เบื้องหน้าเขานั้นมันเป็นแค่ชายแก่ท่าทางร่าเริงผู้หนึ่ง เย่หยวนไม่อาจจะสัมผัสถึงความลึกล้ำสูงส่งใดๆ ได้จากร่างกายของเขา
หากเขาคนนี้ลงไปเดินกับฝูงชนชาวบ้านทั้งหลายแล้วมันคงไม่มีใครคิดเอะใจสงสัย
เขานั้นเป็นเหมือนอากาศ มีอยู่ตรงนี้แต่ก็เหมือนไม่มีอยู่
มันเป็นการยากมากหากเย่หยวนจะคิดเทียบว่าเขาผู้นี้คือยอดคนที่มีนามลือลั่นทั่วแผ่นฟ้า จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้
ดูท่าแล้วตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้คงเข้าถึงสภาวะสูงสุดคืนสู่สามัญในเต๋าของตนเอง!
เย่หยวนนั้นมองดูจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ ทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองก็มองดูเย่หยวนพร้อมๆ กัน
“เจ้าหนุ่ม ดูท่าเจ้าจะสงสัยเรื่องของเฒ่าผู้นี้มากทีเดียว” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกอบอุ่นไปทั้งกายใจ
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มตอบกลับไป “ผู้อาวุโสท่านเป็นถึงเจ้าฟ้าดินที่ลึกลับที่สุดในมหาพิภพถงเทียน มีหรือที่ผู้เยาว์จะไม่สงสัยใคร่รู้เรื่องของท่านได้?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ยิ้มตอบกลับมา “หึๆ เจ้าหนุ่ม ในสายตาของเฒ่าผู้นี้ เจ้าเองก็ลึกลับไม่น้อยไปกว่าข้าหรอก!”
เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งใจทันทีที่ได้ยินคำของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้!
หรือว่าเขาจะสัมผัสถึงอะไรได้?
เมื่อได้เห็นสีหน้าของเย่หยวนนั้นตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็หัวเราะขึ้นมา “เจ้าก็ไม่ต้องทำหน้ากังวลไปถึงขั้นนั้นหรอก ยอดอัจฉริยะที่มีรัศมีไร้คาดเดานั้นล้วนแล้วแต่พกความลับยิ่งใหญ่ติดตัว เพียงแค่ว่าแม้เทียบเคียงกับพวกเขาทั้งหลายแล้วเจ้าก็ยังนับว่าลึกลับกว่ามาก เพราะฉะนั้นเฒ่าผู้นี้จึงยิ่งสงสัยใคร่รู้เรื่องของเจ้า”
“รัศมีไร้คาดเดา?” เย่หยวนถามขึ้น
เพราะก่อนหน้านั้นตัวเจียนหงเซียวได้บอกเขามาว่าเย่หยวนมีรัศมีผ่าจักรพรรดิ แล้วเจ้ารัศมีไร้คาดเดานี้มันคือสิ่งใด?
ตระกูลเจียนนั้นมีการบ่มเพาะที่แปลกประหลาดลึกลับเหนือผู้คน เย่หยวนเองก็ไม่อาจจะเข้าใจมันได้มากมายนัก
เจียนหยุนซินที่อยู่ด้านข้างจึงกล่าวขึ้นมาอธิบายแทน “เผ่ามนุษย์เรานั้นมันยิ่งใหญ่มากปริมาณ ด้วยฝีมือของท่านพ่อนั้นท่านย่อมจะคาดเดาดวงชะตาของผู้คนได้เกือบทั้งหมด แต่จะอย่างไรควงามลับของสวรรค์นั้นมันก็ยากจะคาดเดา มันย่อมจะมีคนที่เกิดขึ้นมาด้วยดวงชะตาที่เหนือล้ำเต๋าสวรรค์! และคนทั้งหลายนั้นแม้แต่ท่านพ่อเองก็ยังไม่อาจจะคาดเดาถึงอนาคตได้ คนที่มีลักษณะเช่นนั้นเราเรียกกันว่าผู้มีรัศมีไร้คาดเดา! เดิมทีแล้วที่คนตระกูลเจียนเราไม่อาจจะอ่านชะตาเจ้าได้นั้นมันก็เป็นเพราะว่าเรื่องนี้เอง!”
