เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพวกเขามองเห็นศักยภาพและการพัฒนาการที่น่ากลัวของเทียนหวูเชว ทันทีที่ปล่อยให้เขาบรรลุถึงแดนเทพมาร เขาจะเป็นบุคคลที่น่ากลัวมาก ๆ มีศักยภาพมากอย่างไร้ที่สิ้นสุด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงวางแผนจะใช้โอกาสนี้กำจัดเทียนหวูเชว ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

เนื่องจากทุกคนต่างรู้ดีมาก ๆ ว่าเทียนหวูเชวมีร่างแด่เทพเจ้า นี่จึงทำให้เขาสามารถเคี่ยวกรำรากฐานอยู่ในมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 เรื่อย ๆ อย่างอุกอาจ เมื่ออยู่ภายในโลกเซียนเสวียนเทียน ผลการฝึกตนของทุกคนล้วนถูกกดอัด จุดที่น่าเกรงขามของเทียนหวูเชวจึงปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งอย่างจ้าวแห่งฝ่าเทียนยังมองว่าเขาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ

“จ้าวแห่งฝ่าเทียน หากอยู่ข้างนอก เพียงนิ้วเดียวเจ้าก็สามารถบดขยี้ข้าให้ตายได้แล้ว แต่เมื่ออยู่ในโลกเซียนเสวียนเทียน ผลการฝึกตนของเจ้าและข้าอยู่ในแดนเดียวกัน เจ้าจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”

จิตใจของเทียนหวูเชวเบิกบานเต็มอิ่ม หัวเราะเสียงดัง พื้นที่บริเวณโดยรอบร้อยไมล์แตกสลายดับสูญอย่างไม่หยุดหย่อน ก่อนที่มันจะพัฒนาไปเป็นพลังทำลายล้างห้วงเวลาที่สุดสยดสยอง

เห็นได้ชัดเจนเลยว่ากฎที่เทียนหวูเชวฝึกคือกฎปริภูมิ อีกทั้งยังฝึกถึงแดนที่สูงลึกมาก ๆ ด้วย

“ผู้น้อย ต่อให้เจ้าที่อยู่ในแดนเดียวกันจะแข็งแกร่งกว่าแล้วอย่างไร? มีร่างเนื้อของเจ้านภาอยู่ที่นี่ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าได้ทำตัวอุกอาจแน่นอน!”

จ้าวแห่งฝ่าเทียนตะคอกด้วยความโกรธเคือง ภายใต้การควบคุม ร่างเนื้อเจ้านภายื่นมือใหญ่ออกมา ออกแรงกดลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า

“หยุดนิ่งซะ!”

ร่างเนื้อเจ้านภาปลดปล่อยพลานุภาพ ราวกับเทพฟ้าฟื้นคืนชีพ อากาศว่างเปล่าที่พังทลายดับสูญในพื้นที่บริเวณโดยรอบหนึ่งร้อยไมล์หยุดนิ่งลงไปในทันที

ถัดจากนั้นร่างเนื้อเจ้านภาก้าวเท้ายาวออกไป อ้าปากแล้วพ่นแสงเทวออกมา ราวกับดาวตกฟ้าแลบ โจมตีไปทางเทียนหวูเชว

“คิดว่าสำนักเซียนไร้เจตสิกของข้าไม่มีอัญเทพฟ้าอย่างนั้นหรือ?”

เทียนหวูเชวสงบนิ่งมาก เห็นเพียงตรงหว่างคิ้วของเขามีรอยแตกแยกออก ก่อนที่จะมีกระจกเทพหนึ่งบานบินออกมา

แสงเทวกระทบลงบนกระจกเทพ แสงเทวจึงสะท้อนย้อนกลับไปภายในพริบตา ย้อนทะลวงฆ่าไปทางร่างเนื้อเจ้านภานั่น

กระจกเทพบานนี้แผ่กลิ่นอายออร่าเทพฟ้าที่ลึกลับจนมิอาจคาดเดาได้ออกไป เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันก็เป็นอัญเทพฟ้าชิ้นหนึ่งเช่นกัน เป็นอัญบัลลังก์แห่งสำนักของสำนักเซียนไร้เจตสิก ซึ่งมีนามว่าแดนเซียนไร้เจตสิก!

