ตอนที่ 1808 เก็บขยะ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ในความคิดของนาง ไม่ว่าจะเป็นเชียนจ้าวหยาง ลั่วจ่างเฟิงหรือใครอื่น ก็ไม่ต่างจากหมาแมวที่นางไม่จำเป็นต้องแยแสและกำจัดไปให้พ้นๆก็พอ

นางคำรามและผลักฝ่ามือเข้าใส่เชียนจ้าวหยาง

“ฮึ่ม!” เชียนจ้าวหยางเผยท่าทางเกรี้ยวกราด ถึงแม้เขาจะหลงใหลในความงามของจักรพรรดินี แต่ถ้าหากเป็นการต่อสู้แล้ว เขาไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด

เขาชี้นิ้วไปด้านหน้า ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ดาบสีทองนับหมื่นเคลื่อนไหวและโหมกระหน่ำเข้าใส่จักรพรรดินีราวกับห่าฝน

ร่างของจักรพรรดินีสั่นสะท้านพร้อมกับร่างแยกทั้งเก้าที่ก้าวเดินออกมาจากร่างหลัก หลังจากนั้นร่างของจักรพรรดินีทั้งเก้าก็สั่นสะท้านอีกครั้งเพื่ออัญเชิญสัตว์อสูรสงครามเปลวเพลิงทั้งสิบออกมา

‘โฮกกกก’ สัตว์อสูรสงครามหนึ่งร้อยตัวคำราม คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นได้ส่งผลกระทบให้ดาบสีทองนับหมื่นสั่นไหว

ทักษะดาบหมื่นวิถีคือทักษะระดับใด?

มันคือทักษะนิรันดร์ของขุมอำนาจสามดาวเท่านั้น ต่อให้มันจะเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับเดียวกันมันก็ยังเป็นแค่ทักษะระดับขอบเขตตำหนักอมตะอยู่ดี มีรึที่จะสามารถทัดเทียมกับทักษะระดับราชานิรันดร์ถึงสองทักษะได้?

สัตว์อสูรสงครามนับร้อยพุ่งตอบโต้ดาบนับหมื่น ในขณะที่จักรพรรดินีทั้งสิบคนหยุดยืนดูอยู่เฉยๆ

‘ตูม ตูม ตูม!’

สัตว์อสูรสงครามนับร้อยเริ่มการทำลายล้างครั้งใหญ่ พวกมันกัดทำลายดาบแต่ละเล่ม จนตราประทับที่สลักเอาไว้แหลกลายกลายเป็นอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ทั่วไป และค่อยๆร่วงลงมาจากท้องฟ้า หลิงฮันรีบเก็บดาบสีทองที่ร่วงหลงมาเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น เพราะอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์จำนวนมากเหล่านี้สามารถนำไปใช้ขัดเกลาพลังให้กับดาบอสูรนิรันดร์ได้

“หยุดมือเดี๋ยวนี้!” เชียนจ้าวหยางกล่าวด้วยสีหน้าหม่นหมอง ต่อให้เขาจะเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจสามดาว แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้ตามใจ ดาบสีทองนับหมื่นเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาสรรหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองทั้งสิ้น

เชียนจ้าวหยางเปลี่ยนมาโจมตีหลิงฮันแทน เพื่อขัดขวางไม่ให้หลิงฮันชิงดาบของเขาไปมากกว่านี้ เพียงแต่ว่าทันใดนั้นจักรพรรดินีก็เคลื่อนที่เข้ามาขวางและเปิดศึกกับเขาซึ่งๆหน้า

ปัง ปัง ปัง!

ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด โดยที่จักรพรรดินีเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด

แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ จักรพรรดินีสามารถสู้ข้ามระดับได้กับจอมยุทธระดับสี่นิพพานขั้นต้นเท่านั้น แต่เชียนจ้าวหยางนั้นเป็นถึงนิรันดร์สี่นิพพานขั้นสูงสุด แถมยังเป็นราชาแห่งยุคอีก

หลิงฮันไม่เข้าไปช่วยเหลือนาง จักรพรรดินีเองก็เป็นอัจฉริยะแห่งศาสตร์วรยุทธ แรงกดดันจากศัตรูที่แข็งแกร่ง จะทำให้นางเข้าใกล้ระดับนิรันดร์สองนิพพานได้เร็วขึ้น

เขาเก็บรวบรวมดาบสีทองต่ออย่างมีความสุข ดาบที่เชียนจ้าวหยางเป็นคนนำออกมาเหล่านี้ อีกฝ่ายจะไม่มีวันได้กลับคืนอีกต่อไป!

เชียนจ้าวหยางทนไม่ไหวอีก เขาชี้นิ้วไปยังดาบที่เหลือและกล่าว “จงหวนคืน!”

พริบตานั้น ตราประทับบนตัวดาบก็ส่องประกายและลอยกลับมาจากท้องฟ้า

“พวกมันเป็นของข้า!” หลิงฮันคำรามพร้อมกับโคจรวารีพลังหยินเร้นลับ ทันใดนั้นอุณหภูมิรอบด้านก็ลดฮวบจนดาบสีทองที่ลอยอยู่ถูกแช่แข็งและร่วงหล่นลงพื้น

“หลิงฮัน เจ้ากล้าดีอย่างไร!” เชียนจ้าวหยางคำราม ดาบสีทองเหล่านี้คือน้ำพักน้ำแรงทั้งหมดของเขาแท้ๆ แต่หลิงฮันกลับเก็บพวกมันไปเป็นของตนเองอย่างไม่แยแส

“ฮันน้อย เจ้าไปแย่งเก็บขยะของคนอื่นทำไม? นายท่านหมาผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ!” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม ก่อนจะเดินสี่ขาจากไป

ด้วยนิสัยต่ำช้าของสุนัขตัวดำ มีรึที่มันจะทำตัวมีคุณธรรม? เกรงว่าที่มันเดินจากไปแบบนั้น คงเพราะจะไปตามหาเป้าหมายในการสร้างปัญหา

เชียนจ้าวหยางเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิม เจ้ากล้าเรียกดาบของข้าว่าขยะงั้นรึ!

