ระหว่างที่ทุกคนกำลังสั่นสะท้าน รายละเอียดทุกอย่างของกระบวนเฉือนเมื่อครู่นั้นก็ปรากฏขึ้นในใจหลินสวิน
การลงมือครั้งนี้ เพราะเขาอยากลองอานุภาพของมรดกอักษร ‘ยอด’ ดู ดังนั้นจึงไม่ได้ออมมือไว้ สำแดงวิชาทั้งหมดของตนออกมา
เช่นโทสะหยาจื้อ วิชาอริยะยุทธ์ รวมถึงนัยเร้นลับที่แข็งแกร่งเกินต้านทานของกฎเกณฑ์ธาตุน้ำ
ตอนนี้นึกย้อนไป การโจมตีนี้หากไม่มีมรดกอักษรยอดส่งเสริม อย่างมากก็สังหารขุนพลวิญญาณเพลิงได้ประมาณสี่สิบคน
นี่ก็หมายความว่า หากโคจรมรดกอักษรยอด อย่างน้อยก็ทำให้ตนเพิ่มพูนอานุภาพขึ้นได้ประมาณสองส่วนตอนใช้ดาบหัก!
แม้แตกต่างเพียงนิดแต่สุดท้ายกลับสร้างผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างยิ่งใหญ่ อานุภาพสองส่วนนี้ สำหรับผู้แข็งแกร่งอย่างหลินสวินแล้ว สามารถทำให้เกิดพลังพิฆาตเกินจินตนาการตอนต่อสู้ได้โดยสมบูรณ์
ทว่า…
ผลาญพลังมากเกินไปแล้ว!
เพียงการโจมตีเดียวก็ใช้พลังหนึ่งในสามของหลินสวินไปแล้ว
“เจ้าผ่านด่านแล้ว”
ไม่ทันไรขุนพลวิญญาณเพลิงเหล่านั้นก็ฟื้นคืนมาอีกครั้ง พวกเขาจำแลงมากจากกฎระเบียบ ขอเพียงกฎระเบียบในที่แห่งนี้ไม่ดับสูญไป พวกเขาก็ย่อมไม่อาจถูกฆ่าตายโดยสมบูรณ์
ทุกคนที่อึ้งค้างเหม่อลอยอยู่ต่างใจเต้นระส่ำ ได้สติกลับมา สายตาล้วนมองไปยังภูเขาไฟลุกโชนที่อยู่ไกลออกไปลูกนั้นโดยไม่ได้นัดหมาย
ที่นั่นมีเพลิงมรรคต้นกำเนิดลึกลับมากมายทะลักออกมา สำแดงรูปร่างแตกต่างกันไป
“สามารถสยบเพลิงมรรคต้นกำเนิดดวงไหนได้ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเอง” ขุนพลวิญญาณเพลิงที่เป็นหัวหน้าเอ่ยปาก
หลินสวินพยักหน้าแล้วพลันถามว่า “เก็บได้มากที่สุดกี่ชนิด”
ขุนพลวิญญาณเพลิงอึ้งไปก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นก็กล่าวอย่างเฉยชาว่า “ไม่จำกัด แต่เจ้าต้องรู้ว่ายามดูดซับเพลิงมรรคต้นกำเนิด ทันทีที่ไม่ระวังเพียงนิด ก็จะจบลงด้วยการที่ร่างและจิตถูกเผาไปด้วยกัน”
ความหมายโดยนัยก็คือ แม้เพลิงมรรคมีมาก แต่คิดจะดูดซับไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น อีกทั้งยังอันตรายมาก เจ้าเคลื่อนไหวโดยประมาณพลังจะดีที่สุด
หลินสวินยิ้มไม่ยี่หระ
สวบ!
เขาไม่ลังเล ทะยานฟ้าขึ้นไป
ตูมโครม!
ภูเขาไฟปะทุ หมื่นเพลิงทะยานขึ้นไปในอากาศ จักรวาลลุกโหม สรรพสิ่งดับสูญ
พอเข้าใกล้เบื้องหน้าภูเขาไฟที่ตั้งตระหง่านในฟ้าดินนี้จริงๆ ถึงยิ่งรู้ถึงความน่ากลัวของที่นี่ ในไออากาศมีแต่กลิ่นอายทำลายล้าง
ฉึก!
