เย่หยวนนั้นกลับถูกยกย่องให้กลายเป็นปฐมาจารย์นี้มันได้สั่นสะท้านทั้งโลกการโอสถ!
แน่นอนอยู่แล้วว่าด้วยจำนวนของนักหลอมโอสถชาวมนุษย์ที่มีจำนวนมากล้นอย่างไม่อาจนับนั้น คนที่จะเดินทางออกมายังวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์นั้นมันย่อมมิใช่ทั้งหมด
เรื่องการบรรยายเต๋าของเย่หยวนนั้นมันยังมีบ้างที่คิดดูถูกไม่คุ้มเวลาเดินทาง
แต่เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินเรื่องที่ว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลรวมไปถึงตัวบรรพกาลทั้งหลายยกย่องให้เย่หยวนเป็นปฐมาจารย์พร้อมๆ กันพวกเขาทั้งหลายก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งใจ
เด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งนี้กลับจะกลายเป็นปฐมาจารย์แห่งการโอสถของทุกผู้คน?
ไม่ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นจะมากอำนาจสักเท่าใดมันก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงเรื่องในครั้งนี้ไปได้
ไม่ว่าจะมากอำนาจสักแค่ไหน พวกเขาจะเทียบเคียงอำนาจชื่อเสียงกับเหล่าบรรพกาลทั้งหลายได้?
ตำแหน่งปฐมาจารย์เย่นี้มันได้กลายเป็นความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธ!
ชื่อเสียงของเขาในวันนี้มันเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าตัวโอสถบรรพกาลไปแล้ว!
ในระหว่างนั้นภายในโลกใบน้อยหนึ่งบนผืนทะเลสาบเงียบสงบได้ปรากฏร่างชายแก่ผอมแห้งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
เวลานี้มันมีคลื่นพลังชีวิตมากล้นหมุนวนรอบตัวเขาและขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ
การหมุนวนของคลื่นพลังชีวิตนี้มันได้แบ่งเป็นสองอย่างไม่มีหยุดพักจบสิ้น ท่าทางนั้นมันกลับดูเหมือนตราหยินหยางของเย่หยวนแล้ว!
ไม่ว่าคลื่นพลังชีวิตนั้นมันจะหมุนวนสักเท่าใด แต่ผิวน้ำมันกลับยังคงนิ่งสงบไร้การเคลื่อนไหว แค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าชายแก่ผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา
ไม่นานจากนั้นมันก็ปรากฏอีกเงาร่างหนึ่งเดินมาบนผิวน้ำ
เขานั้นก้มหัวลงคารวะชายแก่ “อาจารย์!”
ชายแก่ผู้นี้ย่อมเป็นโอสถบรรพกาลผู้หายตัวไปจากอาณาจักรทหัยเมฆาแล้ว!
ส่วนอีกคนที่เพิ่งมาถึงนั้นคือศิษย์คนโตที่หายตัวไปพร้อมๆ กับเขาจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อ!
โอสถบรรพกาลพยักหน้ารับพร้อมถาม “ที่โลกภายนอกเกิดเรื่องใดขึ้นมาบ้าง?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อยิ้มตอบกลับไป “เผ่าเทวานั้นยกกำลังเข้าประชิดมิติ เย่หยวนถูกยกย่องเป็นปฐมาจารย์!”
โอสถบรรพกาลที่ได้ยินต้องยิ้มตอบกลับไป “เด็กน้อยคนหนึ่งก็กล้าอวดอ้างตนเป็นปฐมาจารย์หรือ!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อตอบกลับไป “มันมิใช่เขาที่อวดอ้างชื่อนั้น แต่มันเป็นเหล่าบรรพกาลทั้งหลายที่ยกย่องเขาขึ้นมาเป็นปฐมาจารย์ เวลานี้เขาจึงได้กลายเป็นปฐมาจารย์เต๋าโอสถของคนทั้งหลายแล้ว!”
โอสถบรรพกาลที่ได้ยินก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายด้วยสายตาตื่นตะลึง
เพราะจะอย่างไรเสียตัวเขานั้นก็ปกครองมหาพิภพถงเทียนมายาวนานนับไม่ถ้วน แต่มันก็ยังไม่มีใครคิดยกให้เขาขึ้นเป็นปฐมาจารย์เต๋าโอสถ
แต่เย่หยวนนั้นกลับทำได้!
นั่นทำให้ความรู้สึกสับสนเกิดขึ้นมาในจิตใจของเขาอย่างไม่อาจห้าม
“ฮะ เป็นเด็กที่น่ากลัวจริงๆ! แต่จะอย่างไรเสียมันก็ดูถูกบรรพกาลผู้นี้จนเกินไป! เต๋าของมันนั้นได้เสริมสร้างเต๋าให้ข้าอย่างมาก ตราบเท่าที่ข้าวิเคราะห์เต๋าของมันได้เสร็จเรียบร้อยบรรพกาลผู้นี้จะต้องก้าวขึ้นถึงระดับของโอสถเต๋าแท้ได้แน่! ถึงเวลานั้นเมื่อบรรพกาลผู้นี้กลับออกไปแล้วชีวิตทั้งหลายบนโลกหล้าจะต้องสั่นสะท้าน! บรรพกาลผู้นี้ต่างหากที่จะเป็นปฐมาจารย์ของเต๋าโอสถ!”
ฉึก!
ในวินาทีนั้นเองที่มีมือหนึ่งพุ่งผ่านหน้าอกของเขาไป
โอสถบรรพกาลนั้นไม่อาจขยับตัวได้ ต้องหยุดอยู่กับที่ทั้งอย่างนั้น
พร้อมๆ กันนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ากำลังของเขานั้นกำลังจางหายไปเรื่อยๆ
เขาได้แต่หันไปมองดูจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อด้วยความตื่นตะลึง
ในโลกใบนี้คนที่เขาเชื่อและไว้ใจมากที่สุดมันก็คือจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อ!
แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อกลับหักหลังเขาเอาถึงตาย!
เขานั้นไม่อาจเข้าใจ ไม่อยากเชื่อ รู้สึกว่านี่คงเป็นแค่ฝันร้ายไป
“ท-ทำไมกัน?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นยิ้มตอบกลับมาทั้งๆ ที่เสียบมือคาอยู่กลางอกโอสถบรรพกาล “หากโลกหล้านี้จะมีใครบรรลุโอสถเต๋าแท้ได้มันก็ต้องเป็นข้าเท่านั้น! ข้านั้นรับใช้เจ้ามานานปีมันก็เพื่อรอเวลานี้! ข้าจะกลืนเต๋าของเจ้าและกลายเป็นโอสถบรรพกาลที่แท้จริง! ตายให้สงบเถอะ สิ่งใดที่เจ้าเสียไปนั้นข้าจะช่วยทวงคืนมาเอง!”
โอสถบรรพกาลนั้นไม่อาจขยับร่างที่ถูกเสียบแทงนี้ได้และรู้สึกว่าเต๋าภายในร่างมันกำลังค่อยๆ จางหายไป
เขาได้แต่ต้องมองดูจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่ออย่างตกตะลึง ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน
เจ้าหมอนี่มันกลับกลืนกินเต๋าของเขาได้!
โอสถบรรพกาลนั้นได้เข้าใจทันทีว่าตัวเขานั้นประเมินจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อต่ำจนเกินไป
ภายใต้น้ำมือของจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนี้ตัวเขาที่ใกล้ถึงเต๋ากลับไม่อาจขัดขืนใดๆ ได้แม้แต่น้อย
จนสุดท้ายคลื่นพลังของโอสถบรรพกาลมันก็ค่อยๆ เบาบางลงไปเรื่อยๆ
สุดท้ายร่างของเขาก็กลายเป็นแค่กองเลือดกองหนึ่ง
ยอดคนผู้ปกครองฟ้าดินแห่งมหาพิภพถงเทียนมานานนับล้านๆ ปี ผู้ที่ใกล้เคียงกับคำว่าเต๋าบรรพกาลอย่างมากกลับต้องมาตายลงในโลกใบน้อยที่ไม่มีใครรู้จัก!
