“เอาชีวิตมันตอนที่มันอ่อนแรงนี้!”
“สังหารมันเสีย! เวลานี้มันอ่อนแรงเหมือนตะเกียงที่ไร้น้ำมัน!”
“อย่าให้โอกาสมันได้ฟื้นฟู! รีบๆ ไปสังหารมันเสีย!”
…
เย่หยวนในเวลานี้มีสภาพร่างไม่ต่างจากไม้เสียบผีผอมแห้ง ดวงตาทั้งสองของเขานั้นลึกโบ๋
การยิงธนูดาบออกไปติดๆ กันนับสิบครั้งนั้นต่อให้เย่หยวนจะกลืนกินโอสถไปอย่างไรมันก็ไม่อาจจะหนีจากสภาพแห้งเหี่ยวนี้ไปได้
เวลานี้แม้แต่พลังกายเนื้อของเขาเองก็ยังถูกสูบลงจนแห้งโดยเจ้าธนูสาบานสังหารเทพ
เมื่อเหล่ายอดฝีมือทางเผ่าเทวาได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายย่อมจะร้องบอกสั่นเหล่ามารนรกให้เข้ามารุมโจมตีเย่หยวนทันที
ดูแล้วเวลานี้มันคงเหมาะสมที่สุดที่จะฆ่าสังหารเย่หยวน
วินาทีนี้มันจึงปรากฏยอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนได้พุ่งตัวเข้ามาหาเย่หยวนจากรอบทิศ
เผ่าเทวาทั้งหลายนั้นได้โถมกำลังเข้ามาหาเย่หยวนทำให้ฝ่ายมนุษย์ที่รับมือพวกเขาทั้งหลายอยู่แต่เดิมนั้นเริ่มสบายตัวขึ้น
เวลานี้เหล่ามนุษย์หลายต่อหลายคนต้องถอนหายใจขึ้นมาด้วยความโล่งอก
เย่หยวนนั้นใช้ปราณเทวะไปจนหมดสิ้นร่างกายไม่มีทางใดที่จะต่อต้านต่อสู้กันเหล่ายอดฝีมือเผ่าเทวาและมารนรกทั้งหลายได้
แต่มันมิได้หมายความว่าเขานั้นไร้หนทางป้องกันตัว เขาค่อยๆ ยกนิ้วขึ้นมาดีดวาดสร้างค่ายกลป้องกันขึ้นมาในพริบตา
ปัง ปัง ปัง…
เวลานี้พลังโจมตีทั้งหลายมันได้เข้าปะทะกับค่ายกลนี้จนเกิดเสียงดังลั่นสนั่นฟ้า
ค่ายกลนั้นมันส่องแสงสว่างล้ำป้องกันการโจมตีต่างๆ จากทุกทิศทางสิ้น
เย่หยวนนั้นสร้างค่ายกลขึ้นมาได้หนักแน่นมั่นคงอย่างมาก ต่อให้จะต้องเจอกับการโจมตีที่รุนแรงแค่ไหนมันก็ยังคงตั้งมั่นได้
แต่เมื่อมีเหล่าเผ่าเทวาเข้ามารุมโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ายกลที่แสนหนักแน่นนี้มันก็เริ่มสั่นสะเทือน
ภายในค่ายกลนั้นเย่หยวนได้สร้างค่ายกลชั้นที่สองขึ้นมาภายในและทำการหลอมโอสถขึ้น
ครั้งนี้เขาลงมืออย่างช้าเชื่องกว่าก่อนๆ มาก เพราะตั้งใจจะทำให้มันได้คุณภาพขั้นสูง
เหล่าเผ่าเทวาทั้งหลายนั้นเมื่อได้เห็นต่างก็ต้องทุ่มกำลังสุดตัวโจมตีค่ายกลอย่างกังวล
เวลานี้ความได้เปรียบของนักหลอมโอสถมันได้ปรากฏขึ้นต่อสายตาพวกเขาแล้ว
เย่หยวนนั้นเป็นนักหลอมโอสถผู้เก่งกาจล้ำ เขาสามารถที่จะหลอมโอสถขึ้นกลืนกินกลางสนามรบได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็ย่อมจะหมายความว่าเขานั้นจะต่อสู้ได้ต่อเนื่องอย่างน่ากลัว
ก่อนที่วิชาโอสถจะตกต่ำ ในสงครามสิ้นโลกครั้งก่อนนั้นเหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายต่างได้แสดงฝีมือออกมาอย่างเต็มที่สร้างปัญหาให้เผ่าเทวาอย่างมหาศาล