เย่หยวนนั้นเข้าใจแจ่มแจ้งถึงเรื่องที่ผ่านมาในทันที ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนตระกูลเจียนหลายคนถึงต้องตาบอดไปเมื่อมองดูรัศมีของเขา ที่แท้มันเพราะว่าเรื่องเช่นนี้
ความลับสวรรค์นั้นมันมิใช่สิ่งที่จะคาดเดาได้ มีหรือที่จะมองดูได้ง่ายๆ?
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวขึ้นมาตาม “เด็กผู้มีชะตาไร้คาดเดานั้นล้วนแล้วแต่ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เต๋าสวรรค์! แม้แต่เต๋าสวรรค์เองก็ยังไม่อาจกำหนดชะตาของพวกเขาได้ ส่วนมากคนเช่นนี้ย่อมจะมากล้นพรสวรรค์อย่างที่ไม่มีใครในยุคสมัยนั้นเทียบเคียงได้!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องขมวดคิ้วขึ้น “จากที่ผู้อาวุโสท่านว่ามานี้ มันน่าจะมีเด็กผู้มีชะตาไร้คาดเดาอยู่ไม่น้อย ด้วยจำนวนประชากรของเผ่ามนุษย์เรานี้มันก็น่าจะให้กำเนิดสุดยอดคนไปมากมาย เผ่าเราน่าจะเก่งกาจมากความสามารถไปแล้ว เหตุใดเราจึงยังตกต่ำอย่างเช่นทุกวันนี้กันเล่า?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ถอนหายใจยาว “ชะตาที่แท้แต่เต๋าสวรรค์ยังไม่อาจควบคุมนั้น มีหรือที่เต๋าสวรรค์จะปล่อยให้ได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย เข้าใจถึงเรื่องราวในทันที
เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดานั้นล้วนเป็นยอดอัจฉริยะที่มีดวงแข็งแกร่ง แต่ก็เพราะเช่นนั้นเองที่ทำให้เต๋าสวรรค์ไม่ยอมรับตัวตนของพวกเขา
เพราะฉะนั้นเต๋าสวรรค์ก็จะพยายามหาทางกำจัดตัวตนเหล่านั้นออกไปเพื่อให้เต๋าสวรรค์ยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างปกติ
เช่นนั้นแล้วศัตรูของพวกเขาคงเป็นเต๋าสวรรค์เลยมิใช่หรือ?
