือกว่าคนทั่วไป
หลังจากมองดูปาเชโก้ออกจากห้องทำงาน บาร์ตันนั่งลงอีกครั้ง ถอนหายใจเงียบงันและเชื่องช้า
ในฐานะคนธรรมดาที่มีสติปัญญาปานกลาง มันย่อมเห็นว่าเหตุการณ์เกี่ยวกับแฟร์นันเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด เข้าข่ายศาสตร์เร้นลับและพิธีกรรมเชิงศาสนา
นอกจากนั้น มันยังสนใจในประเด็นการแบ่งกลุ่มของตระกูลทามาร่า รวมถึงความลับทางประวัติศาสตร์ที่แฟร์นันแบ่งปัน
แต่มันทราบดี ตนไม่ควรขุดคุ้ยลึกลงไป เป็นเรื่องดีแค่ไหนแล้วที่คนธรรมดาได้เห็นส่วนที่จมอยู่ของภูเขาน้ำแข็งโดยแล้วรอดชีวิตมาได้ หากใครอยากรู้อยากเห็นเบื้องล่างของภูเขาน้ำแข็ง คนผู้นั้นย่อมจมน้ำตาย
ประสบการณ์เกี่ยวกับนักโบราณคดีในอดีตทำให้บาร์ตันหวาดกลัวที่จะใช้ชีวิตโลดโผน
สำหรับมัน ความอยากรู้อยากเห็นคือคุณสมบัติที่บาร์ตันไม่ต้องการมากที่สุด
หลังจากแอบถอนหายใจสักพัก บาร์ตันลงมือทำงานต่อ
ใกล้เที่ยง มันเก็บข้าวของบนโต๊ะ หยิบเสื้อนอกและหมวกที่แขวนไว้บนราวขึ้นมาสวม ออกจากห้องทำงานและเดินไปยังแผนกกฎระเบียบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! บาร์ตันเคาะประตูไม้ตรงหน้า
เพียงไม่นาน ปาเชโก้เปิดประตูและกล่าวกับบาร์ตัน
“ขออีกห้านาที ผมติดงานอยู่”
“ไม่มีปัญหา” บาร์ตันตอบโดยไม่ลังเล
“เข้ามารอข้างในสิ” ปาเชโก้เชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง
บาร์ตันก้าวเข้าไปในแผนกกฎระเบียบ หาเก้าอี้ให้ตัวเองนั่ง
มันมองไปรอบตัว พบเจ้าหน้าที่อีกหกถึงเจ็ดคนในแผนก
ทันใดนั้น มันได้ยินใครบางคนเคาะประตู
ยังไม่ทันที่เจ้าหน้าที่แผนกกฎระเบียบจะลุกขึ้นยืน ประตูเปิดออกจากด้านนอก
คนแรกที่เดินเข้ามาคือรองประธานของกองทุนขุดค้นและเก็บรักษาโบราณวัตถุแห่งโลเอ็น
อีกฝ่ายเป็นชายชราบุคลิกร่าเริง มองไปรอบตัวสักพักก่อนจะหันมาจ้องบาร์ตัน จากนั้นก็พูด
“ดูเหมือนว่าทุกคนจะอยู่ที่นี่แล้ว… ผมขอแนะนำเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของพวกคุณ”
ขณะพูด รองประธานเดินมาข้างหน้าเล็กน้อย ส่งผลให้ทุกคนมองเห็นพนักงานใหม่ของแผนกกฎระเบียบเต็มสองตา
เป็นสตรีอายุราวยี่สิบ จมูกโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่ม ดวงตาสีเทา ใบหน้าสะสวย แต่งกายในเดรสสีน้ำเงินทั่วไป
แต่ใบหน้าของเธอคล้ายกับปราศจากอารมณ์ ดูไม่เหมือนคนจริง แต่ใกล้เคียงกับหุ่นขี้ผึ้ง
บาร์ตันและปาเชโก้พลันผงะ
รองประธานกล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้ม
“เหมือนกับปาเชโก้ เธอจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกกฎระเบียบ ชื่อของเธอคืออลิเซีย·ทามาร่า”
(จบวันธรรมดาของคนธรรมดา)