ไม่ไกลจากทางเข้าออกของหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา เวลานี้กลุ่มคนมากกว่าสิบกำลังประจำอยู่ พวกเขาสวมหน้ากากบดบังใบหน้าซึ่งเผยให้เห็นเพียงดวงตาและส่วนใต้จมูกเท่านั้น อาภรณ์สีดำสนิทที่พวกเขาสวมใส่อยู่ก็พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาล้วนมาจากกลุ่มเดียวกัน
“ท่านพี่ หมอกหายไปแล้ว”
หนึ่งในนั้นก้าวออกมาข้างหน้าเมื่อมองเห็นหมอกที่เบาเบาลง
“ในเมื่อหมอกหายไปแล้ว คนพวกนั้นก็คงจะออกมาเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมีฝีมือมากถึงเพียงนั้นและสามารถคลี่คลายวิกฤตของหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาได้สำเร็จ”
ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเป็นจอมยุทธ์ที่บรรลุถึงขอบเขตเทวราชแล้วและมีพลังที่แกร่งกล้าอย่างมาก เพราะเหตุนั้น เขาจึงจัดเป็นยอดฝีมือระดับสองของดินแดน
สมาชิกที่ติดตามมากับเขาก็ล้วนมีพลังที่ไม่อ่อนแอเช่นกันและผู้ที่อ่อนแอที่สุดเป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตเทพเซียนหกดาราซึ่งเหนือกว่าระดับที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะรับมือได้
“เฉินหว่านเอ๋อร์แอบคิดการใหญ่ไว้จริง ๆ นางติดต่อยอดฝีมือจำนวนมากเช่นนี้เพราะกังวลว่าเราจะหนีรอดไปได้”
ฉินอวี้โม่และสหายสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มคนชุดดำเหล่านั้นแล้ว นางจึงแสยะยิ้มออกมาและกล่าวด้วยวาจาที่เหน็บแนมเฉินหว่านเอ๋อร์อย่างชัดเจน
แรกเริ่มเดิมที หากไม่มีคนจากนิกายพันปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้อง การเผชิญหน้ากับกลุ่มคนชุดดำอาจทำให้พวกนางบาดเจ็บสาหัสหรืออาจต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อพยายามหาทางรอด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉินอวี้โม่ควบคุมกลุ่มสมาชิกจากนิกายพันปีศาจได้แล้ว คนชุดดำที่ดักรออยู่จึงมิใช่คู่มือของพวกนางอีกต่อไป
แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังไม่รีบร้อนเปิดเผยผู้ช่วยจากนิกายพันปีศาจเหล่านั้น ทว่าให้พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อรอลงมือในภายหลัง
“ลงมือเถอะ !”
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนชุดดำเหล่านี้ไม่คิดที่จะเสียเวลาพูดคุยกับฉินอวี้โม่และคณะ หัวหน้ากลุ่มของพวกเขาโบกมือและส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตนลงมือโจมตีทันที
พวกเขาสองถึงสามคนเข้ารุมล้อมเป้าหมายหนึ่งคนและทันทีที่พวกเขาลงมือ พวกเขาก็แสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่โดยที่คิดจะตัดสินผลลัพธ์การต่อสู้นี้โดยเร็วที่สุด
“เฉินหว่านเอ๋อร์ให้สัญญาว่าจะตอบแทนพวกเจ้าด้วยสิ่งใดกัน พวกเจ้าจึงได้ทุ่มเทพยายามถึงเพียงนี้ ?”
ในขณะหลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่าย ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยถามบุรุษผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้กับตนและยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด
“เมื่อเจ้าตายไป เจ้าก็จะได้รู้เอง !”
บุรุษผู้นั้นตอบกลับอย่างไม่แยแสและไม่ปฏิเสธว่าพวกตนคือคนที่เฉินหว่านเอ๋อร์ส่งมากำจัดฉินอวี้โม่และทุกคน สำหรับเขา เขาไม่เคยคิดว่าพวกนางจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าขอมีชีวิตอยู่เพื่อทราบความจริงดีกว่า”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ และไม่คิดที่จะยั้งมืออีกต่อไป จากนั้นนางก็ส่งคนของนิกายพันปีศาจออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวโดยตรง
“นี่มัน ?!”
หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำมีท่าทีชะงักไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าคนของนิกายพันปีศาจจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้
“คนของนิกายพันปีศาจ เราไม่เคยเรื่องความบาดหมางกับพวกเจ้าและเราก็ไม่คิดที่จะมีปัญหากับพวกเจ้าเช่นกัน เปิดทางให้เรากำจัดคนพวกนี้แต่โดยดีเถิด หลังจากฆ่าพวกนางสำเร็จ เราจะไปจากที่นี่ทันที สำหรับทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดของพวกนาง เรายินดีมอบให้กับพวกเจ้า เราจะไม่แตะต้องพวกมันแม้แต่น้อย”
หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำกล่าวขึ้นทันทีเนื่องจากจดจำได้ตั้งแต่แวบแรกว่าฝ่ายตรงข้ามคือกลุ่มผู้อาวุโสของนิกายพันปีศาจซึ่งล้วนแต่อยู่ในขอบเขตเทวราชระดับสูง ต่อให้เขาพาลูกน้องมามากกว่านี้ เขาก็ไม่มีโอกาสเอาชนะเหล่าจอมยุทธ์ในขอบเขตเทวราชระดับสูงตรงหน้านี้ได้เลย
“เหอะ ในเมื่ออยากจะฆ่านายหญิงของเรา เจ้ายังกล้ากล่าวว่าพวกเราไม่มีความบาดหมางต่อกันหรือไม่อยากจะมีปัญหากับเราอีกรึ ?”
หัวหน้าผู้อาวุโสของนิกายพันปีศาจซึ่งมีความแข็งแกร่งที่เป็นรองเพียงเฉินเฟิงเซี่ยวกล่าวขึ้นก่อนตรงเข้าโจมตีหัวหน้าคนชุดดำทันที
“นายหญิงของเจ้างั้นรึ ? ในนิกายพันปีศาจมีเรื่องเข้าใจผิดกันหรืออย่างไร ?”
หัวหน้าคนชุดดำตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม ก่อนหน้านี้เฉินหว่านเอ๋อร์บอกกับพวกเขาว่าเป้าหมายเป็นเพียงกลุ่มศิษย์นอกของนิกายหมื่นกระบี่และไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งจนเกินไป แน่นอนว่าเขาไม่เคยได้ยินสิ่งใดเกี่ยวกับผู้ที่เป็นนายหญิงของสมาชิกจากนิกายพันปีศาจมาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาทราบดีว่าเฉินเฟิงเซี่ยวผู้เป็นจ้าวนิกายพันปีศาจคือผู้ใด เพราะพระปีศาจผู้นั้นก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่พวกเขาไม่กล้ายั่วยุให้ขุ่นเคืองใจ
“เจ้าอยากจะฆ่าคนเหล่านี้มิใช่หรือ ?”
เฉินคุณประจันหน้ากับหัวหน้ากลุ่มคนชุดดำและกล่าวพร้อมชี้ไปยังฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ
“ใช่ เราได้รับค่าจ้างมาเพื่อแก้ไขปัญหาทุกข์ใจให้กับผู้อื่น พวกนางไม่กี่คนเป็นเพียงศิษย์นอกของนิกายหมื่นกระบี่เท่านั้น แม้จะมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาและมีพลังความแข็งแกร่งที่ไม่ถือว่าอ่อนแอ การสังหารพวกนางก็จะสร้างผลกระทบต่อนิกายหมื่นกระบี่ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อนิกายพันปีศาจของพวกเจ้าเช่นกัน”
หัวหน้าคนชุดดำยอมรับออกมาโดยตรงและพยายามที่จะโน้มน้าวใจคนของนิกายพันปีศาจ
“สารเลวเอ๊ย สตรีผู้นี้คือนายหญิงคนใหม่ของเรา การที่เจ้าต้องการจะฆ่านาง อย่าริอาจกล่าวว่าพวกข้าไม่เกี่ยวข้องด้วย ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้วก็จงอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเถอะ อยากเห็นนักว่าใครกันที่วางแผนกำจัดนายหญิงของเรา !”
เฉินคุนสบถเสียงดังขณะกระบวนท่าของเขาที่ใช้โจมตีฝ่ายตรงข้ามดุดันและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
บุรุษผู้นั้นหลบหลีกออกไปอย่างรวดเร็ว เดิมทีความแข็งแกร่งของเขาก็ด้อยกว่าเฉินคุน เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะขึ้นเป็นฝ่ายได้เปรียบในการประจันหน้าครานี้
“เฉินคุน เจ้าสมองเลอะเลือนไปแล้วหรือ ? นายของเจ้าคือพระปีศาจเฉินเฟิงเซี่ยวมิใช่หรือ ? มันจะเป็นเด็กเมื่อวานซืนผู้นี้ได้อย่างไร ?”
หัวหน้าคนชุดดำแสดงความไม่เชื่ออย่างชัดเจน นิกายพันปีศาจที่ขึ้นชื่อในเรื่องความโหดร้ายยอมรับสตรีไร้ชื่อผู้นี้เป็นนายได้อย่างไรกัน ?
“เจ้าต่างหากที่สมองเลอะเลือน ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าใครคือนายของข้า ?”
เฉินคุนหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะกระหน่ำโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดมากขึ้นส่งผลให้อีกฝ่ายเริ่มถอยร่นไปในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก
“เฉินคุน ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขาหรอก”
เสียงของฉินอวี้โม่ดังขึ้น ในเวลานี้ บรรดากลุ่มคนชุดดำถูกคนของนิกายพันปีศาจกำราบจนอยู่หมัดแล้ว พวกเขาถูกจับมัดไว้ด้วยกันและตัวสั่นเล็กน้อยราวกับนกตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัว
“เฉินหว่านเอ๋อร์บอกว่าเป้าหมายเป็นเพียงกลุ่มศิษย์นอกของนิกายหมื่นกระบี่มิใช่หรือ ? บอกข้ามาสิว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นนายหญิงของพวกเจ้านิกายพันปีศาจได้อย่างไร ?”
หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำอดเอ่ยถามไม่ได้ เมื่อเห็นบรรดาสหายและน้องชายของตนที่ถูกจับตัวไว้ เขาก็โบกมือยอมแพ้และหยุดการโจมตีเพื่อประกาศว่าไม่ต้องการสู้อีกต่อไป
ความแข็งแกร่งของเขายังด้อยกว่าเฉินคุน ต่อให้มีตนเองอีกคน เขาก็ไม่มีทางเอาตัวรอดได้เกินสิบกระบวนท่าด้วยซ้ำ เพราะเหตุนั้น การดิ้นรนขัดขืนต่อไปจึงเป็นเรื่องที่ไร้ความหมาย
“ข้าเป็นศิษย์นอกของนิกายหมื่นกระบี่จริง แต่ก็เป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายพันปีศาจเช่นกัน บอกมาสิว่าพวกเจ้าเป็นใครและเฉินหว่านเอ๋อร์สัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์ใดให้กับพวกเจ้า พวกเจ้าจึงไม่ลังเลที่จะสังหารพวกข้าและท้าทายนิกายหมื่นกระบี่เช่นนี้ ?”
ฉินอวี้โม่ก้าวออกไปข้างหน้าและเดินตรงไปที่หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำโดยไม่มีท่าทีกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีแผนการใดซ่อนไว้
“เจ้ากลายเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายพันปีศาจได้อย่างไร ? หรือว่าเจ้าฆ่าพระปีศาจเฉินเฟิงเซี่ยวไปแล้ว ?”
บุรุษผู้นั้นมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาประหลาดใจและครุ่นคิดว่าสตรีตรงหน้าจะสังหารเฉินเฟิงเซี่ยวได้อย่างไร ความแข็งแกร่งของพระปีศาจผู้นั้นถือว่าคู่ควรที่จะอยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกของดินแดน แม้แต่ผู้นำของเขาก็ยังหวาดหวั่นต่อเฉินเฟิงเซี่ยวเป็นอย่างมาก
“แน่นอนว่าเป็นเพราะข้าปลิดชีวิตของเขาด้วยมือของข้าเอง มิเช่นนั้น เจ้าคิดว่าคนของนิกายพันปีศาจจะยอมรับข้าเป็นนายหญิงได้อย่างไร ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเยือกเย็นและเอ่ยถามอีกฝ่ายโดยที่ไม่ต้องการคำตอบ
“พวกเจ้าบอกความจริงมาเถอะ หลังจากได้ทราบในสิ่งที่ต้องการ ข้าสามารถพิจารณาว่าควรจะไว้ชีวิตพวกเจ้าหรือไม่”
สำหรับกลุ่มคนที่มาดักรอเพื่อสังหารตน เดิมทีฉินอวี้โม่วางแผนที่จะกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก อย่างไรก็ตาม หากพวกเขามีเหตุผลที่ฟังขึ้นมากพอ นางก็ยินดีที่จะไว้ชีวิตพวกเขาเนื่องจากไม่ต้องการเข่นฆ่ามากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น นางก็มีแผนการอื่นเตรียมไว้ในใจเช่นกัน
“เรามาจากประตูเร้นลับ ขุมกำลังของเราเชี่ยวชาญในการทำภารกิจลอบสังหาร สืบข่าวและรวบรวมสมบัติ เฉินหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายติดต่อมาหาพวกเราและต้องการให้พวกเราฆ่าพวกเจ้าโดยให้สัญญาว่าจะแลกเปลี่ยนกับคัมภีร์ลับ ‘หมื่นกระบี่หวนคืน’ ”
หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเปิดเผยทุกอย่างที่ทราบ สำหรับความอยู่รอดของพวกเขาคนของประตูเร้นลับ เขาไม่มีสิ่งใดที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปและผลประโยชน์ของพวกเขาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด