ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1203 พายุยิ่งถาโถมหนัก
เป้าต่อไปงั้นหรอ?
คงต้องเป็นเขาแน่!
ตอนนี้อำนาจใหญ่สุดของตระกูลเทวเทพ คงไม่ใช่ไชยันต์ที่สูงวัยอีกต่อไปแล้ว ไชยันต์ยังจะมีอำนาจอะไรได้อีก หรือต่อให้ตอนนี้ม็อกโกอยู่ อำนาจที่มีก็สู้แสนรักไม่ได้
แต่ตอนนี้แสนรักที่เผชิญหน้ากับคำถามนี้ของเขา กลับไม่ได้ตอบซึ่งๆหน้า
“หลายปีที่ผ่านมานี้ความลับนี้ไม่เคยเผยออกก็กลับมาเผยออกซะตอนนี้อีก นายคิดว่ามันหมายถึงอะไร?”
เขาพูดอย่างเยือกเย็นด้วยตาแดงๆ
ดลธี “………”
เรื่องนี้ล้ำลึกเกินไปหน่อย เขาไม่สามารถตอบได้
แต่หลังจากที่เห็นท่าทางของเขา เลยถามด้วยความกังวลว่า “จ้องเล่นงานตระกูลดทวเทพมานานแล้วหรอครับ?”
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันเชื่อ แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งถูกกำจัดอิสริยาภรณ์สิบดาวไป เป็นคนฉลาด คงไม่คิดเอาชนะตระกูลเทวเทพ”
“แล้ว…..ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้ครับ?”
“มีแค่เหตุผลเดียว ผู้คุมอำนาจที่แท้จริงได้รู้ว่าควบคุมฉันไม่ได้ ดังนั้นแผนการที่ดีที่สุดคือทำลายตระกูลเทวเทพไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด!”
คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่นั่งด้านหน้าคอมพิวเตอร์จะพูดอย่างนี้ออกมา
ดลธีชะงักไปอย่างสิ้นเชิง!
ผู้คุมอำนาจที่แท้จริงงั้นหรอ?
นี่หมายความว่ายังไงกัน? ไม่ใช่เตชินทร์หรอกหรอ?
เขาทั้งตกใจและกลัว ยืนนิ่งตรงนั้นอยู่สักพักโดยไม่พูดอะไรออกมา
แต่ความจริงเป็นอย่างนี้
วันนั้นที่เตชินทร์มาที่เดอะวิวซีตอนแรกแสนรักไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมายั่วกันถึงที่? นั่นเป็นท่าทางที่โง่มากๆ
จนกระทั่งภัยพิบัติได้เกิดขึ้น ในที่สุดเขาถึงตระหนักได้
ใช่ จริงๆแล้วเตชินทร์อาจจะไม่ต้องโกรธเหมือนไชยันต์อย่างนั้น เขาต้องเสร็จศึกฆ่าโค หลังจากที่ตระกูลเทวเทพได้ช่วยให้เขามีอำนาจรัฐที่มั่นคงแล้ว และเขี่ยครอบครัวพวกเขาทันที
เขาอาจจะเตือนแล้วก็ได้!
เพราะถ้ามีสมองหน่อยก็จะไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนี้เด็ดขาด เขาวสุจะสามารถไปเป็นเลขาของเขาได้หรอ? นั่นเป็นการหาเรื่องให้กับตัวเองหลังจากที่เพิ่งได้ตำแหน่งไม่ใช่หรอ?
แต่น่าเสียดาย ตอนนั้นคนของตระกูลเทวเทพไม่มีใครคิดถึงจุดนี้ เขาแสนรักก็เหมือนกัน
ดังนั้นหลังจากที่ไชยันต์ปฏิเสธเขาอย่างโมโหและแสดงอำนาจใส่เขา ภัยพิบัติของตระกูลเทวเทพก็มาถึง ไม่ยอมจำนนหรือสิ้นไป เป็นสัจธรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“แล้ว….แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีครับ หรือว่าจะไปหาพยานเพื่อช่วยนายท่าน”
ดลธีที่ยืนอยู่ตรงนั้นอยู่นานได้ยินเสียงตัวเองถามขึ้น
แต่ท่านประธานกลับส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่มีประโยชน์ ช่วยไม่ได้”
ดลธี “……….”
ช่วยไม่ได้?
เขากล้าพูดว่าช่วยไม่ได้หรอ?
