ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1204 บีบบังคับ
ตระกูลคีรวัตร
ตอนที่แสนรักมาถึง เขาเห็นคฤหาสน์นั้นยังคงสว่างสไหวด้วยแสงไฟ
ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ไฟยังสว่างอยู่
เขาแสยะยิ้มและเปิดประตูรถลงไป
“ติ้งต๊อง…..”
ดลธีก็ลงมาจากด้านนี้ เขาเห็นประตูแกะสลักบานนั้นที่กำลังปิดอยู่ ดังนั้นเลยเดินนำเข้าไปกดกริ่ง
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ ในคฤหาสน์หลังนี้ไฟเปิดอยู่ก็จริง แต่หลังจากกดกริ่งเรียกไปแล้ว กลับไม่มีเสียงตอบรับอยู่นาน หิมะที่พัดมากำลังเอาความหนาวเหน็บมาให้ เหมือนเป็นการเยาะเย้ยพวกเขา ผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเทวเทพที่เคยคิดว่าตนแน่สุดนั้น ถึงเวลานี้ไม่มีใครเปิดประตูรับสักคน
ดลธีโกรธ กำลังเตรียมที่จะกดกริ่งต่อ
“กระโดดเข้าไป”
เสียงของผู้ชายที่เยือกเย็นดังขึ้นที่ด้านหลัง
ดลธีหันกลับมายังไม่ทันตั้งตัว BOSSใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขาก็ได้เดินไปถึงรั้วกำแพงนั้น จับไปที่ก้านต้นไม้ที่ยื่นออกมาในคฤหาสน์แล้วกระโดดเข้าไป
ดลธี “……..”
ยังดีที่ท่านประธานของเขายืดหดตัวได้
คนทั้งสองได้เข้ามายังด้านใน หลังจากที่แสนรักมองดูปราดนึงอยู่กับที่แล้ว แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองที่ยังเปิดไฟอยู่
“คุณ……”
เตชินทร์ที่กำลังดูโทรทัศน์อยู่บนชั้นสอง หลังจากที่ได้เห็นคนทั้งสองเข้ามา ก็ตกใจจนหน้าเขียว
เจ้าคนนี้ช่างกำเริบเสิบสานจริงๆ!
จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักเก็บอาการสักบ้าง ไม่รู้จักปล่อยวางท่าทางตัวเองลง
“คุณมาที่นี่ทำไม มาขอความเมตตาให้กับปู่คุณหรอ?”
“ไม่ใช่ ผมจะมาถามคุณ ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคุณคือใคร?”
ผู้ชายที่ร่างยังมีเกล็ดหิมะปกคลุมอยู่บางๆ ในมือทั้งสองสอดเข้าในกระเป๋าเสื้อคลุม ยืนอยู่ภายใต้แสงไฟ เขาจ้องมองเขาและถามด้วยใบหน้าเย็นชา
ทันใดนั้นเตชินทร์ให้หน้าถอดสีทันที
“คนที่อยู่เบื้องหลังอะไรกัน ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร”
“ไม่เข้าใจงั้นหรอครับ งั้นผมถามคุณใหม่ก็ได้ ตกลงว่าคุณเป็นใครกันแน่ครับ จากการสำรวจของผม คุณเป็นแค่ข้าราชการรัฐจากระดับล่างแล้วค่อยๆไต่ขึ้นมา แต่ว่าคุณมีนิสัยเหมือนทหาร ขนาดการสูบบุหรี่ก็กำหนดไว้ตอนเช้า9.30 เที่ยง12.15 แล้วตอนเย็น6.00 คุณบอกผมได้มั้ยว่าทำไม?”
“คุณ…….”
เตชินทร์โกรธขึ้นมาอีกครั้ง!