“เพราะฉะนั้นในเวลาหลายหมื่นล้านปีมานี้แม้ว่าจะมียอดคนอัจฉริยะเกิดขึ้นมามากมายในฝ่ายมนุษย์เรา แต่คนที่รอดออกมาได้นั้นมันมีเพียงแค่หยิบมือ! แน่นอนว่าในหมู่คนที่อยู่รอดมานั้นแต่ละคนล้วนกลายเป็นยอดคนที่ปกครองดูแลแผ่นดินแผ่นฟ้า ในเมื่อเจ้าเองก็เป็นหนึ่งในเด็กชะตาไร้คาดเดา เฒ่าผู้นี้ก็เชื่อว่าเจ้าเองก็คงได้เจอเรื่องราวเสี่ยงเป็นตายมามากมายกว่าเหล่านักยุทธทั่วๆ ไปมากล้นใช่หรือไม่?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ถาม
เย่หยวนนั้นจึงได้นึกย้อนกลับไปและพบว่าหากเทียบกับคนทั้งหลายแล้วชีวิตของเขามันเจอเหตุเสี่ยงตายอย่างมากล้นจริง
กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ อันตรายที่เขาต้องพบเจอนั้นมันมากมายจนเกินกว่าจะนับ
โชคยังดีที่เขานั้นรอดกลับมาได้ทุกครั้งไป
“ผู้อาวุโสท่านคงไม่ได้เรียกข้ามาพบเพราะแค่เรื่องนี้หรอกใช่หรือไม่?” เย่หยวนถาม
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ยิ้มตอบกลับมา “ข้าก็บอกไปแล้วมิใช่หรือว่าเจ้านั้นลึกลับอย่างมาก? ในเวลาหลายต่อหลายปีมานี้เฒ่าผู้นี้ได้เห็นเด็กชะตาไร้คาดเดามานักต่อนักแต่ในหมู่คนทั้งหลายนั้น เจ้าก็เป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่ก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ มันมีเจ้าเพียงแค่คนเดียวที่ทำได้! เพราะฉะนั้นเฒ่าคนนี้จึงสงสัยใคร่รู้ในชะตาของเจ้ามาก”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องถามออกมาอย่างลังเล “ผู้อาวุโส… คิดใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับข้า?”
“หึๆ ความอยากรู้อยากเห็นของตระกูลเจียนนั้นมันส่งต่อกันในสายเลือด” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ยิ้ม
“แต่ท่านก็บอกเองมิใช่หรือว่าข้านั้นมีรัศมีไร้คาดเดา? ตาท่านจะไม่เป็นไรหรือ?” เย่หยวนถามออกมาด้วยความกังวล
เป็นเวลานี้เองที่เขาได้เข้าใจว่านิสัยอยากรู้อยากเห็นของคนตระกูลเจียนมันมาจากที่ใด
ที่แท้มันสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษต้นตระกูลนี้
แต่จะอย่างไรเสียเขาก็ยังกังวลเรื่องของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้อยู่ไม่น้อย เพราะเขานั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ
เขานั้นมีเขาน้อยแห่งถงเทียนติดตัว มันมีพลังไร้ต้าน
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ เย่หยวนก็ยังอดกังวลขึ้นมาไม่ได้
แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กลับหัวเราะลั่นขึ้นมา “เจ้าหนุ่ม เจ้านี่เป็นคนแรกเลยที่ดูถูกข้าได้ปานนี้! เจ้าจำไว้เถอะว่าศาสตร์การดูรัศมีนี้แท้จริงเป็นเฒ่าคนนี้เองที่คิดค้นมันขึ้นมา คนอื่นๆ นั้นอาจจะดูรัศมีไร้คาดเดาไม่ได้ แต่เฒ่าคนนี้จะทำไม่ได้หรือ? แม้เต๋าสวรรค์มันจะลึกลับแต่อย่างไรเราก็พอจะอ่านวิเคราะห์มันออกมาได้บ้าง”
เย่หยวนหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ “หากเป็นเช่นนั้นแล้วผู้อาวุโสเชิญลงมือเถอะ”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้พยักหน้ารับก่อนจะปล่อยคลื่นพลังออกมาจากร่างกาย
แรงสะท้อนของพลังนั้นมันทำให้ร่างของเย่หยวนต้องสั่นสะท้านราวกับได้ก้าวเข้ามาในโลกอีกใบ
นี่มันคือโลกที่มีจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เป็นผู้ปกครองอย่างเด็ดขาด
ในที่แห่งนี้เย่หยวนรู้สึกราวกับว่าตัวเขาไม่มีเสื้อผ้าปกปิดใดๆ ทุกสิ่งอย่างไม่อาจเก็บไว้เป็นความลับ
เย่หยวนนั้นตื่นตะลึงสุดใจ นี่หรือคือจุดสุดยอดของผู้ทำนายเต๋าสวรรค์?