ดลธีสะท้านไปทั่วร่าง เพราะเขารู้ว่าถ้าคนๆนี้พูดว่าไม่มีทาง เรื่องนั้นโดยรวมก็เท่ากับศูนย์
“เตชินทร์อยู่ไหน?”
“หื้ม?” ดลธีเงยหน้าขึ้นมาทันที “อันนี้เขาน่าจะอยู่ที่บ้านของตัวเองนะครับ”
“โอเค นายพาฉันไปหาเขาตอนนี้!”
พูดทิ้งท้ายเสร็จ เขาก็ลุกจากเก้าอี้ยืนขึ้นทันที
ดลธีชะงัก
ตรงนี้หรอ?
“ท่านประธาน คุณ……”
“พี่จะไปหาเขาทำไมครับ ดึกขนาดนี้แล้ว มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากันไม่ได้หรอครับ?”
ช่วงเวลาสำคัญ เส้นหมี่ที่โอ๋เด็กๆเสร็จแล้วก็เข้าไป เห็นเขาจะไปหาเตชินทร์ตอนนี้เธอเลยรีบร้อนอยากที่จะเข้าไปห้าม
เธอไม่ยอมให้เขาไปแน่นอน ตั้งแต่ตระกูลเทวเทพเกิดเรื่องขึ้นพิมลตระกูลคีรวัตรที่ติดต่อกับเธออยู่บ่อยๆก่อนหน้านี้ก็หายไป
แล้วถ้าเขาเข้าไปตอนนี้ เตชินทร์จะให้เขาพบมั้ย?
เส้นหมี่ไม่ยอมให้เขาคนนี้ถูกพวกนั้นปฏิบัติอย่างอับอายขายหน้า ก็เขาเป็นคนที่ทะนงตนอย่างนั้น
แต่เขากลับขมวดคิ้ว
“ไม่ได้นะ พรุ่งนี้พี่อาจจะไม่มีอิสระนี้แล้วก็ได้
“……..”
ในที่สุดในห้องก็เงียบลง
เหมือนเสียงทุกอย่างได้หายลงไปอย่างไรอย่างนั้น ในทั่วทั้งห้องอึดอัดจนได้ยินเสียงตัวเองหายใจ หน่วงใจและเจ็บปวดใจ
แต่ก็ไม่มีทางจะห้ามได้
สุดท้ายแล้วเส้นหมี่ทำได้แค่มองผู้ชายคนนี้เดินออกไป ผลักหน้าต่างออก ตอนที่ลมหนาวพัดจากข้างนอกพัดเข้ามา เธอได้เห็นตอนที่สองร่างนั้นรีบเข้าไปนั่งในรถที่อยู่ชั้นล่าง ทันใดนั้นน้ำตาที่อยู่ตรงขอบตาก็กลั้นไว้ไม่อยู่
“คุณผู้หญิง อย่าเสียใจไปเลยค่ะ คุณผู้ชายเป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่น คงไม่นิ่งดูดายหรอกค่ะ”
ไม่รู้ว่าพี่ภาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังจากที่เห็นฉากนี้ เธอก็พูดปลอบจากด้านหลัง
เส้นหมี่ได้ยินก็เสียงใจหนักขึ้น “ฉันรู้ เพียงแต่ว่าฉัน….เพียงแต่ว่าฉันไม่อยากเห็นเขาก้มหัวให้ใคร พี่ก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ชีวิตนี้ไม่เคยก้มหัวให้ใคร เขาเป็นคนที่ถูกเอาใจ เขาเป็นคนที่ยืนอยู่สูงกว่า จนตอนนี้เขาต้องทิ้งท่าทางของตัวเพราะเรื่องนี้ ฉัน…..”
คำพูดที่อยู่ด้านหลัง เส้นหมี่สะอื้นอยู่ในลำคอไม่ได้พูดออกมาต่อ
แต่ใครจะไปรู้ข้อความหลังที่เธอจะสื่อ
นั่นสิ คนที่เคยเป็นเปล่งประกายและจู่ๆต้องให้เขามาสวามิภักดิ์ต่อคนอื่น ความแตกต่างนี้ คนอื่นต่างก็รับไม่ได้ นับประสาอะไรกับเขาล่ะ?
พี่ภาก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอทำได้แค่มองไปที่นอกหน้าต่าง ก็เห็นว่าหิมะได้ถาโถมหนักขึ้น….