เพราะฉะนั้นตัวหยวนเว่ยจึงได้คิดวางแผนการใหญ่มาฆ่าสังหารเหล่านักหลอมโอสถที่มารวมตัวกันอยู่ในอาณาจักรทหัยเมฆานี้
แต่เวลานี้เรื่องราวของเย่หยวนมันน่าตกตะลึงจนเกินไป ทำให้เหล่ายอดฝีมือฝั่งเผ่าเทวาและมารนรกทั้งหลายต่างหันหน้ามุ่งมาโจมตีค่ายกลปกป้องของเขา
นั่นทำให้ค่ายกลปกป้องอันหนักแน่นของเย่หยวนมันเริ่มมีรอยแตกร้าวขึ้นมา
เพราะจะอย่างไรเสียนี่มันก็มิใช่การต่อสู้ตัวต่อตัว มันเป็นสงครามที่เอาชนะกันด้วยจำนวนมีชีวิตคนนับสิบล้านเป็นเดิมพัน
“ทุกคน ไปช่วยปกป้องรองมหาปราชญ์เร็ว! หากมีเขาอยู่ด้วยแล้วโอกาสรอดของเราจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่”
“ใช่แล้ว! รองมหาปราชญ์นั้นเก่งกาจจนน่ากลัว เหนือล้ำกว่าพวกเผ่าเทวาทั้งหลายนี้ ตราบเท่าที่เขาฟื้นฟูพลังกลับมาได้แล้วพลังการต่อสู้ของเราคงพุ่งขึ้นสูงล้ำ”
“ทุกคน โจมตีพร้อมกัน! ไปช่วยผ่อนแรงรองมหาปราชญ์เร็วเข้า! ปล่อยให้เขาได้หลอมโอสถอย่างมีสมาธิ”
…
เหล่ามนุษย์ทั้งหลายเองก็ย่อมจะเข้าใจได้ถึงความหนักหนาของปัญหาครั้งนี้
หากพวกเขาปล่อยให้เย่หยวนเป็นเหยื่อล่อความสนใจไปในเวลานี้ หากเย่หยวนแพ้พ่ายลงแล้วพวกเขาทั้งหลายก็คงไม่มีทางรอดจากความตายได้อีกต่อไป
เพราะฉะนั้นเหล่ายอดฝีมือที่มีสติดีก็เริ่มพุ่งตัวเข้ามาหาเย่หยวนช่วยต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือเผ่าเทวาและมารนรกทั้งหลาย ผ่อนความกดดันที่มีต่อค่ายกลปกป้องของเย่หยวน
ภายในค่ายกลนั้นตัวเย่หยวนรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังรอบๆ จนต้องเบิกตาขึ้นมาดู
เวลานี้เหล่ามนุษย์ทั้งหลายต่างกำลังรวมตัวกันปกป้องเขาอย่างหนักแน่น หลายต่อหลายผู้คนต้องตายตกไปด้วยน้ำมือของเผ่าเทวา
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นแล้วเย่หยวนก็อดจะตื่นตะลึงขึ้นในใจไม่ได้
เพราะในมุมมองของเขานั้นมนุษย์มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สุดแสนเห็นแก่ตัว ไม่คิดสนใจผู้คนใดๆ สิ้น
เขานั้นไม่นึกว่าวันหนึ่งนี้ภายใต้สถานการณ์เป็นตาย พวกเขากลับจะมายอมตายเพื่อช่วยเหลือตัวเขา
แน่นอนว่ามันย่อมเกิดขึ้นเพราะความหวังสุดท้ายของคนทั้งหลายมันคือเย่หยวน แต่การที่พวกเขากล้าจะเสี่ยงชีวิตทิ้งความคับแคบในจิตใจไปมันก็ทำให้เย่หยวนได้เบิกหูเบิกตาอย่างมาก
เย่หยวนนั้นกลับมาตั้งสติมั่นพร้อมเข้าสู่สภาพการหลอมโอสถอย่างเต็มตัว
เวลานี้มือที่หลอมโอสถของเขานั้นมันรวดเร็วขึ้นกว่าก่อนหน้ามากเพราะความช่วยเหลือจากคนทั้งหลาย
หลังผ่านได้อีกไม่กี่ชั่วโมงโอสถนั้นมันก็ปรากฏขึ้นในค่ายกล
แน่นอนว่ามันย่อมเป็นโอสถเต๋า!