และครั้งนี้เป็นเพราะความตกตะลึงที่อยู่ในจิตใจ เขาเลยผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาจ้องมองชายหนุ่มด้วยความตะลึงและความโกรธ ทั่วร่างสั่นน้อยๆ
เวลาการสูบบุหรี่นี่เป็นเวลาของกองทหาร
เพราะเดิมทีในกองทหารไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ แต่จะมีหน่วยที่พิเศษหน่อยที่อดไม่ได้จริงๆ เลยกำหนดเวลาภายในเอาไว้เพื่อให้พวกเขาได้ผ่อนคลาย
เตชินทร์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ผ่านไปสักพักนึง เขาเลยชี้ไปที่ผู้ชายคนนี้และกัดฟันพูดว่า “สมน้ำหน้า!”
แสนรักแสยะยิ้ม “คนสมน้ำหน้าผมมีเยอะไป ก็แปลกที่จะมีคุณเพิ่มเข้ามา”
เตชินทร์ “…………..”
ผ่านไปสักพักนึง จนพิมลได้ยินเสียงและเดินเข้ามา และเทชาให้เขาดื่ม เขาถึงผ่อนคลายลง
พิมล “เอาละ อย่าโกรธเขาเลย ตอนนั้นพ่อของเขาได้ช่วยชีวิตคุณไว้ งั้นตอนนี้เพื่อถือเป็นชดใช้ คุณเอาเรื่องราวบอกเขาไปเถอะ”
เขาพูดโน้มน้าวสามีตัวเอง
เตชินทร์ได้ยินดังนั้นก็จ้องมองที่แสนรักอีก แล้วก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ใช่ ผมเคยเป็นทหารจริงๆ แต่ต่อมาก็ได้หนีทหาร ผู้บัญชาการขุนนายพ่อของคุณ ได้ให้ทางหนีทีไล่กับผม และไม่ได้พูดแฉผม ผมถึงกลายเป็นผู้เป็นคนได้อีกครั้ง”
“……”
เรื่องนี้ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ
ยังลากพ่อของเขาเข้ามาเกี่ยวอีก
แสนรักกระดกยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เตชินทร์ “แต่ถ้าคุณยังอยากพาครอบครัวของคุณออกจากเมืองหลวงนี้ คุณก็ไม่ต้องถามอีกว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง ผมจะคิดหาวิธีทำให้พวกคุณกลับเมืองAอย่างปลอดภัย”
“แล้วก็…..ทางไชยันต์ ผมก็จะคิดหาวิธีให้เขาออกมาให้ได้”
สุดท้ายเขาได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างนี้
จริงๆแล้วพอเรื่องนี้เปิดฉากขึ้นก็โหดร้ายมาก เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนปกติคือเหมือนอย่างไชยันต์ที่มีคุณูปการต่อประเทศชาติ ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะต้องให้ภายในจัดการกันก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความแตกตื่นของประชาชน
แต่ไชยันต์นั้นไม่ใช่
พอเรื่องของเขาถูกแฉออกก็ได้ขึ้นข่าวในทวี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่ควบคุมอยู่เบื้องหลังนี้ อยากที่จะให้เขาไม่มีที่ยืน
แต่ตอนนี้เตชินทร์กลับจะช่วยเขาคิดหาวิธี
อารมณ์ร้ายของแสนรักก็ไม่ได้รุนแรงอย่างนั้นแล้ว
แต่เขาได้หยิบของอย่างนึงออกมาจากร่างของเขา และส่งให้กับดลธีที่อยู่ด้านข้าง
“สองมิลลิลิตรก็พอ”
“ครับท่านประธาน”
ดลธีรับมา
ภรรยาของเตชินทร์มองอย่างไม่เข้าใจนัก จนกระทั่งพวกเขาเห็นบอดี้การ์ดชุดดำคนนี้ ในมือถือกระบอกฉีดยา แต่จริงๆแล้วไม่ใช่สิ่งของนั่น
ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
“วสุ คุณจะทำอะไร อย่าเข้ามานะ!”
“ประธานาธิบดีชินทร์ สไตล์ของท่านประธานของพวกเราคือสิ่งที่เขาอยากรู้ เขาต้องได้รู้ เขาไม่แทรกแซงคุณ แต่คุณก็อย่ามาขัดขวางทางเขา”