เพลิงมรรครูปร่างเหมือนทวนศึกสีเขียวทั้งเล่มสายหนึ่งแทงลงใส่หลินสวินที่เข้ามาใกล้อย่างแรง ดุดันอหังการ
สิ่งนี้คือเพลิงมรรคต้นกำเนิด เปื้อนโดนมันเพียงนิดเดียวก็จะลุกไหม้ทำลายร่างกาย แผดเผาจิตวิญญาณ น่ากลัวเป็นที่สุด
หลินสวินเรือนกายพริบไหว หลบพ้นแล้วเดินหน้าต่อไป
สายตาเขากวาดผ่านไปในห้วงอากาศ ก็เห็นว่าที่ปากภูเขาไฟ เพลิงมรรคต้นกำเนิดดวงแล้วดวงเล่าหวีดร้อง มีจำนวนนับร้อยนับพัน ประหนึ่งดาวตกที่ส่ายหางเปล่งประกาย งดงามมีสีสัน
ไม่ว่าใครเห็นเข้า เกรงว่าคงต้องการดูดซับพวกมันไปทีละดวง
หลินสวินก็ต้องการ แต่กลับรู้ดีว่าเพลิงมรรคต้นกำเนิดแต่ละดวงนี้ล้วนเก็บซ่อนกลิ่นอายทำลายล้างที่น่าหวาดหวั่น ต้องเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ
หาไม่แล้วเป็นไปได้สูงยิ่งที่จะไม่ได้วาสนาไป แต่กลับประสบเคราะห์แทน!
เขาโคจรพลังทั้งร่าง ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเดินหน้าไป สัมผัสและเสาะหาอยู่ตลอด ราวกับนายพรานมากประสบการณ์และปราดเปรื่องกำลังเสาะหาเหยื่อที่ต้องใจตนที่สุด
ในระหว่างนี้เพลิงมรรคหนาแน่นกระจัดกระจายออกมาราวรุ้งเทพ เข้าจู่โจมหลินสวินอยู่ตลอด ประหนึ่งกำลังต่อต้านผลักไสไม่ให้เขาเข้าใกล้
สิ่งนี้ทำให้พวกจี้ซิงเหยาที่จับตามองตลอดห่างออกไปล้วนตึงเครียดไปทั้งตัว ตั้งสติจดจ่อ อันตรายเกินไปแล้ว!
เพลิงมรรคต้นกำเนิด มีเพียงต้องสยบมันลงมาให้ได้เท่านั้นจึงจะถูกผู้ฝึกปราณครอบครอง แต่ตอนที่ยังสยบมันไม่ได้ สิ่งนี้ก็คือพลังน่าหวาดหวั่นไม่มีที่สิ้นสุดชนิดหนึ่ง
จากพลังต่อสู้ของหลินสวิน น่าจะสยบเพลิงมรรคต้นกำเนิดได้มากกว่าดวงเดียว แต่จวบจนตอนนี้เขากลับยังไม่ลงมือ พุ่งเข้าประชิดปากภูเขาไฟอยู่ตลอด
ปากภูเขาไฟนั้นมีเพลิงมรรคต้นกำเนิดนับร้อยนับพันเริงระบำ ไม่ด้อยไปกว่าด่านเคราะห์น่าครั่นคร้ามเป็นด่านๆ ทันทีที่ต้องโดน จุดจบย่อมน่าหดหู่หาใดเทียบ!