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็มีร่างของคนมากมายนอนตายอยู่รอบเขตแดนค่ายกลปกป้องของเย่หยวน
ยอดฝีมือมากหลายนั้นต้องตายลงเพื่อปกป้องตัวเขา
เย่หยวนนั้นยกโอสถขึ้นกลืนกินลงไปทันทีที่หลอมเสร็จอย่างไม่รอช้าใดๆ
หลังจากกลืนโอสถลงไปแล้วเย่หยวนก็ปล่อยคลื่นพลังออกมากดดันพื้นที่โดยรอบ สภาพร่างกายนั้นฟื้นฟูจนถึงขั้นสมบูรณ์
พร้อมๆ กันนั้นคลื่นพลังของเขาก็พุ่งทะบานขึ้น พลังบ่มเพาะพัฒนาขึ้นมาอีกระดับ
หลังจากความรู้ที่เขาสะสมมากว่าร้อยปีในงานครั้งนี้กอปรกับพลังงานวิญญาณหนาแน่นของอาณาจักรทหัยเมฆาพร้อมกับพลังของโอสถเต๋ามันได้ทำให้พลังบ่มเพาะของเย่หยวนพุ่งขึ้นทันที
เวลานี้พลังบ่มเพาะของเขานั้นมันคงเทียบเคียงกับอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวได้
เย่หยวนนั้นพุ่งตัวออกมาจากค่ายกลพร้อมด้วยดาบนับพันที่บินว่อนสังหารผู้คนอย่างมากมาย
“ลำบากพวกเจ้าแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เย่ผู้นี้ได้จัดการต่อเอง พวกเจ้าตามเย่ผู้นี้มา เย่ผู้นี้จะพาพวกเจ้าออกไป!”