เขาพยายามจะหยุดหลิงฮัน แต่ก็ไม่อาจผ่านจักรพรรดินีไปได้เสียที

เหตุผลแรกก็เพราะจักรพรรดินีนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะจักรพรรดินีงดงามเกินจน เขาเผลอออมมือให้โดยไม่รู้ตัว

หลิงฮันเก็บดาบตามพื้นอย่างสบายใจ ถ้าหากโชคดี ดาบอสูรนิรันดร์ก็อาจยกระดับกลายเป็นอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์สามดาวก็เป็นได้ เขายิ้มไปยังเชียนจ้าวหยางและกล่าว “ต้องขอบคุณความใจกว้างของเจ้าจริงๆ”

“คืนดาบของข้ามา!” เชียนจ้าวหยางเกรี้ยวกราดและยอมใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดออกมา มือของเขายื่นออกมาด้านหน้าเล็กน้อยและสร้างตราประทับทรงกลมขึ้นมา อักขระที่อยู่ภายในตราประทับนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก อำนาจของตราประทับค่อยๆส่องประกายเจิดจ้าและพุ่งทะลวงใส่จักรพรรดินี

จักรพรรดินีไม่กล้ารับการโจมตีซึ่งๆหน้า เนื่องจากพลังทำลายของการโจมตีน่าสะพรึงกลัวเกินไป ต่อให้ร่างหลักของนางจะสามารถแบ่งเบาความเสียหายไปยังร่างแยกทั้งเก้าได้ แต่การโจมตีนี้ก็ยังทำให้นางบาดเจ็บสาหัสได้อยู่ดี

ผู้สืบทอดของขุมอำนาจที่ทรงพลังไม่อาจประมาทได้จริงๆ เพราะอย่างไรการที่จะมายืนอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ พวกเขาก็ต้องเหยียบย่ำอัจฉริยะของตระกูลเดียวกันมาแล้วนับพัน

หลิงฮันคำรามและใช้ทักษะแสงอัสนีพุ่งไปบังการโจมตีให้จักรพรรดินี เขารวบหมัดควบแน่นอำนาจของวารีพลังหยินเร้นลับกลายเป็นมังกรวารี และชกเข้าใส่ตราประทับทรงกลม

“รนหาที่ตาย!” เชียนจ้าวหยางแสยะยิ้มในใจ เจ้าคิดว่าตราประทับของข้าคือตราประทับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั่วไปรึไง?

ตราประทับที่เขากำลังใช้อยู่คือสิ่งที่ปรมาจารย์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะเป็นคนสลักเอาไว้ในห้วงจิตวิญญาณของเขา หากใช้ออกมาแล้วครั้งหนึ่ง พลังของตราประทับก็จะถูกเผาผลาญและจำเป็นต้องเสริมพลังกลับเข้าไปใหม่

พลังทำลายของตราประทับนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก โดยที่เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดในระดับโลกียนิพพาน

หลิงฮันเป็นเพียงนิรันดร์ระดับสองนิพพานแท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะโจมตีใส่ตราประทับซึ่งๆหน้า หากไม่เรียกว่ารนหาที่ตาย แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?

‘ตูมมม’ เมื่อถูกหมัดของหลิงฮันปะทะเข้าใส่ ตราประทับก็ปรากฏรอยแตกร้าวและค่อยๆแหลดสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงลงสู่พื้น

พรวด!

ดวงตาของเชียนจ้าวหยางแทบถลนออกมาจากเบ้าเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น

นี่มันบ้าไปแล้ว!

นี่เจ้าทำลายตราประทับของปรมาจารย์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะได้อย่างไร?

เชียนจ้าวหยางไม่มีทางคาดเดาได้แน่นอนว่าวารีพลังหยินเร้นลับนั้นเป็นพลังอำนาจที่อยู่ในระดับราชานิรันดร์ ถึงแม้พลังแท้จริงของมันจะถูกจำกัดเอาไว้เพราะพลังบ่มเพาะของหลิงฮัน แต่ในระดับโลกียนิพพานเหมือนกัน จะมีสิ่งใดที่มันไม่สามารถบดขยี้ได้?

ทั่วร่างของหลิงฮันในตอนนี้พรั่งพรูไปด้วยจิตสังหาร เขามั่นใจว่าจอมยุทธที่ลอบสังหารเขาก่อนหน้านี้จะต้องเป็นคนที่ได้รับคำสั่งมาจากเชียนจ้าวหยางไม่ผิดแน่ เพราะเหตุนั้นจอมยุทธที่ว่าจึงเป็นเพียงตัวหมาก และคนร้ายที่แท้จริงก็คือเชียนจ้าวหยาง

กับคนประเภทนี้ เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสุภาพด้วยและสังหารไปให้สิ้นซากก็พอ!