เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะได้เจอป้าหลี่เร็วๆนี้ เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
หลังจากที่นายหญิงใหญ่เซียวเสียไป และตัวเขาไปยืมเงินกลางงานเลี้ยงแล้วถูกด่า หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอป้าหลี่อีกเลย เพราะถังซื่อไห่ส่งป้าหลี่ไปโรงพยาบาลเย่นจิงแล้ว
เย่เฉินกับป้าหลี่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ถึงขั้นที่เย่เฉินเห็นป้าหลี่เป็นแม่แท้ๆของตัวเองเลย
ก่อนหน้านี้ที่ป้าหลี่พึ่งป่วย เย่เฉินหาเงินตามที่ต่างๆอย่างสุดชีวิต ถึงกับเคยแอบไปติดต่อขายเลือดตัวเองอีกด้วย และรับเงินเก็บของเซียวซูหรันไปไม่น้อย เพื่อให้ป้าหลี่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เฉินพยายามสุดชีวิต ช่วยป้าหลี่ระดมเงิน ป้าหลี่คงอยู่ไม่ถึงตอนที่ถังซื่อไห่ปรากฏตัวก็ได้ เป็นไปได้มากที่ป้าจะไม่รอด
ถึงอย่างไรก็ตามเย่เฉินก็คิดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาควรทำ ถึงจะเป็นแบบนี้ เย่เฉินตอบแทนบุญคุณของป้าหลี่แค่หนึ่งในแสนเท่านั้น
ตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่พ่อเคยสอนเขานับครั้งไม่ถ้วนว่า เป็นผู้ชายต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณของคนอื่น คนโบราณเคยกล่าวว่าไว้บุญคุณแม้เพียงน้ำหยด ก็ควรตอบแทนให้ได้ดั่งสายธาร เย่เฉินถือปฏิบัติมาโดยตลอด
เขาก็เลยไม่สนใจหมี่ที่อยู่ในหม้อของหม่าหลัน เขาถอดเสื้อกันเปื้อนทันที และเดินออกมาจากห้องครัว และพูดกับเซี่ยวซูหรันที่กำลังดูหม่าหลันอยู่ว่า: “ที่รัก ฉันมีธุระด่วนต้องไปจัดการที่สถานเลี้ยงเด็กหน่อย!”
หม่าหลันพูดออกมาว่า: “หมี่น้ำของฉันนายทำเสร็จหรือยัง? นี่ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ นายยังจะออกไปไหน?”
เย่เฉินตอบด้วยความรังเกียจและรำคาญว่า: “หมี่ต้มอยู่ในหม้อ เดียวแม่ไปตักขึ้นมากินเองนะ! วันนี้ป้าหลี่พึ่งหายป่วยกลับมาฉันจะไปจัดงานต้อนรับป้า”
หม่าหลันได้ยินแบบนี้ก็ได้ด่าออกมาพร้อมความโมโห: “ไอ้คนแซ่เย่ ไอ้สัตว์นี่นายแสดงกิริยาอะไรกัน กล้าพูดแบบนี้กับฉันหรือ! นายไม่มีจิตสำนึกที่เป็นลูกเขยแต่งเข้าเลยหรือ? นายก็ไม่ดูเลยว่าตอนนี้กินข้าวของใครอยู่ กินน้ำของใครอยู่ ใส่เสื้อผ้าของใครอยู่ และอยู่บ้านใคร?”
ระหว่างที่พูด หม่าหลันก็พูดด้วยความเสียดสีว่า: “ถ้าไอ้ป้านั้นตายไปแล้วเกี่ยวอะไรกับนาย?”
เย่เฉินทนมานานแล้ว เขาคิดว่าแม่ยายคนนี้เข้าคุกไปรับโทษสองวัน กลับมาแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น แต่ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เลยเธอไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือเธอยังพูด เหยียดหยามผู้มีบุญคุณกับตัวเองอย่างป้าหลี่อีก
เย่เฉินจ้องไปที่หม่าหลันและพูดด้วยความโกรธว่า: “ตอนนี้ผมซื้อข้าวกินเอง และซื้อน้ำกินเอง เสื้อผ้าผมก็ซื้อใส่เอง บ้านผมก็อยู่บ้านผมเอง! แม่อย่าลืมนะว่า บ้านหลังนี้คนอื่นเป็นคนมอบให้ผม และเฟอร์นิเจอร์ในบ้านผมก็ใช้เงินที่ผมดูฮวงจุ้ยให้คนอื่นมาซื้อ ผมก็เลยมีกิริยาแบบนี้ ถ้าแม่ไม่พอใจก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่าเลย!”
หม่าหลันได้ยินแบบนี้ โกรธจนพูดอะไรไม่ออกเลย
เธออยากที่จะด่าเย่เฉินแรงๆ แต่เมื่อคิดดูแล้วก็พบว่าสิ่งที่เขาพูดก็ถูก
ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ก่อนเขายังอยู่ในห้องเล็กๆ ของบ้านเธอ อยู่บ้านคนอื่นไม่ว่า แถมยังไม่มีรายได้ด้วย ตอนนั้นเธอจะด่าเขาอย่างไงก็ได้
ตอนนี้เขามีอนาคตแล้ว มีคนให้บ้านพักตากอากาศนี้กับเขา แถมยังตกแต่งให้อย่างสวยงามด้วย และเขาดูฮวงจุ้ยให้คนแต่ละครั้งสามารถหาเงินได้เป็นล้าน
กลับมามองที่ตัวเอง ตอนนี้เธอไม่เงินเหลือเลย ถ้าเย่เฉินโกรธแตกคอกับตัวเองจริงๆ แล้วไม่ให้ตัวฉันอยู่บ้านหลังนี้ แล้วฉันจะไปอยู่ไหน?
นึกถึงตอนนี้ หม่าหลันมองไปที่เย่เฉินที่มีสีหน้าโกรธ ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและกลัว
แต่เธอก็พยายามกอบกู้พลิกสถานการณ์และมองไปที่เซียวซูหรันด้วยความน้อยใจ: “ซูหรัน สามีเธอทำเกินไปนะ มีสามีที่ไหนจะพูดแบบนี้กับแม่ยาย? เธอก็ไม่ดูเขาเลยนะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเขายังจะเคารพฉันหรือ?”
คิดไม่ถึงว่าเซียวซูหรันจะตอบอย่างจริงจังว่า: “แม่ ฉันว่าสิ่งที่เย่เฉินพูดก็ไม่ผิดนะ ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านพักต่างอากาศที่คนอื่นให้ถ้าไม่มีเขา พวกเราก็จะไม่ได้อยู่บ้านที่ดีแบบนี้ แม่จะทำแบบเดิมกับเขาไม่ได้แล้วนะ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย!”