เวลานี้ดวงตาของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้มันส่องแสงสีขาวนวลออกมา
แสงนั้นมันส่องลงมาจนถึงร่างกายของเย่หยวนและเหมือนจะมองทะลุทุกสิ่งอย่างของเย่หยวนไปได้
แต่ในเวลานั้นเองที่มันกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน!
แสงแดดเจิดจ้าด้านบนนั้นมันเกิดสายฟ้าทะลวงผ่านลงมาพุ่งเข้าโจมตียังที่ที่พวกเขาทั้งสองอยู่กัน!
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้หน้าถอนสีพร้อมด้วยขนที่ลุกตั้งทั้งร่างกาย
แต่เวลานี้มันไม่มีเวลาให้คิดมากจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้จึงได้ชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าและปะทะกับพลังนั้นด้วยพลังอันหนักหน่วงในร่างของตนเอง
เวลานี้พลังความแข็งแกร่งที่จักรพรรดิเทพสวรรค์อันดับหนึ่งแสดงออกมานั้นมันรุนแรงจนถึงขั้นของคำว่าสวยงาม
สีหน้าของเย่หยวนที่ได้เห็นเรื่องราวเองก็ต้องเปลี่ยนสีไปไม่ต่างกัน เพราะมันราวกับว่าดัชนีนี้ของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้มันสามารถทะลวงท้องฟ้าได้!
นี่มันเป็นดัชนีที่สุดแสนรุนแรง!
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังลั่นขึ้นมาจนทำให้จวนที่พักนั้นแตกกระจายหายไป
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กระอักเลือดออกมาคำโตก่อนจะหันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึงอย่างไม่อาจพูดกล่าวใดๆ ได้
ภาพนี้มันน่าตกตะลึงจนเกินไป!
เพราะตอนที่เขาใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเย่หยวนนั้น มันเหมือนกับว่าเบื้องลึกของเย่หยวนเองก็มีดวงตามองสวนกลับมา!
เจ้าดวงตานั้นมันมองทะลุทุกสิ่งอย่างแต่กลับปกปิดตัวตนไว้อย่างลึกล้ำ
เมื่อสัมผัสได้ถึงดวงตานั้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าตนเองต้องตายลงแล้ว
เขานั้น… รู้สึกราวกับว่าได้จ้องมองตากับเต๋าสวรรค์!
เรื่องเช่นนั้นมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เด็กชะตาไร้คาดเดานั้นล้วนถูกเต๋าสวรรค์ชิงชัง
แต่ทำไมเขากลับรู้สึกราวกับตัวเองได้สบตากับเต๋าสวรรค์แทน?
มันเป็นความขัดแย้งที่มากเกินบรรยาย!
พร้อมกับสายฟ้ารุนแรงนั้นมันเป็นการตักเตือนจากเต๋าสวรรค์อย่างชัดเจน!
เตือนว่าการสอดรู้ในเต๋าสวรรค์มันคือการขบถ!
เต๋าสวรรค์นั้นส่งคำเตือนลงมา!
นี่มันยังโชคดีที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นมีพลังเหนือล้ำฟ้าดิน ไม่เช่นนั้นหากเป็นคนอื่นๆ แล้วพวกเขาคงได้กลายเป็นเถ้าธุลี!
มีหรือที่เขาจะรู้ได้ว่าเขาน้อยแห่งถงเทียนของเย่หยวนนั้นมันเป็นเหมือนเต๋าสวรรค์น้อย?
การที่เขาคิดดูดวงชะตาของเย่หยวนนั้นมันก็เหมือนกับการมองดูความลับของเต๋าสวรรค์ตรงๆ
มีหรือที่เต๋าสวรรค์จะยอมรับเรื่องนั้นได้?
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นมีพลังฝีมือเหนือล้ำราวสัตว์ประหลาด ตั้งแต่ที่เขาบรรลุเต๋าขึ้นมาได้นั้นมันยังไม่เคยจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
วันนี้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ
……………..