ตอนที่ 1809 สัตว์อสูรสงครามสำแดงอำนาจ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดีไปแล้วกัน!” เชียนจ้าวหยวนสะบัดมือและคิดจะล่าถอย

เหตุผลที่เขายอมลงมือปะทะกับหลิงฮันก็เป็นเพราะแค่ต้องการสร้างความดีความชอบต่อจื่อเหอปิงอวิ๋น

แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าการตั้งตนเป็นศัตรูกับหลิงฮัน จะไม่ได้แค่ทำให้เขาต้องสูญเสียผู้ติดตามไปเท่านั้น แต่ยังถูกปล้นชิงดาบอาคมที่ล้ำค่าไปด้วย แถมแม้แต่ไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดก็ยังไม่สามารถกำจัดหลิงฮันได้อีก เขาจึงรู้สึกหดหู่และหมดกะจิตกะใจจะสู้ต่อ

หลิงฮันแสยะยิ้ม คิดจะมาหนีเอาป่านนี้น่ะรึ?

เขากล่าว “คิดจะไปไหน? เจ้าถามรึยังว่าข้าอนุญาตรึเปล่า?”

“เหอๆ!” เชียนจ้าวหยางหรี่ตามองก่อนจะหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “ข้าคือเชียนจ้าวหยาง เจ้าคิดว่าตนเองมีสิทธิอะไรมาฉุดรั้งข้าไม่ให้ไปไหนมาไหน?”

“ข้าไม่ได้คิดจะฉุดรั้งเจ้าเสียหน่อย ข้าแค่อยากส่งเจ้าไปลงนรกก็เท่านั้นเอง” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส

“ช่างโอหัง!” เชียนจ้าวหยางสบถ คิดว่าข้าเป็นใครกัน?

ข้าเป็นถึงหนึ่งในผู้สืบทอดตระกูลเชียนจ้าว! ส่วนเจ้าเป็นแค่จอมยุทธไร้ที่พึ่ง!

ในดินแดนแห่งเซียนนั้น พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่ถ้าหากไม่มีผู้หนุนหลังที่ทรงพลัง ความแข็งแกร่งของเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากการผายลม! เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว มีรึที่เขาจะด้อยกว่าลั่วจ่างเฟิงมากมายขนาดนั้น?

จิตสังหารของหลิงฮันลุกโชน เขาต้องการสร้างตัวอย่างให้ทุกคนเห็นว่า ถ้าหากเขาลงมือแล้ว คนที่ล่วงเกินเขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สาหัสเพียงใด ถึงแม้เขาจะไม่หวาดกลัวต่อศัตรูที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ชอบที่จะต้องมาเสียเวลาปะทะกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา

“การสังหารเจ้า ก็ไม่ต่างอะไรกับการเชือดไก่!” เขากล่าวอย่างไม่แยแส

คำพูดของเขาไม่ได้หมายถึงว่า การสังหารเชียนจ้าวหยางนั้นง่ายดาย แต่หมายความว่าต่อให้อีกฝ่ายเป็นใคร เขาก็จะลงมือสังหารอย่างไม่แยแส และไม่คิดแม้แต่จะจดจำชื่อแซ่

เชียนจ้าวหยางเกรี้ยวกราด เขารู้สึกหลิงฮันนั้นอวดดีเป็นอย่างมาก

จริงอยู่ที่เขาสังหารหลิงฮันไม่ได้ แต่หลิงฮันก็ไม่มีทางสังหารเขาได้เช่นกัน

“ข้าไม่คิดจะลดตัวลงมาเสียเวลากับเจ้า!” เชียนจ้าวหยางตัดสินใจเมินเฉยหลิงฮันและออกเดินทางสำรวจเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงต่อ เพราะอย่างไรอีกแค่ก้าวเดียวเขาก็จะบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าหลิงฮันจะมีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดขนาดไหน แต่ต่อหน้าตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณ อีกฝ่ายก็เป็นได้เพียงลูกไก่ในกำมือ

เพราะเหตุนั้นแล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรีบลงมือ ยิ่งกว่านั้นเขากับหลิงฮันก็ไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกันมาก่อนด้วย เขาจึงไม่คิดจะเสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย

“ชะตากรรมของเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเป็นคนกำหนด!” หลิงฮันโคจรทักษะสิบสัตว์อสูรสงคราม ทันใดนั้นสัตว์อสูรนิรันดร์เปลวเพลิงทั้งสิบตัวก็ปรากฏตัว และส่งเสียงคำรามสนั่นท้องฟ้า

ตอนนี้เขาสามารถปลดปล่อยอำนาจของทักษะสิบอสูรสงครามได้อย่างเต็มที่ เพราะอยูในเขตแดนลี้ลับ แต่หลังจากออกจากที่นี่ไปแล้ว สัตว์อสูรสงครามที่เขาสามารถเรียกออกมาได้ จะเหลืออยู่แค่สองตัวครึ่ง แถมพลังต่อสู้ก็จะลดลงไปจากตอนนี้มาก