ส่วนอีกด้านเวลานี้คลื่นพลังยอดเต๋าของจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อก็พัฒนาขึ้นไปอย่างมาก
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “หลายต่อหลายปีมานี้ข้าต้องปกปิดมันไว้อย่างยากลำบาก! แอบซ่อนกลืนกินเต๋าของผู้คนมานักต่อนักจนพัฒนาตัวเองขึ้นมาถึงอาณาจักรโอสถเต๋าได้ เมื่อได้เต๋าของเจ้าเฒ่านี้แล้วข้าก็จะได้กลายเป็นยอดคนอันดับหนึ่งในเต๋าโอสถอย่างแท้จริง! เต๋าของเจ้าเด็กเย่หยวนนั่นเองมันก็น่าอร่อยไม่น้อย หลังจากข้ากลืนเต๋าของมันได้ข้าคงได้กลายเป็นยอดคนวิชาโอสถอันดับหนึ่งที่ไร้ต้านชั่วกาล! ถึงตอนนั้นข้าอาจจะก้าวขึ้นไปถึงระดับของเต๋าบรรพกาลได้ก็ได้ใครจะไปรู้?! อดใจรอไม่ไหวแล้วจริงๆ!”
ที่แท้แล้วเต๋าโอสถของจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นมันแปลกประหลาดกว่าใครๆ
เพราะเต๋าของเขานั้นมันเกิดขึ้นมาจากการกลืนกินเต๋าของคนอื่น!
จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นเป็นตัวตนในยุคสมัยเดียวกับโอสถบรรพกาลและแม้จะมีพรสวรรค์ด้านการโอสถต่ำต้อยแต่เขาเองก็เป็นยอดอัจฉริยะเช่นกัน
ติดตามโอสถบรรพกาลมานานหลายล้านปีนี้เขาได้เห็นยอดอัจฉริยะในการโอสถมามากมาย
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้กลืนกินเต๋าของผู้คนมาอย่างไม่หยุดยั่งจนเกินกาจขึ้นได้อย่างน่าเหลือเชื่อและก้าวขึ้นสู่อาณาจักรโอสถเต๋าในที่สุด!
แต่จะอย่างไรเขานั้นก็ปกปิดซ่อนเก็บมันไว้อย่างดีจนแม้แต่โอสถบรรพกาลเองก็ยังไม่อาจจะจับถึงมันได้ โอสถบรรพกาลจึงเชื่อใจเขามากที่สุด
เวลานี้เมื่อได้กลืนกินเต๋าของโอสถบรรพกาลแล้วเขาก็จะได้กลายเป็นยอดคนอันดับหนึ่งในการโอสถอย่างแท้จริง
แม้แต่ตัวเย่หยวนในเวลานี้ก็ยังอ่อนแอกว่าเขาไปมาก!
ทำให้เป้าหมายของเขานั้นหันกลับไปหาเย่หยวนอีกครั้ง!
ส่วนอีกด้านตัวเย่หยวนที่ถูกยกย่องให้เป็นปฐมาจารย์นั้นได้ออกเดินทางออกไปยังมิติสงครามดึกดำบรรพ์แล้ว
…
ณ เมืองหลวงสวรรค์มายาล้ำ สถานที่ที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ปักหลักอยู่
เขาคนนี้คือยอดคนลื่นลั่นผู้เป็นตำนาน
แน่นอนว่าเขาก็เป็นยอดคนที่เก่งกาจจนทำให้คนที่ได้ยินนามนั้นต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว!
เมื่อมาถึงยังเมืองหลวงสวรรค์มายาล้ำนี้เย่หยวนก็ต้องตื่นตะลึงสุดใจ
ตระกูลเจียนนั้นมันแข็งแกร่งจนเกินไป!
เพราะเหล่าคนที่เดินไปมาสในเมืองแห่งนี้อย่างน้อยๆ ก็เป็นเทพถ่องแท้สิ้น!
จักรพรรดิเทพสวรรค์หรือเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ว่ามีน้อยเองๆ ภายในเมืองนี้มันก็มีให้เห็นไม่ขาด!
เป็นตอนนี้เองที่เย่หยวนได้รู้ว่าเหล่าสมาชิกตระกูลเจียนที่ออกไปตั้งรกรากในโลกภายนอกนั้นเป็นเพียงแค่กลุ่มสำรองชั้นสอง
“ไม่แปลกใจเลยว่าคนเขาถึงเรียกตระกูลเจียนว่าแข็งแกร่งที่สุดในมหาพิภพถงเทียน ภาพตรงหน้านี้มันเหนือกว่าที่เล่าลือกันเสียอีก!” เย่หยวนร้องกล่าว
“หึๆ สหายหนุ่มเย่ก็ล้อข้าเล่นแล้ว!”