“เขา… คิดจะทำอะไรกันแน่”
หลายคนไม่เข้าใจ
หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาคงลงมือไปนานแล้ว สยบเพลิงมรรคต้นกำเนิดได้ดวงหนึ่งค่อยว่ากัน ถึงอย่างไรก็อันตรายเกินไป คว้าผลประโยชน์ได้เร็วเท่าไรก็สามารถถอนตัวได้เร็วเท่านั้น
แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินมีความคิดอย่างอื่น
เงาร่างหลินสวินมาถึงปากภูเขาไฟทีละน้อย เขาในตอนนี้ได้โคจรก้าวย่างชือน้ำแข็งถึงขีดสุดแล้ว เงาร่างราวมายาดุจแสงไหวเคลื่อนแสงหนึ่ง หลบหนีไม่ว่างเว้น
เพราะที่นี่มีเพลิงมรรคมากเกินไป ทันทีที่เคลื่อนไหวช้าลงนิดเดียวก็จะถูกปกคลุม!
“ทำไมถึงไม่มีเพลิงมรรคฟ้าประทานนะ”
หลินสวินนิ่วหน้า เขาเสาะหามาพักใหญ่แล้ว แต่กลับหาเพลิงมรรคที่ตนต้องการไม่พบ
เพลิงมรรคฟ้าประทานเป็นเพลิงมรรคต้นกำเนิดที่คุณลักษณะดีที่สุด แม้บังเอิญพบเจอได้แต่ก็ไม่อาจร้องขอ
เทียบกับเพลิงมรรคต้นกำเนิดทั่วไป เพลิงมรรคฟ้าประทานมีจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ ประหนึ่งมีชีวิต
ในข่าวลือ เพลิงมรรคต้นกำเนิดบางดวงถึงกับยังสามารถให้กำเนิด ‘ลายมรรค’ ที่แท้จริงออกมาได้!
ในที่สุดหลินสวินก็ทอดสายตามองลงไปเบื้องล่างของปากภูเขาไฟ
ที่นั่นเปล่งประกายหาใดเทียบ แสงไฟประหนึ่งกระแสน้ำปั่นป่วน น่าหวาดหวั่นถึงที่สุด มีเพลิงมรรคไม่รู้เท่าไรพลิ้วระบำอยู่ภายใน
หือ?
ไม่นานนักหลินสวินก็ดวงตานิ่งขึง
ในครรลองสายตาของเขา เมื่อครู่มีเพลิงมรรคอัศจรรย์ดวงหนึ่งไหววูบแล้วหายไป มันมีรูปร่างเหมือนม้วนหนังสือหยกขาวเล่มหนึ่ง แสงไฟที่พร่างพรมออกมาแปรสภาพเป็นคัมภีร์หน้าแล้วหน้าเล่า ปรากฏการณ์ประหลาดน่าตื่นตะลึง!
เพลิงมรรคดวงหนึ่งกลับแปรสภาพเป็นรูปเล่มคัมภีร์ แม้แต่หลินสวินยังสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ แทบไม่กล้าเชื่อ
แม้ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สัญชาตญาณบอกหลินสวินว่านั่นต้องไปเพลิงมรรคฟ้าประทานดวงหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขา!
สวบ!
ไม่นานนักเพลิงมรรคอีกดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ดึงดูดความสนใจของหลินสวิน
มันแปรสภาพเป็นกวางห้าสีตัวหนึ่ง บึกบึนงดงาม เหมือนมีชีวิตจริง ส่งเสียงร้องของกวางออกมา ก้าวย่างกลางทะเพลิง สง่างามและผุดผ่อง
น่าเสียดายที่ไหววูบแล้วก็หายไปดังเดิม
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้หลินสวินไม่อาจสงบใจได้อยู่ดี เพราะนี่ก็เป็นเพลิงมรรคฟ้าประทานอีกดวง!
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ดวงตาดำวูบไหว แววตาที่มองไปยังใต้ภูเขานั้นแปรเปลี่ยนไปไม่แน่วนิ่ง คล้ายลังเลอยู่
“แย่แล้ว! นี่พี่หลินคิดจะเข้าไปข้างในภูเขาไฟนั่นหรือ”
ไกลออกไป เจิ้นอวิ๋นเฟิงตื่นตระหนก
คนอื่นๆ ก็กังวลใจขึ้นมา สับสนไปชั่วขณะหนึ่ง ความกล้าของเทพมารหลินผู้นี้จะมากเกินไปแล้วจริงๆ มีเพลิงมรรคต้นกำเนิดมากมายขนาดนั้นยังไม่สนใจ คิดจะเข้าไปสำรวจเบื้องล่างของภูเขาไฟนั่นเสียได้!