หากพูดในมุมทั่ว ๆ ไป อย่าว่าแต่ผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เลย ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารก็ยากที่จะกระตุ้นพลานุภาพของอัญเทพฟ้าออกมาได้

ภายใต้สถานการณ์ที่ผลการฝึกตนถูกกดอัดลงมาที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ จ้าวแห่งฝ่าเทียนนั่นก็ไม่สามารถผดุงพลังที่สูญเสียไปของร่างเนื้อเจ้านภาได้นานเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเทียนหวูเชวใช้กระจกเทพสะท้อนพลังโจมตีกลับมา สีหน้าเขาจึงเปลี่ยนไปในทันที

ปกติเขาเคยชินกับผลการฝึกตนระดับเทพฟ้า การจะกระตุ้นร่างเนื้อเจ้านภานั้นจึงทำตามใจปรารถนาได้ อีกทั้งทำได้ง่ายดายมากด้วย

แต่บัดนี้ร่างเขาอยู่ในโลกเซียนเสวียนเทียน ผลการฝึกตนถูกกดอัดอยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 กระตุ้นร่างเนื้อเจ้านภาได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงผลการฝึกตนที่ไม่ดีพอ มีใจที่จะควบคุมร่างเนื้อเจ้านภาโจมตีกลับ แต่ทว่าเขากลับไม่มีเวทย์มากระตุ้นร่างนี้แล้ว

“ให้ตายเถอะ!”

จ้าวแห่งฝ่าเทียนโกรธเกรี้ยวอย่างมาก แสงเทวที่สะท้อนกลับมาโจมตีเข้ากับร่างเนื้อเจ้านภาจนเสียงดังเลื่อนลั่น ทำให้ร่างยักษ์ใหญ่ที่สูงเกือบเจ็ดพันเมตรตัวนี้โดนยิงจนกระเด็นออกไป

ในขณะเดียวกัน เนื่องจากผลการฝึกตนของจ้าวแห่งฝ่าเทียนแทบจะแห้งเหือดหมดแล้ว ร่างเนื้อเจ้านภานี้ก็เริ่มหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นลำแสงเล็ก ๆ ในที่สุด และหายเข้าไปตรงหว่างคิ้วของจ้าวแห่งฝ่าเทียน

เมื่อมองย้อนกลับไปที่เทียนหวูเชว เขากลับระมัดระวังอย่างมาก หลังจากที่กระจกเทพไร้เจตสิกต้านทานแสงเทวไว้แล้ว ถัดจากนั้นเขาก็เก็บมันกลับเข้ามาตรงกลางหว่างคิ้วใหม่ ถึงแม้ผลการฝึกตนจะสูญเสียไปไม่น้อย แต่สภาพของเขาก็ไม่ถึงขั้นน่าเวทนาอย่างจ้าวแห่งฝ่าเทียนที่แทบจะไม่มีผลการฝึกตนให้ใช้แล้ว

“จ้าวแห่งฝ่าเทียน ข้าบอกแล้วว่าเจ้ามิใช่คู่ต่อสู้กับข้า เหตุใดเจ้าถึงไม่เชื่อเล่า?”

เทียนหวูเชวหัวเราะเสียงดังลั่น เขาไม่ได้ลงมือโจมตีเทียนหวูเชวต่อแต่อย่างใด พาผู้อาวุโสไท่ซ่างสิบกว่าคนเดินลอยหน้าลอยตาเชิดออกไป ประชิดเข้าไปใกล้ประตูใหญ่ของวังราชาเทพ

มาตรแม้นว่าผลการฝึกตนในตอนนี้ของจ้าวแห่งฝ่าเทียนจะสูญเสียไปเยอะมาก ๆ แต่ถึงอย่างไรตัวเขาเองก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาอยู่ ซึ่งตัวเทียนหวูเชวเองก็ทราบดีเช่นกันว่ามากสุดตนก็แค่สามารถเอาชนะเขา แต่ไม่มีทางสังหารเขาอยู่ในนี้ได้แน่นอน