เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ไปสู้ต่อเพื่อให้เสียเวลา มุ่งหน้าตรงไปยังสำนักเต๋าเสวียนเทียน

“รากฐานของเทียนหวูเชวนั่นถูกเคี่ยวจนสำเร็จแล้ว ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ แม้แต่จ้าวแห่งฝ่าเทียนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เจ้าศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่มา เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถแก่งแย่งกับเขาได้แล้วล่ะ”

ฝั่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสไท่ซ่างต่างดูตึงเครียดอย่างมาก

ทุกครั้งที่โลกเซียนเสวียนเทียนเปิดออก การช่วงชิงแก่งแย่งสำนักเต๋าเสวียนเทียนเป็นช่วงที่ดุเดือดมากที่สุดแล้ว ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่งต่างมีการแบ่งแยกแพ้ชนะ แต่ทว่ากลับไม่เคยมีผู้ใดสามารถยึดครองสำนักเต๋าเสวียนเทียนได้เลย

ดังนั้นทุกคนจึงเข้าใจเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือมีเพียงผู้ที่สั่งสมพลังความสามารถอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้ลึกซึ้ง ถึงสามารถสยบสำนักเต๋าเสวียนเทียนนี้ได้

แต่ในส่วนของเรื่องที่ว่าพลังความสามารถต้องลึกซึ้งถึงระดับใดนั้น กลับมิอาจทราบได้เลย อย่างน้อยเทพฟ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ล้วนเคยทดสอบแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดมีความสามารถยึดครองสำนักเต๋าเสวียนเทียนได้เลย

อย่างไรก็ตามปัจจุบันกลับมีเทียนหวูเชวนี่บังเกิด คนดังกล่าวเป็นแค่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 แต่พลังความสามารถที่สั่งสมมามีลึกซึ้งมากจนเทพฟ้ายังรู้สึกอาย บางทีเขาอาจจะมีโอกาสได้ครอบครองสำนักเต๋าเสวียนเทียนนี้ก็เป็นได้

หากให้เวลาเทียนหวูเชวได้ฝึกตนถึงเทพมารหรือแดนเทพฟ้า บวกกับมีสำนักเต๋าเสวียนเทียนอยู่ในเงื้อมมือละก็ ใต้หล้านี้จะยังมีผู้ใดที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา? เกรงว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่งคงต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดของสำนักเซียนไร้เจตสิกแล้วล่ะ

“โครม!”

วิหคยักษ์ปีกทองที่กลายมาจากจ้าวปีศาจมารเปิดศึกเข่นฆ่ากับเทียนหวูเชวอยู่ตรงหน้าประตูวังเซียนอย่างดุเดือด จ้าวปีศาจมารเรียนรู้ความผิดพลาดจากจ้าวแห่งฝ่าเทียน ไม่ยอมใช้อัญเทพฟ้าง่าย ๆ แต่เป็นการใช้ศักยภาพความสามารถของตนต่อกรกับเทียนหวูเชว

ปีศาจมารคนนี้สมกับที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้าจริง ๆ สามารถใช้พลังอมตะที่ทรงพลังได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้อาวุโสไท่ซ่างสิบกว่าคนในสำนักเซียนไร้เจตสิกถูกโจมตีจนถอยหลังกลับไปหมด กระอักเลือดและบาดเจ็บสาหัส

อย่างไรก็ตามศักยภาพของเทียนหวูเชวกลับแข็งแกร่งกว่าการคาดหมายของทุกคนมาก ๆ ศักยภาพของเขาแทบจะไม่ต่างอะไรจากจ้าวปีศาจมารเลย เผลอ ๆ อาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ เริ่มเห็นได้ลาง ๆ แล้วว่าเขาเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบกว่า

และในตอนนี้เอง ก็มีเงาดำร่างหนึ่งลอยล่องมา ร่วงลงตรงหน้าประตูใหญ่วังราชาเทพ กวาดตามองสำนักเต๋าเสวียนเทียนนั่นอย่างรู้สึกสนใจ

คนดังกล่าวคือชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ตัวสูงดูมีพลัง สะอาดสะอ้านใบหน้างามดุจหยก สวมมงกุฎหยกอยู่บนศีรษะ ใส่ชุดคลุมดาว เท้าเหยียบก้อนเมฆ มีรอยยิ้มจาง ๆ อยู่ตรงมุมปาก

“ผู้น้อยจากที่ใด ไสหัวไปซะ!”

ผู้อาวุโสไท่ซ่างคนหนึ่งในสำนักเซียนไร้เจตสิกพุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับตวาดอย่างโกรธเคือง กระบี่เทพพุ่งออกมาจากหว่างคิ้ว เห็นได้เลยว่ามันคือสมบัติแห่งเทพฟ้า

ศักยภาพของเขาไม่ดีพอ ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างเทียนหวูเชวและจ้าวปีศาจมาร แต่วินาทีนี้เมื่อเห็นว่าผู้น้อยคนหนึ่งบังอาจปรากฏอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่วังเซียน เขาจึงจะรีบลงมือสังหารชายหนุ่มดังกล่าว

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าที่เดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ชายหนุ่มกลับดูเรียบนิ่งไม่เกรงกลัวเลย และเบื่อที่จะหันไปมองฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ

จนกระทั่งกระบี่เทพฟาดฟันมาตรงหน้า เขาถึงจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาและดีดนิ้วทีหนึ่ง

“ตั่ง!”

กระบี่เทพกระเด็นออกไปโดยนิ้วมือเดียวของเขา พลังที่เกะกะระรานเคลื่อนผ่านกระบี่เทพแล้วส่งต่อไปยังร่างกายของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าคนนั้น ชั่วพริบตาเดียวทำให้เสื้อผ้าบนตัวเขาระเบิดแตกฉีกขาดหมด เลือดอาบท่วมตัว บาดเจ็บสาหัสในลมหายใจเดียว

ถัดจากนั้น เห็นเพียงชายหนุ่มพลิกฝ่ามือกลางอากาศทีหนึ่ง จากพลังแห่งกฎกลายเป็นหอคอย 36 ชั้นหนึ่งหลัง ก่อนที่มันจะตกหล่นลงมาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น กดทับร่างกายของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าคนนี้ไว้ใต้หอคอย บดขยี้อย่างต่อเนื่องจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

ในโลกเซียนเสวียนเทียน ถึงแม้ผลการฝึกตน ร่างเนื้อและพลังตัวสำนึกล้วนถูกกดอัดลงไปที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 แต่ถึงอย่างไรชายชราผู้นั้นก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้าอยู่ ธรรมชาติของร่างเนื้อก็เป็นกายแห่งเทพฟ้าอยู่ แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก สภาพอนาถมากจนทนดูไม่ได้ แต่ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขากลับยังไม่ตายจากไป