“ใช่!” คนที่ชื่อจ้าวเห้าที่อยู่ในกลุ่มแชทพูดว่า: “ป้าหลี่ป่วยหนักขนาดนั้น ตอนนี้ป้าหายป่วยกลับมาแล้ว ถ้าพวกเราที่ป้าเลี้ยงมาจนโต ไม่ได้กลับไปเยี่ยมป้าหลี่ทันที ป้าอาจจะรู้สึกเสียใจก็ได้นะ”

เจี่ยงหมิงพูดว่า: “เอาแบบนี้มั้ย พวกเราหาโรงแรมห้าดาว มาเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของป้าหลี่กัน”

หลี่เสี่ยวเฟินพูดว่า: “เจี่ยงหมิง พวกเราไม่ต้องไปที่หรูหราแบบนั้นหรอก ทั้งชีวิตของป้าหลี่เธอประหยัดมาโดยตลอด ถ้าไปจัดงานเลี้ยงที่แบบนั้น ป้าจะต้องไม่สบายใจแน่ๆ หรือไม่ก็พาป้าไปกินข้าวที่ร้านอาหารที่เปิดมาหลายปีที่อยู่ตรงข้ามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ได้!”

เมื่อเย่เฉินนึกถึงร้านอาหารร้านนี้ที่เปิดมาเป็นสิบปี เขาได้ถอนหายใจในใจ

ตอนที่ตัวเขาเองอายุสิบแปดปี ป้าหลี่ก็ใช้เงินที่ใช้จ่ายอย่างประหยัด และพาเด็กๆและตัวเขาเอง ไปกินข้าวที่ร้านอาหารนั้น

ป้าหลี่ซื้อเค้กวันเกิดมาจัดวันเกิดให้เขาด้วย ตัวเขาก็ไม่ได้มีคุณสมบัติที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะรับเลี้ยงไว้แล้ว เขาก็เลยออกไปสู่สังคม

ตอนนี้คิดๆดูแล้ว ตอนที่กินข้าวที่นั่น เป็นมื้อที่อบอุ่นที่สุดในชีวิตของเขา

เขาก็เคยพูดออกมาทันทีว่า: “ไม่คิดเลยว่าร้านอาหารนี้จะยังเปิดอยู่! ร้านที่เสี่ยวเฟินเลือกเป็นร้านที่ดีมาก! งั้นพวกเราก็นัดเจอกันที่นี้เลย!”

เจี่ยงหมิงตอบว่า: “ฉันว่าเย่เฉิน ทุกคนก็ทำงานมาหลายปีแล้ว มากหรือน้อยก็มีเงินเก็บอยู่บ้าง สำหรับป้าหลี่แล้ว ไม่ต้องขี้เหนียวแบบนี้ก็ได้มั้ง?”

เย่เฉินก็ตอบว่า: “ฉันไม่ได้ขี้เหนียวนะ ฉันแค่เคารพความเคยชินของป้าหลี่ พวกเราพาป้าหลี่ไปเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาว ป้าหลี่อาจจะไม่ดีใจอย่างที่พวกเราคิดก็ได้ แต่กลับจะรู้สึกว่าพวกเราสิ้นเปลือง และป้าอาจจะเจ็บปวดใจก็ได้นะ”

เจี่ยงหมิงพูดว่า: “เชอะ ฉันรู้นิสัยของนาย นายก็อยากจะประหยัดเงินใช่มั้ยละ?”

ระหว่างที่คุยกัน เจี่ยงหมิงก็ส่งข้อความเสียงมา: “เย่เฉิน ฉันรู้ว่านายมีชีวิตที่ไม่ดีเท่าไหร่ นายเป็นฝ่ายที่แต่งงานไปอยู่บ้านฝ่ายหญิง นายไม่มีเงินเก็บก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ป้าหลี่เป็นคนที่เลี้ยงนายมาจนโต บุญคุณที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ถึงนายจะต้องเสียงเงินนิดหน่อย เพื่อจะซื้ออาหารที่ดีๆให้ป้ากินจะไม่ได้เลยหรือ?”

เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

เจี่ยงหมิงคนนี้ แต่ก่อนที่อยู่สถานเลี้ยงเด็กก็ไม่ค่อยถูกกับตัวเอง ตอนนั้นเจี่ยงหมิงที่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าเด็กที่วัยเดียวกันเขาเลยหาพรรคพวกอยู่ในสถานเลี้ยงเด็ก และหาพรรคพวกได้เยอะแล้วรวมตัวกันไปรังแกเด็กคนอื่น

เย่เฉินก็โดนรังแกเหมือนกัน แต่ตอนที่เย่เฉินยังอยู่ที่ตระกูลเย่แห่งเย่นจิง เขาเคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาบ้าง คนทั่วไปสู้เขาไม่ได้หรอก และคนที่เจี่ยงหมิงพามาก็โดนเย่เฉินต่อยจนร้องไห้และฟันหลุดไปตามๆกัน

และหลังจากนั้น คนที่ใจแคบอย่างเจี่ยงหมิงก็แค้นเย่เฉินมาโดยตลอด คอยหาเรื่องและพุ่งเป้าหมายไปยังเขา

ที่สำคัญ เจ้าคนนี้มีจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ ตอนเด็กก็เคยหาเรื่องให้สถานเลี้ยงเด็กไม่น้อย

เขาเคยไปลักขโมยของข้างนอกแล้วถูกจับได้ สุดท้ายป้าหลี่ต้องชดใช้ค่าเสียหายและขอโทษถึงจะปกป้องเขาไว้ได้

หลายปีแล้วไม่ได้เจอกัน เย่เฉินคิดว่าเจ้าคนนี้คงไม่ได้ดีไปมากแค่ไหนหรอก

แต่เย่เฉินก็ไม่อยากไปทะเลาะกับเขา: “นายจะพูดอย่างไงก็ตามใจนายเลย แต่ฉันคิดว่า ไปร้านที่เสี่ยวเฟินพูดนั้นเหมาะที่สุดแล้ว”

หลี่เสี่ยวเฟินก็รีบพูดออกมาว่า: “ฉันก็คิดว่าสิ่งที่พี่เย่เฉินพูดมีเหตุผลนะ ป้าหลี่ประหยัดมาทั้งชีวิต พวกเราพาเธอไปเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาว ป้าคงไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่”

จ้าวเห้าที่เคยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตอนเด็กก็พูดสมทบ ว่า: “ฉันก็สนับสนุนเหมือนกัน!”

ทุกคนก็เห็นด้วย และหลี่เสี่ยวเฟินก็เลยพูดว่า: “คืนนี้ที่สามารถมาร่วมงานได้มีอยู่สิบกว่าคน และในนี้เก้าคนเห็นด้วยที่จะไปกินที่ร้านอาหารเดิมนี้ งั้นพวกเราส่วนน้อยก็ต้องยอมคนส่วนมาก! พวกเราไปจ้องที่นั่งในร้านอาหารนั้นตอนนี้เลย! พวกนานก็รีบมานะ!”

“ได้ๆๆ!” ทุกคนตอบรับพร้อมกัน และตอบตกลงอย่างดีใจ