“โครมม!”

เทียนหวูเชวรู้สึกโกรธ กระจกเทพไร้เจตสิกบินออกมาตรงกลางหว่างคิ้ว ปลดปล่อยอานุภาพของอัญเทพฟ้าชิ้นนี้ออกมาหนึ่งส่วน รัศมีเทวยิงทะลวงออกมา ทำให้สุญญากาศแตกสลาย

กระจกเทพไร้เจตสิกเป็นอาวุธที่มีคุณสมบัติทั้งโจมตีและป้องกันในชิ้นเดียว ด้านการโจมตีส่วนใหญ่จะเน้นไปทางโจมตีจิตวิญญาณ สามารถบดขยี้ช่องจิตของผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารให้ละเอียดภายในการโจมตีเดียว

ส่วนด้านการป้องกันนั้น กระจกเทพบานนี้สามารถสะท้อนการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามออกไปได้ ซึ่งยังไม่เคยมีพลังใดที่มันไม่สามารถสะท้อนกลับ

วินาทีนี้เทียนหวูเชวได้กระตุ้นการโจมตีจิตวิญญาณของกระจกเทพบานนี้ เมื่ออยู่ในโลกเซียนเสวียนเทียนนี้ พูดได้เลยว่าไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานแรงโจมตีของมันได้

แต่หลัวซิวกลับไม่ได้เก็บเอาไปใส่ใจ ปล่อยให้รัศมีเทวนั้นพุ่งเข้ามาในตัวหยั่งรู้ แต่ทว่ารัศมีเทวดังกล่าวกลับเป็นเหมือนก้อนหินที่ตกลงไปในมหาสมุทรใหญ่ นิ่งเงียบจนไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

ในตัวหยั่งรู้ของเขามีตำหนักจื่อเซียวคอยคุ้มกัน ซึ่งมันคือทรัพย์สมบัติที่สำคัญของราชาเทพที่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน มันเป็นสิ่งที่อานุภาคเพียงส่วนเดียวของกระจกเทพไร้เจตสิกจะสามารถทำให้สั่นคลอนได้อย่างนั้นหรือ?

“เจ้าอยากตายหรือ?”

มีความคิดที่อยากจะฆ่าพลุ่งพล่านในสายตาหลัวซิว ยกมือขึ้นมาแล้วปล่อยฝ่ามือออกไป รัศมีเทวที่ไร้ขอบเขตพุ่งกระฉูด รวมตัวกันเป็นเงาลวง ราวกับราชาเทพได้ฟื้นคืนชีพ บุกเบิกโลกใบใหม่

“ตู้มม!”

เทียนหวูเชวกระเด็นออกไปในการโจมตีเดียว กระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง เสื้อสีขาวถูกย้อมเต็มไปด้วยเลือด สีหน้าดูไม่สุขุมเยือกเย็นเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป

“หากผู้ใดบังอาจลงมือต่อข้าอีก ตาย!”

หลัวซิวกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ น้ำเสียงหนาวเหน็บเยือกเย็นมาก

ไม่มีผู้ใดสงสัยในคำพูดของเขา ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงตอนนี้เขาไม่ได้ใช้อาวุธเลยด้วยซ้ำ ก็สามารถเอาชนะจ้าวปีศาจมารและเทียนหวูเชวได้อย่างง่ายดายแล้ว

ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไกล ร่างแยกกฎความตายของหลัวซิวมองดูอยู่ไกล ๆ เขารู้สึกทอดถอนใจอย่างมาก และนี่คือความน่าเกรงขามของผู้แข็งแกร่ง เมื่ออยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่พิเศษของโลกเซียนเสวียนเทียนแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนจะมีอำนาจบารมีและน่าเกรงขามเช่นนั้นเมื่อใด?