ในเวลานั้นเองที่มันได้ปรากฏเงาร่างของคนอีกผู้ขึ้นมาที่ด้านหลังเย่หยวน เขาย่อมเป็นเจียนหยุนซินแล้ว
เย่หยวนจึงหันหน้ากลับไปคารวะ “ผู้อาวุโส!”
เจียนหยุนซินนั้นยิ้มรับ “หึๆ ยินดีสหายหนุ่มเย่ด้วยที่ได้รับการยกย่องแต่งตั้งเป็นปฐมาจารย์แห่งการโอสถ! ปฐมาจารย์เย่นั้นเป็นคนในรุ่นเดียวกับข้าได้แล้ว อย่าได้ถ่อมตัวนักเลย”
เรื่องที่เย่หยวนได้รับการยกให้เป็นปฐมาจารย์นั้นเป็นเรื่องใหญ่สะท้านวงการโอสถ
แต่ในสายตาของยอดคนอย่างเจียนหยุนซินนั้น มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ใด
เพราะเวลานี้เต๋าโอสถของมนุษย์มันตกต่ำลงไปอย่างมาก ไม่อาจจะเป็นกำลังสำคัญในสงครามสิ้นโลกได้
สิ่งที่ตระกูลเจียนให้ค่าในตัวเย่หยวนนั้นมันยังคงเป็นพลังฝีมือการต่อสู้ที่ไร้ต้านนั้น!
เพราะฉะนั้นเขาถึงยังเรียกเย่หยวนว่าเป็นสหายหนุ่มเย่หยวน
เรื่องที่ว่าได้รับการแต่งตั้งเป็นปฐมาจารย์ใดๆ นั้นมันก็แค่คำพูดเยินยอ
เย่หยวนเองก็รู้ดีในใจแต่ไม่ได้กล่าวใดๆ ออกไป
เพราะความจริงที่ว่าเต๋าโอสถตกต่ำนั้นมันคือความจริง เถียงใดๆ ไปก็ไร้ประโยชน์
ไม่เช่นนั้นมีหรือที่เด็กน้อยอย่างเย่หยวนจะได้ถูกเรียกว่าเป็นปฐมาจารย์ไปได้?
แต่จะอย่างไรเย่หยวนก็มั่นใจในวิธีการของตนว่าจะนำเอายุครุ่งเรืองแห่งการโอสถกลับมาได้อีกครั้งในวันหน้า!
เย่หยวนยิ้ม “ผู้อาวุโสท่านก็ล้อข้าเล่นแล้ว พาข้าไปยังมิติสงครามดึกดำบรรพ์เถอะ”
เจียนหยุนซินที่ได้ยินก็ยิ้มตอบกลับมา “ไม่ต้องรีบไป ท่านพ่ออยากเจอเจ้าเสียก่อน!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น “จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นกลับอยากเจอข้าหรือ?”
เขานั้นคิดว่าตนเองก็คงเป็นแค่อัจฉริยะหนุ่มอีกคนในสายตาของตระกูลเจียน
เพราะไม่ว่าเขาจะเก่งกาจอย่างไรเขาก็ยังไม่อาจจะต้องตาอันสูงส่งของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ได้
ไม่นึกไม่ฝันว่ายอดคนผู้ปกครองเผ่ามนุษย์อย่างจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กลับจะอยากพบเจอเขา!
เจียนหยุนซินพยักหน้ารับ “ท่านพ่อนั้นประเมินเจ้าไว้สูงมาก ท่านบอกว่าวันหน้าเจ้าจะได้ทำเรื่องยิ่งใหญ่ สหายหนุ่มเย่ จักรพรรดิผู้นี้ก็ติดตามท่านพ่อมานานปีนับสิบล้านปีแต่ยังไม่เคยได้เห็นท่านพ่อกล่าวชมใครเช่นนั้นมาก่อนเลย ศึกของยอดอัจฉริยะครั้งนี้เจ้าต้องลงมือให้หนักแน่นอย่างได้ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง!”
……………..