ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 995 หนึ่งคนไม่ขาด ล้วนตายที่นี่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นนอกจากแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์แล้ว คนอื่นๆ ที่รุดมาถึงส่วนใหญ่เป็นคนที่เขาคุ้นเคย

นอกจากจอมยุทธ์เขาโถงทองแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังเห็นผู้คุมหอกระบี่ทะเลเหนือกู้หง และจอมยุทธ์คนอื่นๆ ที่เคลื่อนไหวในทะเลหวงเจีย

ในอดีตกู้หงเพราะช่วยเหลือหลงฮั่นหัวราชากระบี่ภูผาเงา หลังจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องพินาศลงแล้ว ก็กลับทะเลเหนือ สร้างสำนักขึ้นมาใหม่

เพียงแต่ว่าในตอนนั้นหอกระบี่ทะเลเหนือแทบถูกล้างสำนัก ได้รับความเสียหายหนักหน่วงเกินไป หลายปีมานี้จึงยังคงฟื้นฟูอยู่

เพราะไม่เห็นคนจากเขากว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอจึงเดาว่าเยี่ยนตี๋บิดาของตนยังไม่ออกฌาน คนอื่นๆ บางทีอาจรั้งอยู่ที่ทะเลหวงเจีย ไม่ได้ติดตามแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์เข้ามาในอาณาเขตของเขารอบวงด้วย

ถึงอย่างไรเขากว่างเฉิงก็ตั้งอยู่ทางตะวันตก ใกล้กับพรมแดนสองด้านอย่างยิ่ง

เขารอบวงพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ทางเขากว่างเฉิงย่อมต้องระวังตัว

“สหายน้อยเยี่ยน นี่มันคือ…” แม่เฒ่ากระบี่สงบจิตใจ หลังจากทักทายเยี่ยนจ้าวเกอ ก็เป็นฝ่ายถามก่อน

เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างรวบรัด “ข้ากลับมาจากมิติต่างแดนแห่งหนึ่ง โชคร้ายที่ประตูทางเชื่อมเขตแดนเปิดที่เทือกเขายาวเหยียดในเขตเพลิงทักษิณ จึงเดินทางกลับมาจากที่นั่น ระหว่างทางได้สู้กับคนในเขตเพลิงทักษิณไม่น้อย”

“พอถึงที่นี่ ก่อนหน้านั้นมีจางซู่เหรินต้นจักรพรรดิสะกดภูผาขัดขวาง ภายหลังมีเผิงเฮ่อราชาอัคคีไล่ตาม เพื่อรับมือ ข้าได้แต่อาศัยภูมิประเทศของที่นี่วางค่ายกล”

แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์สายตากลายเป็นคมกริบ “ถ้าหากว่าข้ามองไม่ผิด ค่ายกลของท่านเหมือนจะเป็นค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งในตำนานนั่นกระมัง”

“ถูกต้อง” เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างตรงไปตรงมา “เป็นค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งนั่นเอง”

เขามองสีหน้าที่เคร่งขรึมของคนทุกคน หัวเราะเล็กน้อย “ข้าผู้แซ่เยี่ยนขณะที่ออกท่องโลก ได้เข้าไปในนิวาสถานอันเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง เป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิประตูมังกรแห่งประตูมังกรแม่น้ำเหลือง”

“โอ้” แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์สีหน้าผ่อนคลายลง

คนอื่นๆ สบตากัน คล้ายกับไม่ค่อยเข้าใจนัก

แม่เฒ่ากระบี่อธิบาย “ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ว่ากันว่าในวังเทพบนสวรรค์มีมนุษย์เซียนผู้หนึ่งลงมายังโลก และเผยแพร่วิชาความรู้”

“ในจำนวนนี้มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งตั้งพรรคก่อตั้งสำนัก สร้างสำนักที่มีชื่อว่าประตูมังกรแม่น้ำเหลือง เรียกตัวเองว่าจักรพรรดิประตูมังกร สร้างชื่ออันยิ่งใหญ่ขึ้น”

“ประตูมังกรแม่น้ำเหลืองเป็นผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ วรยุทธ์หลักมีสองชนิด หนึ่งคือคัมภีร์พลิกฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสามคัมภีร์นภาก่อนกำเนิดในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสิบม้วน หนึ่งคือเคล็ดวิชาประตูมังกรที่จักรพรรดิประตูมังกรสร้างขึ้นเอง”

“หากแต่ค่ายกลคุ้มครองสำนักของเขา กลับเป็นค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งนั้น”