ภายในวังเซียน มีเพียงเขาคนเดียวที่กำลังยืนไขว้มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง เบิ่งมองสำนักเต๋าเสวียนเทียนในระยะไกล

พื้นที่ภายในวังเซียนกว้างใหญ่มาก ๆ หมอกที่มืดครึ้มตลบฟุ้งไปทั่ว ราวกับดาราจักรวาลที่มีเมฆหมอกบดบัง ส่วนเขาที่ยืนอยู่ภายในนั้นกลับเล็กดั่งเศษฝุ่น

สำนักเต๋าเสวียนเทียนปิดผนึกมานาน แต่ก็ยังมีร่องรอยกฎที่ลึกลับมหัศจรรย์ยิ่งเลิศไหลเวียน แฝงซ่อนไปด้วยแก่นสารต่าง ๆ ของกฎปริภูมิ ทำให้เขามองดูจนมึนเมา

“โครม!”

ออร่าที่ยิ่งใหญ่พรั่งพรูออกมา หลัวซิวลงมืออย่างโหดเหี้ยท ใช้พลังแห่งกฎสร้างมือใหญ่คู่หนึ่งขึ้นมา พยายามสยบสำนักเต๋านี้เพื่อยึดครองมัน

ในขณะเดียวกัน เขานำผลการฝึกตนทั้งหมดของตัวเองยักย้ายถ่ายเทเข้าไปในสำนักเต๋านี้ คิดที่จะกลั่นแปรมันให้เป็นของตัวเอง

สำนักเต๋านี้เป็นแค่สมบัติวิเศษชิ้นหนึ่ง แต่ทว่ามันกลับเหมือนหลุมดำยังไงอย่างนั้น ดูดกลืนผลการฝึกตนทั้งหมดของเขาจนแทบจะแห้งเหือดไปภายในชั่วพริบตาเดียว แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเติมเต็มความต้องการของมันได้เลย

หลัวซิวรีบพลิกมือหยิบยาทิพย์และยาเซียนออกมาจำนวนมาก ดูดเม็ดยาทั้งหมดเข้าไปในปากแล้วกลั่นแปรอย่างรวดเร็ว ยักย้ายถ่ายเทผลการฝึกตนของตัวเองเข้าไปในสำนักเต๋านี้อย่างไม่หยุดหย่อน

แววตาของจ้าวแห่งฝ่าเทียน จ้าวปีศาจมาร เทียนหวูเชวรวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสไท่ซ่างระดับเทพฟ้าในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เป็นประกาย พลางเดินเข้าไปใกล้อย่างเงียบ ๆ

อดีตเหล่าผู้แข็งแกร่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็เคยพยายามสยบสำนักเต๋านี้เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่มีผู้ใดสามารถได้ครอบครองสำนักเต๋านี้ได้อย่างแท้จริง ซึ่งสาเหตุหลักคือสำนักเต๋านี้เหมือนดั่งหลุมดำ ไม่รู้ว่าต้องใช้ผลการฝึกตนที่มากมายมหาศาลเพียงใด ถึงจะเติมเต็มและกลั่นแปรมันได้

แต่ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ผลการฝึกตนถูกกดอันอยู่ที่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ผู้ใดเล่าจะมีผลการฝึกตนที่มากมายมหาศาล สามารถใช้อย่างตามอำเภอใจได้?

ด้วยเหตุนี้ จ้าวแห่งฝ่าเทียน จ้าวปีศาจมารและคนอื่น ๆ จึงวางแผนไว้แล้วว่า ทันทีที่มีคนดังกล่าวเริ่มกลั่นแปรมัน ผลการฝึกตนของเขาต้องสูญเสียไปอย่างรวดเร็วแน่นอน ศักยภาพลดฮวบ ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการซุ่มโจมตีมากที่สุด!

“จากผลการฝึกตนของข้า ก็ไม่สามารถยึดครองสำนักเต๋านี้ได้อย่างนั้นหรือ?”

หลังจากที่ผ่านไปพักหนึ่ง หลัวซิวจึงหยุดยักย้ายถ่ายเทผลการฝึกตนสู่สำนักเต๋านี้ เนื่องจากเขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเหล่าผู้แข็งแกร่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เขาจึงหยุดเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจู่โจมในขณะที่ผลการฝึกตนสูญสิ้นไปหมดแล้ว