คนขับรถรีบออกรถ มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลชุมชน

เย่เฉินที่นั่งข้างที่นั่งคนขับบอกหม่าหลันว่า “แม่ครับ ผมโทรหาชูหรันแล้วนะ ตอนนี้เธอกำลังมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลชุมชน เดี๋ยวจะพาแม่ไปตรวจขาก่อนนะ”

หม่าหลันแค่นเสียงหึด้วยความแค้น จากนั้นหันหัวควับไปมองนอกหน้าต่าง บ่นค่อนแคะว่า “ลูกเขยอย่างเธอนี่ไม่มีประโยชน์เลยนะ ดีแต่หาเรื่องให้ฉัน!”

เย่เฉินแกล้งถาม “แม่ครับ หมายความว่าไงน่ะ? ผมไปหาเรื่องอะไรให้แม่หรอ?”

หม่าหลันมองผ่านกระจกหลัง ถลึงตาใส่เขา พูดเสียงเย็นว่า “อย่ามาถาม! ไปคิดเอาเอง ถามไปฉันก็ไม่ตอบ!”

หม่าหลันโดนตำรวจเตือนหลายรอบแล้ว ตอนนี้ไม่กล้าใส่อารมณ์ใส่เย่เฉินหรอก ได้แต่บ่นพึมพำระบายอารมณ์แบบนี้แหละ

เย่เฉินรู้ดีว่าใจแม่ยายตนคิดอะไรอยู่ เลยแกล้งบอก “ขอโทษครับ ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าผมก่อเรื่องอะไรให้แม่น่ะ”

หม่าหลันโกรธจนพองลม หลายครั้งที่อยากโพล่งด่าเย่เฉินออกไป แต่สุดท้ายก็กล้ำกลืนลงคอไป เหมือนมีอะไรติดค้างอยู่กลางคอ

ดังนั้นเธอเลยทำได้แค่ไม่ไปคิดเรื่องนี้ชั่วคราว บังคับตัวเองให้หันมาคุยเรื่องเซียวฉางควน เอ่ยปากถามขึ้นเลย “พ่อแกไปกินเลี้ยงกับใครล่ะ? ไปเมื่อไหร่?”

เย่เฉินบอก “ไปเมื่อเช้าครับ แต่ไปกับใครนี่ผมก็ไม่รู้ เพราะผมไม่ได้ถามเขา”

เย่เฉินรู้ดีแก่ใจ ถ้าแม่ยายตัวเองรู้ว่าสามีตนไปกินเลี้ยงกับรักแรกและเพื่อนร่วมรุ่น ตอนนี้ต้องโกรธจนคว่ำรถแน่

ดังนั้นเขาเลยแกล้งโง่ ให้เธอไปถามสามีตัวเองเอาเอา เขาไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับปัญหารักสามเศร้าแบบนี้หรอก

หม่าหลันโกรธมาก ด่าออกปากว่า “ช่วงก่อนพึ่งไปไม่ใช่หรือไง? ทำไมไปอีกแล้ว? ดูท่าสองวันมานี้ที่ฉันโดนขังในสถานกักขัง เขาจะอยู่สุขสบายมากเลยนะ!”

ระหว่างพูด หม่าหลันหยิบมือถือออกมาโทรหาเซียวฉางควน

ในตอนนี้ เซียวฉางควรอยู่ที่คลับเฮาส์ฮุยหวงกินเลี้ยงอย่างสนุกสนานกับหายเหม่ยฉิงและเพื่อนนักเรียนกลุ่มใหญ่

ตัวเซียวฉางควรอารมณ์ดีมาก เพราะเพื่อนนักเรียนเก่ารวมถึงเซี่ยเหวินหรู ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีกเลย

ลุงวีเห็นแก่หน้าเย่เฉิน ลงทุนมาบริการเซียวฉางควรและเพื่อนนักเรียนของเขาด้วยตัวเองเลย ซึ่งมันเป็นเกียรติที่หาได้ยากมากในจินหลิง

ดังนั้นพวกเพื่อนนักเรียนของเซียวฉางควนเลยมองเขาใหม่ด้วยความทึ่ง

อาหารกลางวันที่ทุกคนมากินด้วยกันที่คลับมันเพอร์เฟคมาก เพราะทุกคนกำลังสนุกกัน ดังนั้นหานเหม่ยฉิงเลยจองห้องวีไอพีของคลับเฮาส์ฮุยหวง ให้ทุกคนมาดื่มกินร้องเพลงกัน

ห้องKTVของคลับเฮาส์ฮุยหวงเรียกได้ว่าบรรยากาศดีที่สุดในจินหลิงเลย เพื่อนนักเรียนหลายสิบคนรวมตัวกันยังไม่แออัดเลย แถมยังรู้สึกโอ่โถงอีก การตกแต่งด้านในก็หรูหราเอามากๆ เฟอร์นิเจอร์นำสมัยและสบาย

มีอย่างเดียวที่ไม่ดีคือ คนมากินเลี้ยงมากเกินไป ทุกคนระดมกดเลือกเพลงรัวๆ ดังนั้นจะร้องเพลงทีต้องต่อคิวยาว

เซียวฉางควนกดเลือกเพลง 《คนรักรู้ใจ》ไว้เพลงหนึ่ง ผ่านไปกว่าครึ่งชม.กว่าจะถึงเพลงนี้ของเขา ดังนั้นเขาหยิบไมค์ขึ้นมา จากนั้นก็ยื่นอีกไมค์ให้หานเหม่ยฉิง เย้าว่า “เหมยฉิง พวกเรามาร้องเพลงนี้ด้วยกันนะ”

《คนรักรู้ใจ》เดิมเป็นเพลงรักร้องคู่ และยังดังในหมู่คนรุ่นพวกเขาด้วย

แถมนักร้องสองคนต้นฉบับ เป็นสามีภรรยากันจริงๆ ดังนั้นยิ่งทำให้เพลงนี้ทวีความหวานยิ่งขึ้น

พวกเพื่อนนักเรียนเห็นเซียวฉางควนเลือกเพลงนี้ แถมยังเชิญหานเหมยฉิงมาร้องกับเขาด้วย ก็พร้อมใจกันเฮโลแซวขึ้นมา

บางคนบอก “ไอ้หยาฉางควน นายจงใจเลือกเพลงนี้ แถมยังให้สาวสวยประจำรุ่นของพวกเราอย่างเหมยฉิงร้องด้วย คิดอะไรเนี่ย?”

มีคนบอกอีก “แหม เขาคิดอะไรนายยังไม่รู้อีกหรอไง? ไม่ต้องพูดก็รู้กันอยู่แล้วมั้ง”

บางคนยังออกปากแซวเซียวฉางควนว่า “ไอ้หยา ฉางควนกับเหมยฉิงเดิมก็เป็นคู่กัน ไม่เจอกันมายี่สิบกว่าปี ร้องเพลงนี้มาด้วยกันตลอด ก็ต้องร้องด้วยกันอีกสิ!”

เซียวฉางควนได้ยินคำนี้ ยิ้มร่าหน้าบานเป็นจานเชิง

เขาในตอนนี้คิดไม่ถึงจริงๆว่า ฝันร้ายกำลังมา!

——