พูดไปค่ายกลดาบของเย่หยวนก็ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่และที่ใดที่ดาบทั้งหลายนั้นพุ่งผ่านเหล่าเผ่าเทวาหรือมารนรกต่างตายลงสิ้นอย่างไร้ข้อยกเว้น
ด้วยพลังบ่มเพาะของเย่หยวนในเวลานี้บวกกับพลังแข็งแกร่งของแนวคิด เขานั้นสามารถเอาชนะได้แม้แต่เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นกลางทั้งหลาย
เย่หยวนก้าวออกมานำพร้อมเปิดทางให้แก่คนทั้งหลาย ปล่อยให้เหล่ามนุษย์ทั้งหลายได้ก้าวตามมาอย่างไม่ต้องต่อสู้มากมาย
ด้วยเย่หยวนที่นำหน้าไปนั้น เหล่าเผ่าเทวาและมารนรกทั้งหลายที่เข้ามาถึงเหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์มันก็ต่างจะลดจำนวนลงไปมาก
เพราะจะอย่างไรเสียแม้จะเป็นในเผ่าเทวาหรือมารนรกเอง เหล่ายอดฝีมือที่จะขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายได้นั้นมันก็มีจำนวนแค่หยิบมือ
และยอดฝีมือในระดับนั้นต่างล้วนมีคู่ปรับเป้าหมายของตน ไม่มีใครจะว่างพอเข้ามาจัดการพวกเย่หยวนได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นในสงครามใหญ่เช่นนี้ นักสู้ส่วนมากมันก็ย่อมจะเป็นผู้มีพลังบ่มเพาะไม่สูงล้ำ
เพราะจะอย่างไรยอดฝีมือนั้นมันก็เป็นคนส่วนน้อยของโลกหล้า
หยวนเว่ยนั้นเริ่มสงครามครั้งนี้ขึ้นมาเพื่อโค่นล้มเอาชีวิตเป้าหมายใหญ่ๆ อย่างโอสถบรรพกาลหรือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล เพราะจะอย่างไรคนทั้งสองนี้มันก็เป็นภัยที่มากล้นกว่าเย่หยวน
การใช้สองหน่วยเข้ารุมโจมตีเย่หยวนนี้มันคงเรียกได้ว่าเป็นการประเมินเขาอย่างสูงล้ำแล้ว
แต่ดูท่าหยวนเว่ยเองก็คงยังประเมินเย่หยวนไม่สูงพอ ตัวเย่หยวนจึงได้ใช้เครื่องรางเต๋านั้นสังหารกำลังทั้งสองหน่วยลงไปสิ้น
เวลานี้ที่ใดที่เย่หยวนพุ่งตัวผ่านนั้นมันจะมีแต่ความตายเหลือทิ้งไว้
ดาบนับพันนั้นบินว่อนวนรอบตัวเขาพุ่งผ่านตัดขาดชีวิตมากมาย
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันไม่ได้ต่างจากเทพแห่งความตายที่ลงมาจุติบนโลกหล้า
เหล่าเผ่าเทวาและมารนรกทังหลายนั้นต่างเป็นได้แค่หมูบนเขียงเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน พวกเขาไม่อาจจะรับได้แม้แต่ดาบเดียวของค่ายกลนี้
เย่หยวนนั้นพากำลังมนุษย์มากมายพุ่งผ่านทัพของเผ่าเทวาอย่างง่ายดาย ทำการเข่นฆ่าสังหารจนทัพเผ่าเทวาเริ่มเกิดความสับสนอลหม่าน
“เจ้าหมอนี่มันเทพแห่งความตายโดยแท้! แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! เราหยุดมันไว้ไม่ได้!”
“ถอย! รีบถอยเร็ว! เจ้าหมอนี่มันเก่งจนเกินไป!”
“เจ้าหมอนี่มันแข็งแกร่งมากล้น! เราไม่อาจต่อสู้ด้วยได้เลย! รีบๆ ไปเรียกกำลังเสริมจากท่านทั้งหลายเร็ว!”
…
เหล่ามนุษย์ทั้งหลายเริ่มมารวมตัวตามติดเย่หยวนไปมากขึ้นเรื่อยๆ
การศึกก่อนหน้านั้นฝ่ายมนุษย์ต้องสูญเสียไปอย่างมาก เสียกำลังไปกว่าครึ่ง
แต่ในเวลานี้หลังจากที่เย่หยวนกลับมาลงสนามรบได้สถานการณ์มันก็พลิกกลับทันที
เย่หยวนนั้นเหมือนเป็นเครื่องจักรสังหารที่ฆ่าล้างตลอดทางที่พุ่งผ่าน
กำลังของเขานั้นแข็งแกร่งจนอีกฝ่ายไม่อาจจะป้องกันหลบรอดใดๆ ไปได้
เวลานี้มันกลับเป็นทางฝ่ายมนุษย์ที่เริ่มกลับมาได้เปรียบในสงครามครั้งนี้!
………………