สัตว์อสูรสงครามทั้งสิบปรากฏตัวพร้อมกับพลังต่อสู้ที่ทำให้ศัตรูสิ้นหวัง

ภายในเขตเดนลี้ลับแห่งนี้ ระดับโลกียนิพพานคือราชา

สัตว์อสูรสงครามทั้งสิบมีพลังต่อสู้อยู่ในระดับสี่นิพพานสูงสุด และไม่หวาดกลัวความตายหรือความเจ็บปวด เพราะงั้นเมื่อถูกห้อมล้อมโจมตีด้วยสัตว์อสูรสงครามทั้งสิบตนนี้ ใครบางจะไม่หวาดกลัว? แม้แต่ราชาในหมู่ราชาอย่างลั่วจ่างเฟิงหรือจื่อเหอปิงอวิ๋นก็ไม่มีข้อยกเว้น หากต้องปะทะกับสัตว์อสูรสงครามทั้งสิบภายในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ ต่อให้เป็นทั้งสองก็ทำได้เพียงล่าถอย

เชียนจ้าวหยางคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากต้านทานการโจมตีรอบทิศจากอสูรสงครามทั้งสิบอย่างสิ้นหวัง

ผู้คนที่อยู่โดยรอบ ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตกตะลึง

เหลือเชื่อ… เชียนจ้าวหยางที่เป็นถึงผู้สืบทอดตระกูลเชียนจ้าวและเป็นราชาในระดับสี่นิพพาน กำลังถูกสัตว์อสูรทั้งสิบตัวทุบตีอย่างไม่อาจตอบโต้!

ยิ่งกว่านั้นคือ สัตว์อสูรทั้งสิบนี้ก็เป็นแค่ทักษะของหลิงฮันเท่านั้น โดยที่หลิงฮันไม่ได้ลงมือสู้เองเลยแม้แต่น้อย

พระเจ้า… รุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดแบบใดกันแน่?

แต่เมื่อคิดดูดีๆแล้ว พลังของคนที่ล่วงเกินจื่อเหอปิงอวิ๋นแล้วยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ จะไปธรรมดาได้อย่างไร?

ผู้คนโดยรอบรู้สึกหวั่นเกรง โดยที่บางคนแอบรู้สึกโล่งอกที่พวกเขายังไม่ได้ลงมือกับหลิงฮัน

คนที่สามารถล่วงเกินขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ และยังมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ คงไม่ใช่ตัวตนที่พวกเขาจะจัดการได้จริงๆ

หลังจากนี้ก็ปล่อยให้จื่อเหอปิงอวิ๋นสะสางความแค้นของนางด้วยตัวเองดีกว่า การที่คิดจะประจบประแจงอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้น มีแต่จะนำพาภัยพิบัติเข้าสู่ตัวเอง

แต่ก็แน่นอนว่ายังมีคนบางส่วนที่มั่นใจว่าพลังของตนเองเหนือกว่าเชียนจ้าวหยาง และมีไพ่ลับที่ทรงพลังยิ่งกว่า พวกเขาไม่คิดว่าตนเองจะไม่สามารถสังหารหลิงฮันได้

“หลิงฮัน อย่าได้รังแกกันเกินไป!” เชียนจ้าวหยางตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเสี่ยงชีวิต เขาถูกสัตว์อสูรสงครามทั้งสิบไล่ต้อนจนรับมือไม่ไหว

“รังแกน้องสาวเจ้าสิ! ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าหรอกรึที่ลงมือกับข้าก่อน?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ ช่างไรเหตุผลอะไรอย่างนี้ หมอนี่คิดว่าตนเองมีสิทธิ์ลงมือกับเขาได้อยู่ฝ่ายเดียวงั้นรึ?

เชียนจ้าวหยางเผยสีหน้าโหดเหี้ยม หากเขาถูกสัตว์อสูรทั้งสิบตนนี้สังหารล่ะก็ เขาคงรู้สึกคับแค้นใจจนตายตาไม่หลับแน่ๆ เพราะงั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทุ่มสุดตัวเพื่อตอบโต้กลับ

ขอแค่สังหารหลิงฮันได้ ปัญหาทุกอย่างก็จะจบลง

เชียนจ้าวหยางตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และคำรามพุ่งทะยานเข้าหาหลิงฮัน

ปัง! ปัง! ปัง!

สัตว์อสูรสงครามทั้งสิบเคลื่อนที่มาล้อมรอบเชียนจ้าวหยางเพื่อขัดขวาง

พลังของสัตว์อสูรสงครามแต่ละตัวไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเชียนจ้าวหยาง ยิ่งพวกมันมีอยู่ด้วยกันถึงสิบตัวด้วยแล้ว เชียนจ้าวหยางจึงไม่สามารถบุกทะลวงผ่านไปได้

เขาส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด และเผาผลาญพลังชีวิต ทันใดนั้นโลหิตก็ไหลทะลวงออกมาจากปากของเขา พร้อมกับพลังต่อสู้ได้ยกระดับสูงขึ้นหลายเท่าตัว

การเผาผลาญพลังชีวิตหรือแก่นพลัง จะทำให้พลังต่อสู้ยกระดับขึ้นมาหลายเท่าในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

‘ตูม’ เขาปลดปล่อยการโจมตีพุ่งทะลวงเข้าหาหลิงฮัน

สัตว์อสูรทั้งสิบกระหน่ำโจมตี แต่เชียนจ้าวหยางก็เลือกที่จะหลบหลีกโดยไม่ตอบโต้อะไร เพราะหากมัวเสียเวลาอยู่กับพวกมัน เขาอาจจะถูกห้อมล้อมขวางทางอีกครั้ง

อั่ก!

เชียนจ้าวหยางกระอักโลหิตแทบจะตลอดเวลา ร่างของเขาพุ่งทะลวงเข้าหาหลิงฮันอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่สังหารหลิงฮันได้ สถานการณ์เสี่ยงตายในตอนนี้ก็จะสิ้นสุดลง