“นี่มีอะไรเสียหายกัน โอกาสเช่นนี้มีเพียงครั้งเดียว หากเปลี่ยนข้าเป็นเขาก็ต้องเสาะหาศุภโชคที่พึงพอใจที่สุดชิ้นหนึ่ง!”
เจ้าคางคกร้องขึ้น ไม่พอใจต่อปฏิกิริยาของทุกคนนัก ทำเหมือนหลินสวินจะประสบเคราะห์ไปได้
“พวกข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ แต่เป็นห่วงสวัสดิภาพของสหายยุทธ์หลินสวินมาก ถึงอย่างไรหากเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้น เช่นนั้นก็คง…”
สุดท้ายอิ๋นเสวี่ยก็ไม่พูดออกมา
แต่ทุกคนรู้ความหมายของนางดี ก็จริง นี่มันเสี่ยงเกินไปแล้ว!
แต่เรื่องราวไม่เป็นไปดั่งใจของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางสายตาของพวกเขาที่จับจ้อง เงาร่างของหลินสวินพุ่งเข้าไปเบื้องล่างภูเขาไฟแล้ว
ครู่เดียวเจ้าคางคกก็เงียบไป ในใจรัดเกร็ง ไม่อาจไม่เป็นห่วงหลินสวิน
……
ตูมครืน!
คลื่นเพลิงม้วนตลบ ร้อนผ่าวไม่มีที่สิ้นสุด ส่งเสียงอึกทึกราวอสนีบาต
ร้อน!
ร้อนหาใดเทียบ!
ในขณะที่พุ่งเข้าไปในภูเขาไฟ หลินสวินรู้สึกเหมือนตัวเขาจะหลอมละลายไป แม้รวมพลังปราณทั้งหมด ผิวหนังทั้งตัวก็เจ็บปวดเหมือนโดนลวกอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่เขากัดฟันยังทนไว้ได้
ยิ่งเป็นศุภโชคเย้ยฟ้า อันตรายที่มาพร้อมกันก็ยิ่งใหญ่หลวง
เรื่องนี้หลินสวินรู้ดีกว่าใครๆ
เขาไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างบุ่มบ่าม หากประสบกับภยันตรายที่ไม่อาจต้านทานได้จริงๆ ย่อมถอยกลับทันที
สวบ!
เพลิงมรรคสีม่วงรูปร่างเหมือนม้วนภาพดวงหนึ่งโฉบพุ่งออกมา ยามขยายออกประหนึ่งซัดแดนเพลิงออกมาผืนหนึ่ง ภายในมีภูผาธาราสุริยันจันทรา อักษรรอยประทับเต็มไปหมด!
ภาพเดียวก็เหมือนโลกแห่งหนึ่ง!
และนี่เป็นเพียงสิ่งที่เพลิงมรรคดวงหนึ่งแปรสภาพออกมาเท่านั้น
นี่ต้องเป็นเพลิงมรรคฟ้าประทานดวงหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!
แม้หลินสวินใจเต้น แต่กลับไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม เขากระตุ้นพลังในตัวถึงขีดสุด ถึงพอจะฝืนสลายกระแสเพลิงทำลายล้างที่มีไปทั่วอากาศได้
ลงไปอีก
สิบจั้ง
สามสิบจั้ง
ห้าสิบ
…
หลินสวินเพียงรู้สึกว่ามีควันพ่นออกมาจากปากและจมูก จิตวิญญาณเหมือนจมเข้าไปในทะเลเพลิง พลังแผดเผาที่มีอยู่ทั่วทำให้เขากำลังจะรับไม่ไหวแล้ว
แล้วก็ในตอนนี้เอง หลินสวินถึงเห็นภาพน่าเหลือเชื่อภาพหนึ่ง
ในทะเลเพลิงถาโถมนั้น พอมองเห็นได้รางๆ ว่ามีเตาหลอมเตาหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ไม่ว่าคลื่นเพลิงจู่โจมเช่นไรก็ไม่ไหวติง
และโดยรอบเตาเพลิง คัมภีร์หยกขาวเล่มหนึ่ง กวางห้าสีตัวหนึ่ง ม้วนภาพสีม่วงม้วนหนึ่ง โคมทองดวงหนึ่ง บรรทัดดำเล่มหนึ่ง… ต่างล่องลอยเริงระบำอยู่ด้วยกัน
พวกนี้ต่างเป็นสิ่งที่แปรสภาพมาจากเพลิงมรรคฟ้าประทาน!
