เย่เฉินก็ได้ตอบรับ และเดินเข้าไปที่ห้องครัว
ที่จริงในตู้เย็นมีไข่อยู่กล่องหนึ่ง เขาไม่อยากให้หม่าหลันได้กินไข่ เขาเลยเอาไข่ทั้งหมดออกมาตอกและเทลงในท่อน้ำ ถึงจะดูสิ้นเปลือง แต่ถ้าเอาไปให้หม่าหลันกินจะเป็นการสิ้นเปลืองกว่า
ต่อมาเธอได้ต้มน้ำร้อนหนึ่งหม้อ และหยิบหมี่ใส่ลงไป
ตอนที่เขากำลังต้มหมี่อย่างมักง่าย มีข้อความส่งมาทางวีแชท
เธอเปิดวิแชท พบว่าในกลุ่ม “เพื่อนๆสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจินหลิง” มีคนแท็กเขา
คนยี่สิบสามสิบคนในกลุ่มนี้ เป็นคนที่ป้าหลี่รับมาเลี้ยง และเป็นเด็กกำพร้าที่ป้าเลี้ยงมาจนโต แต่ตอนนี้ทุกคนก็ได้เข้าไปสู่สังคมหมดแล้ว และแต่ละคนก็ไปอยู่ตามที่ต่างๆทั่วประเทศ และไม่ได้ติดต่อกันความสัมพันธ์เลยไม่ค่อยแน่นแฟ้น
เย่เฉินเข้าไปที่กลุ่มแชท ก็ถึงรู้ว่าไม่ใช่มีคนมาแท็กเขาคนเดียว แต่มีคนส่งข้อความและแท็กทุกคนในกลุ่ม
คนที่ส่งข้อความคือหลี่เสียวเฟินที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นคนส่ง ในข้อความมีเนื้อหาว่า: “แอบมาบอกข่าวดีกับทุกคนนะ ตอนนี้ป้าหลี่หายดีและกลับมาอยู่ที่จินหลิงแล้วด้วย!”
หลี่เสี่ยวเฟินเป็นเด็กกำพร้าที่เธอเคยรู้จักที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เด็กคนนี้ พึ่งเกิดมาไม่นานก็ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง และป้าหลี่ก็เป็นคนเลี้ยงเธอมาจนโต เธอเด็กกว่าเย่เฉินสองสามปี เธอเป็นน้องเล็กในสายตาของเย่เฉินเสเมอ
ป้าหลี่ก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้นามสกุลอะไร ป้าหลี่ก็เลยตั้งนามสกุลให้เธอตามนามสกุลตัวเอง และตั้งชื่อว่าหลี่เสี่ยวเฟิน
หลังจากที่หลี่เสี่ยวเฟินโตแล้ว เธอก็ทำงานอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากับป้าหลี่ เป็นหนึ่งเดียวในยี่สิบสามสิบคนนั้น ที่ยังทำงานอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เห็นเธอบอกว่าป้าหลี่หายป่วยกลับมาแล้ว เย่เฉินรีบถามไปในกลุ่มว่า: “ป้าหลี่กลับมาแล้วทำไมไม่บอกฉันสักคำ พวกเราจะได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับป้ากลับมา”
หลี่เสี่ยวเฟินพูดว่า: “พี่เย่เฉิน ป้าหลี่บอกว่าไม่อยากลำบากพวกพี่ เลยไม่มีใครบอกพี่ ที่ฉันรู้ก็เพราะว่าตอนเย็นป้าหลี่กลับมากะทันหัน”
เย่เฉินถามต่อว่า: “แล้วสุขภาพของป้าหลี่เป็นไงบ้าง? ป้ายังแข็งแรงใช่มั้ย? ป้าพึ่งหายป่วย คงไม่กลับไปทำงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลยนะ?”
“ใช่แล้ว!” หลี่เสี่ยวเฟินพูดว่า: “ป้าหลี่เป็นคนแบบไหน พี่เย่เฉินรู้ดีกว่าใครอยู่แล้ว ป้าไม่มีทางนั่งๆ นอนไม่ทำอะไรหรอก ป้าไม่ได้มาที่สถานเลี้ยงเด็กนานมาก เธอคงคิดถึงเด็กๆที่นี่จนจะบ้าแล้วแน่ๆ”
ระหว่างที่พูดหลี่เสี่ยวเฟินพูดอีกว่า: “แต่ตามที่ฉันดูนะ สุขภาพของป้าก็ดีนะ ไม่เหมือนคนที่เคยป่วยหนักมาก่อนเลย คงหายดีแล้วมั้ง!”
เย่เฉินถึงได้โล่งใจ เพราะตอนนั้นถังซื่อไห่ส่งป้าหลี่ไปรักษาที่โรงพยาบาลเซี๋ยเหอเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเย่นจิง และตัวเองก็ช่วยจ่ายค่ารักษาสองล้านด้วย ในนี้เป็นค่าฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยเป็นส่วนใหญ่
ขณะเดียวกัน คนในกลุ่มแชทก็เริ่มส่งข้อความ
“อา ป้าหลี่ออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือ? ดีมากเลย!”
“ฮ่าๆ ฉันรู้อยู่แล้วป้าหลี่เป็นคนดีคนดีต้องมีสิ่งดีๆ เป็นสิ่งตอบแทน ป้าหลี่ต้องหายดีอย่างแน่นอน!”
ขณะนี้ มีคนที่ชื่อเจี่ยงหมิงได้แท็กทุกคนและพูดในกลุ่มว่า: “ไหนๆป้าหลี่ก็หายป่วยและออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันมีข้อเสนอว่าคนที่เคยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจินหลิงทั้งหมด ไปที่เยี่ยมป้าหลี่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กตอนนี้เลย และหาห้องอาหาร เพื่อจัดงานต้อนรับป้าหลี่กลับมา ทุกคนว่าดีมั้ย?”
“ใช่ๆๆ ความคิดของเจี่ยงหมิงก็ไม่เลวนะ ฉันกำลังจะเลิกงานแล้ว ฉันไปได้ตลอดเวลา!”
“ใช่ ป้าหลี่หายป่วยเป็นเรื่องใหญ่ที่น่ายินดี พวกเราต้องไปเยี่ยมป้าหลี่นะ!”
สำหรับเรื่องนี้ หลี่เสี่ยวเฟินก็ส่งอีโมจิรูปดีใจและพูดว่า: “ที่ฉันมาบอกข่าวนี้กับทุกคนเพราะฉันก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน พวกเราไม่ได้เจอป้าหลี่มานานแล้ว และพวกเราก็ไม่ได้เจอกันมานานแล้วเช่นกัน ก็ถือโอกาสนี้มาเลี้ยงข้าวป้าหลี่กัน ฉันเชื่อว่าป้าหลี่จะต้องดีใจแน่นอน”
“โอ๊ย พวกเธอที่อยู่ที่จินหลิงจะรอวันสองวันไม่ได้หรือ? รอพวกฉันที่อยู่ต่างไกลหน่อยสิ ไม่งั้นฉันจะซื้อตั๋วเครื่องบินบินกลับไปวันนี้เลย และพรุ่งนี้ฉันจะไปร่วมงาน”
เรื่องที่เจี่ยงหมิงบอก: “เรื่องงานเลี้ยง ต้องเป็นวันที่ป้ากลับมาถึงจะดูเป็นพิธีการหน่อย”