“ว่ากันว่าหลังจากสงครามสถาปนาเทพ เซียวเหนียงเหนียงสายเหนือพิสุทธิ์ทั้งสามได้เข้าสู่วังเทพ ความลี้้ลับของวรยุทธ์มากมายของเกาะสามเซียนถูกนำเข้าไปอยู่ในวังเทพที่อยู่บนสวรรค์เพราะสาเหตุนี้ ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งของจักรพรรดิประตูมังกรก็น่าจะมาจากสิ่งนี้”

“น่าเสียดายเป็นเพราะวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ จักรพรรดิประตูมังกรกับประตูมังกรแม่น้ำเหลืองล้วนหายไปจากสายธารประวัติศาสตร์ ที่ข้าทราบเรื่องนี้ก็เพราะมาจากบันทึกโบราณบางส่วน”

แม่เฒ่ากระบี่ทางหนึ่งกล่าว ทางหนึ่งมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ได้ยินมานานว่าเขากว่างเฉิงของท่านรับสืบทอดตราพลิกฟ้า หรือว่าจะมาจากนิวาสถานของประตูมังกรแม่น้ำเหลืองนั้น”

วาจาแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ว่าสายตาของหญิงชรายังคงฉายแววพิจารณาและระมัดระวัง

ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอสู้กับฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ กระบี่ลวงเซียนได้ทิ้งบาดแผลไว้รอบๆ ทะเลหวงเจีย ผ่านไปนานจึงค่อยหายไป

หม้อก้นดำถูกเอาไปครอบไว้บนศีรษะของกวนลี่เต๋อ เป็นการบอกกล่าวกับทั้งในนอกตะวันออกเฉียงใต้

แต่หากบอกว่าพวกแม่เฒ่ากระบี่ไม่สงสัยเลย นั่นกลับเป็นไปไม่ได้

ตอนนี้บวกกับค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง เมื่อเทียบสองเรื่อง ยิ่งไม่ธรรมดาอย่างชัดเจน

“เป็นอย่างที่แม่เฒ่ากระบี่ว่า คัมภีร์พลิกฟ้าที่สำนักเราสืบทอด มาจากโบราณสถานของประตูมังกรแม่น้ำเหลือง” เยี่ยนจ้าวเกอหน้าไม่แดงหัวใจไม่เต้น “นอกจากนี้ย่อมมีเคล็ดวิชาประตูมังกรด้วย”

ว่าแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็หมุนตัวไปต่อยใส่อากาศด้านข้าง

ญาณจริงแท้กลายเป็นแม่น้ำยิ่งใหญ่กลางอากาศ แม่น้ำบิดโค้ง กลายเป็นวังวนขนาดยักษ์

วังวนนับไม่ถ้วนแฝงลึกอยู่ด้านใน กระแทกกระทั้นกันไม่หยุดยั้ง เกิดเป็นอานุภาพอันน่ากลัวทำลายฟ้าทำลายดิน

“เคล็ดวิชาประตูมังกร ข้าผู้แซ่เยี่ยนแค่เคยอ่าน ไม่ได้ตั้งใจฝึกฝน ได้รู้มาเพียงพื้นผิว มีดีแค่เปลือกนอก ทำตัวให้พวกท่านหัวร่อเสียแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดพร้อมกับชักฝ่ามือกลับ

เคล็ดวิชาประตูมังกรของเขาเป็นของจริง…

แม่เฒ่ากระบี่มองเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ

นางไม่เคยเห็นเคล็ดวิชาประตูมังกรและวรยุทธ์อื่นๆ ของประตูมังกรแม่น้ำเหลืองด้วยตาตัวเอง เพียงแต่เคยเห็นคำบรรยายบนคัมภีร์โบราณมาส่วนหนึ่ง

ดูจากการลงมือของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว นี่เหมือนกับคำบรรยายในคัมภีร์โบราณไม่ผิดเพี้ยน

นี่ก็ดีมากแล้ว

สามารถอธิบายให้แก่คนอื่นฟังได้ก็พอ

แม่เฒ่ากระบี่่ตรงไปตรงมา แต่ก็แบ่งแยกชัดเจนว่าผู้ใดเป็นมิตรผู้ใดเป็นศัตรู

เรื่องส่วนใหญ่ต่างทำเป็นเลอะเลือน เหมือนกับกวนลี่เต๋อหรือหลงฮั่นหัวเมื่อก่อนหน้า

“สหายน้อยเยี่ยนท่านช่างมีวาสนาล้ำลึกแท้ กว่างเฉิงมีท่าน มิน่าถึงได้มีวันนี้” แม่เฒ่ากระบี่หลังจากชมเชยก็ไม่พูดถึงหัวข้อนี้ต่ออีก เปลี่ยนเป็นถามว่า “เมื่อครู่ท่านเพิ่งบอกว่า นอกจากจางซู่เหรินแล้ว เผิงเฮ่อก็มาถึงเขารอบวงแล้วเช่นนั้นหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอตบศีรษะของพ่านพ่านที่อยู่ด้านข้าง พ่านพ่านครางขึ้น ก่อนจะบินลงไปยังพื้นดิน