แม้แต่หลินสวินยังนัยน์ตาหดรัดทันใด คลื่นความตื่นตะลึงผุดขึ้นในจิตใจ
เพียงแค่เพลิงมรรคต้นกำเนิดก็สูญสิ้นไปจากดินแดนรกร้างโบราณไปนานแล้ว ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันผู้ใดก็ใฝ่ฝันถวิลหา
ส่วนเพลิงมรรคฟ้าประทาน ใช้คำว่าต่อให้บังเอิญพบเจอได้แต่ก็ไม่อาจร้องขอมาบรรยายได้โดยสมบูรณ์ เป็นมหาศุภโชคที่แท้จริง
ตอนนี้ด้านใต้ภูเขาไฟ กลับมีเพลิงมรรคฟ้าประทานห้าดวงปรากฏขึ้นด้วยกัน!
ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ พวกมันต่างเหมือนมีวิญญาณ ล้อมรอบเตาหลอมหนึ่งเตา!
ภาพนี้หากถูกอริยะในปัจจุบันเห็นเข้า เกรงว่าคงต้องสั่นสะท้านเพราะสิ่งนี้แน่
หลินสวินพยายามข่มอารมณ์ให้สุขุมเยือกเย็น ในที่สุดก็ทอดสายตามองไปยังเตาหลอมเตานั้น
ยามตรวจสอบโดยละเอียด ในสมองเขาพลันเกิดความรู้สึกเหมือนเคยเห็นมาก่อน จากนั้นก็นึกออกทันทีว่า ตั้งแต่ตอนมาถึงหน้าเจดีย์หิน เขาก็ได้เห็นเตาหลอมนี้แล้ว!
ตอนนั้นเขาใช้จิตรับรู้พินิจพิเคราะห์เจดีย์ แต่กลับเห็นภาพที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
กลางฟ้าดินสรรพสิ่งดับสูญ มีเพียงเตาเพลิงเตาหนึ่งลุกโชนเร่าร้อน หลักการฟ้าดิน สุริยันจันทราธารดาราต่างๆ ล้วนถูกหลอมจนว่างเปล่า
ร่องรอยกาลเวลา วงโคจรของห้วงอากาศล้วนเหมือนไม่มีอยู่
ตาเพลิงเตานั้นเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่มั่นคงและไม่ผุพัง!
และตอนนี้หลินสวินถึงรู้ว่าสิ่งที่ตนเห็นไม่ได้เป็นภาพมายา แต่มีอยู่จริง เตาเพลิงนี้ซ่อนอยู่ใต้ภูเขาไฟนี้เอง
อีกทั้งด้วยการสำรวจ หลินสวินก็ได้คำตอบที่ทำให้ตนใจสั่นเพราะมันมาอย่างหนึ่ง เตาหลอมนี้แปรสภาพมาจากเพลิงมรรคดวงหนึ่ง!
เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่อเกินไป!
เป็นเพลิงมรรคเหมือนกัน แต่เพลิงมรรคฟ้าประทานดวงอื่นกลับล้อมรอบเหมือนข้าบริพาร ยิ่งขับเน้นความไม่ธรรมดาและอัศจรรย์ของเพลิงมรรคเตาหลอมนี้
ทั้งหมดนี้ล้วนสามารถพิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขาว่า อย่างน้อยเพลิงมรรคเตาหลอมนี้ก็ต้องเป็นเพลิงมรรคระดับฟ้าประทาน ทั้งยังน่าตื่นตะลึงกว่าเพลิงมรรคฟ้าประทานดวงอื่น!
——