“นอกจากจางซู่เหรินกับเผิงเฮ่อแล้ว ยอดฝีมือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้ายังมีอีกหนึ่งคน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ลูกศิษย์ยอดเขาอนัตตา ศิษย์เอกของจักรพรรดิเอกภพ ชิงซู่จื่อ”

แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ได้ยินชื่อนี้ ก็พลันมีสีหน้าเคร่งขรึมทันที

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเยาว์กว่านางไม่น้อย แต่ในฐานะยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายเหมือนกัน ชื่อของชิงซู่จื่อนับว่าอยู่เหนือกว่านาง

คนทั้งสองไม่เคยสู้กันมาก่อน แต่ว่าในอดีตแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์เคยเห็นชิงซู่จื่อลงมือด้วยตัวเอง ทราบดีว่าเมื่อเทียบกับอีกฝ่ายแล้ว เกรงว่าตนจะด้อยกว่าขั้นหนึ่ง

จางซู่เหริน เผิงเฮ่อ ชิงซู่จื่อ

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายไม่วาจะไปยืนอยู่ในแถวไหน ล้วนทำให้คนที่อยู่ต่ำกว่าขั้นประมุขต้องกลั้นหายใจ

ถ้าหากพวกเขาบุกฝั่งตะวันออกเฉียงใต้อย่างกระทันหัน แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์รู้ตัวว่าหากอาศัยแค่พลังของตัวเอง แล้วตัดสินใจเข้าขัดขวาง นางอาจถึงขั้นตกตายคาที่

“ส่วนพวกเขาในตอนนี้…” เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมอง เห็นพ่านพ่านบินกลับมาแล้ว

บนหลังพ่านพ่านในตอนนี้ แบกซากศพหลายซาก

บางคนสภาพการตายน่ากลัว แม้กระทั่งถึงขั้นไร้ใบหน้า

“ข้าผู้แซ่เยี่ยนลงมือไม่รู้จักหนักเบา ทำให้ศพยากจะแยกแยะหน้าตาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย “แต่ว่าคนที่สู้กับข้าบนเขารอบวงล้วนอยู่ที่นี่ ไม่ขาดแม้แต่คนเดียว”

จอมยุทธ์ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ขบคิดความหมายในวาจาของเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็มองศพเหล่านั้น อดตะลึงลานกับที่ไม่ได้

เฒ่ากระบี่ตงหนานรีบร้อนเดินเข้าไป สายตาจับจ้องศพที่แขนขาดข้างหนึ่งในศพหนึ่งในจำนวนนั้นเขม็ง

นั่นเป็นศพของชิงซู่จื่อ

แม้จะถูกเยี่ยนจ้าวเกอตัดแขนออกไปข้างหนึ่ง ประกายกระบี่เจาะทะลุกะโหลก แต่ว่าหน้าตาไม่ได้รับผลกระทบ

แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ที่เคยพบชิงซู่จื่อมาก่อน ย่อมจำได้ในทันที

เพียงแต่การมองนี้ทำให้ผู้อาวุโสแห่งฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ที่ผ่านลมฝนมามากมาย ตะลึงลานเป็นไก่ไม้!

ต่อมาแม่เฒ่ากระบี่ค่อยได้สติ ปฏิกิริยาแรกคือมองไปรอบๆ

นางกำลังหาอยู่ว่า ใกล้ๆ ยังมีร่องรอยที่ยอดฝีมือคนอื่นเคยมาถึงหรือไม่ แต่สุดท้ายกลับไม่พบอะไร

เช่นนั้นก็อธิบายได้เพียงอย่างเดียว

ยอดฝีมือที่ถูกสังหารเหล่านี้ ล้วนตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสิ้น!

‘ทำได้อย่างไรกัน ต่อให้มีค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งก็ตาม…’ หญิงชราเสียกิริยาอย่างหาได้ยาก ก่อนจะหันใบหน้าที่กำลังประหลาดใจมามองเยี่ยนจ้าวเกอด้ยความแตกตื่นสงสัย